การฟัง คือการให้ความรักอย่างหนึ่ง รู้จักการฟังอย่างเข้าใจ (Empathy Listening) ที่จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์เราลึกซึ้งและยิ่งเรารู้จักฟัง เราก็ยิ่งรักกันมากขึ้น
.
การฟังอย่างใส่ใจคืออะไร?
การฟังอย่างใส่ใจ (Empathy Listening) หรือเรียกอีกอย่างว่า การฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ เป็นการฟังที่เราจะสามารถจับได้ทั้งประเด็น สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะพูด อารมณ์ ความรู้สึก ความคิด รวมไปถึงความต้องของอีกฝ่ายได้เวลาที่เค้าพูดคุยกับเราได้
.
โดยเวลาที่เรามีการพูดคุยกัน ทุกครั้งมักจะมีเรื่องของความรู้สึกเกิดขึ้นอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกร่วมหรือความรู้สึกที่ขัดแย้ง แต่ว่าการฟังนี้จะมีข้อสำคัญอยู่ว่าเป็นการฟังที่เราจะไม่มีการใส่ความคิดของตัวเองหรือตัดสินเหตุผลของ
เค้าไปล่วงหน้าก่อน เป็นการที่เราฟัง รับฟัง ฟังเค้าด้วยหัวใจ
.
ถ้าเรารู้จักการฟังอย่างใส่ใจจะทำให้เรารักกันมากขึ้นจริงหรอ?
เราคิดว่ามันได้ผลมาก ๆ เหตุผลที่กล้ายืนยัน เพราะว่าเมื่อมีการฟังอย่างใส่ใจเกิดขึ้นจะทำให้เราสามารถรู้สึกถึงความต้องการ อารมณ์ ความรู้สึกจริงของอีกฝ่ายได้ ซึ่งมันช่วยหลายอย่าง
ยิ่งกับในสถาการณ์ที่มีการเข้าใจผิดหรือทะเลาะกัน การฟังนี้ช่วยลดความขัดแย้งได้ หรืออาจช่วยให้ไม่เกิดการทะเลาะกันขึ้นเลย
.
เทคนิคสำคัญของการฟังอย่างใส่ใจ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าต้องไม่ลืมหัวใจหลักมันที่ก่อนฟังเราจะต้องเปิดใจ รับฟัง โดยที่ #ไม่ตัดสิน หรือ #ใช้ความคิดประสบการณ์ของตัวเองโต้แย้งเค้า เวลาที่มีการคุยกัน เราจะต้องเป็นฝ่ายที่ “ฟัง”
ฟังเท่านั้นก่อน ฟังทุกอย่างที่เค้าอยากจะพูดร่วมกับการใช้ภาษากายบ้างเพื่อตอบรับ เช่น การพยักหน้าหรือการมองตาแล้วปล่อยได้เค้าได้พูด
.
จากนั้นเราก็ใช้การสะท้อน ซึ่งเป็นสะท้อนผ่านการทวนความ ทวนคำพูดของเค้าและสะท้อนอารมณ์ของเค้าที่เค้ากำลังรู้สึกที่เราสัมผัสได้ เช่น 'เมื่อกี้เธอบอกว่าเธอเสียใจที่เราตะคอกใส่เธอ' 'เธอกำลังรู้สึกแย่ที่เราเผลอลืมเรื่องที่เรานัดกันไว้' เป็นต้น
.
การทวนความและการสะท้อนจะทำให้อีกฝ่ายเค้ารู้สึกว่า เราฟังเค้าอยู่จริง ๆ นะและกำลังพยายามเข้าใจเค้า ซึ่งมันทำให้เราสามารถต่อยอดการสนทนานั้นหรือรู้ว่าเราต้องทำอะไรต่อ เพราะเรากำลังเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายแล้ว
.
เราจะรู้ว่าเค้าอยากให้เราขอโทษ อยากให้เราอยู่ด้วย หรือแม้แต่อยากให้เราทำอะไร ซึ่งตอนที่เรากำลังสะท้อนความรู้สึกกันและกัน เราก็สามารถใช้ภาษากายร่วมด้วยได้ ใช้การสัมผัสไปด้วย การจับแขน การจับมือ หรือการจับไหล่ มันจะทำให้บรรยากาศตรงนั้นเป็นบรรยากาศที่เย็นลงมาก ๆ ถ้าเป็นในกรณีที่กำลังขัดแข้งกันอยู่
.
สุดท้ายให้การฟังนี้เป็นการฟังที่ไม่รีบร้อนและเท่าเทียม หมายความว่าเป็นการฟังที่อีกฝ่ายได้พูดอย่างไม่รีบร้อน ซึ่งให้เราใช้การสะท้อนนี่แหละ เพื่อโต้ตอบบ้างระหว่างการฟัง จะช่วยให้การพูดคุยในเรื่องนั้นไม่นานเกินไปหรือออกทะเลไปด้วย ส่วนเรื่องเท่าเทียม คืออย่างเราเป็นฝ่ายที่ได้พูดแล้วก็ต้องผลัดเป็นฝ่ายฟังบ้าง เพื่อที่จะเข้าใจกันทั้งคู่ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอะไรหรือกำลังต้องการอะไรอยู่นั่นเอง
.
การฟังอย่างใส่ใจก็เป็นการรับฟังที่ต่างฝ่ายต่างเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้กันและกัน อยากบอกว่าทักษะนี้ไม่ใช่แค่ใช้ได้กับคู่รักเท่านั้นนะ แต่เราสามารถนำไปใช้กับเพื่อน คนในบ้าน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่เพื่อนใหม่ก็ได้ทั้งหมดเลย
ให้ความรักผ่านการฟังอย่างใส่ใจกันด้วยนะ 🙂
.
Happening Team
#lovestory
#Happening