20 เม.ย. 2021 เวลา 20:00 • ดนตรี เพลง
จะทำอย่างไรในวันที่สังคมไร้เสียงดนตรี
ในสภาวะสงคราม ผู้คนต่างอกสั่นขวัญแขวนและหวาดกลัวในอันตรายที่กำลังเผชิญ
หนึ่งในเครื่องมือที่ปลอบประโลมผู้คนให้ปลดแอกจากความกลัวเหล่านั้น คงหนีไม่พ้น "…เสียงดนตรี…"
ไม่ว่ายุคใดสมัยใด
เสียงของสงครามที่สร้างความหวาดกลัวและความตาย
ย่อมมาพร้อมกับเสียงของดนตรีที่สร้างความรื่นเริงและปลอบประโลมใจ
สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพลง White Christmas เป็นเพลงยอดนิยมของทหารอเมริกันที่มีทำนองและความหมายที่ทำให้ทหารอเมริกันนึกถึงบ้าน นึกถึงความงามของหิมะ และความอบอุ่นในช่วงวันคริสต์มาส ทำให้ผู้ฟังมีความสุขและคิดถึงบ้าน ช่วยปลอบประโลมให้ทหารอเมริกันไม่ให้เสียขวัญจากการทำสงครามและมีความหวังที่จะกลับบ้าน
ฝั่งบ้านเราในสมัยจอมพลป. ท่านผู้นำก็ไม่ได้สั่งให้ปิดโรงมหรสพการแสดง เพื่อให้เป็นสถานที่ปลอบประโลมผู้คน ไม่ให้ตื่นกลัวกับสงคราม และให้วงดนตรีทำการแสดงสดตามโรงมหรสพต่างๆ ทำให้เกิดวงดนตรีใหม่ๆ อย่าง วงสุนทราภรณ์ รวมถึง บรรดาเพลงปลุกใจ หรือ การมีรำวงมาตรฐาน เพื่อให้ผู้คนได้มาสนุกสนานประกอบกับเสียงดนตรีประโลมใจ
แต่ในปัจจุบันเราก็กำลังประสบกับสภาวะความตึงเครียดจากระบาดของโควิด-19 แม้หากกล่าวในแง่ระบาดวิทยาและความพร้อมในการรับมือการระบาดของเชื้อโรค การระบาดของเชื้อโรคดูจะมีความตึงเครียดน้อยกว่าสภาวะสงครามจริงๆ ด้วยซ้ำ แต่ทว่ารัฐไทยกลับสร้างสภาวะความเครียดให้กับประชาชนไม่ต่างอะไรกับการอยู่ในสภาวะสงคราม
เราไม่ได้เผชิญเพียงแค่สภาวะความเครียดเดียว แต่รัฐทำให้เราเผชิญกับสภาวะความเครียดถึง 2 สภาวะเป็นอย่างน้อย
คือ…
(1) เราต้องเผชิญกับสภาวะความเครียดที่กำลังต่อสู้กับเชื้อโรค ที่ถูกตอกย้ำว่ามันจะทำให้ผู้คนเจ็บป่วย ล้มตายอย่างน่ากลัว
(2) เราต้องเผชิญกับสภาวะความเครียดจากความยากจน ที่เราต้องกระเสือกกระสนเพื่อความอยู่รอดในช่วงการระบาดของไวรัสและรัฐที่สร้างความกลัวจนลืมความยากจนของประชาชน
.
"ในสภาวะความเครียดทั้ง 2 นี้ กลับไร้เสียงดนตรีประโลมใจคน"
และที่แย่ไปกว่านั้น คือ ผู้สร้างเสียงดนตรี ก็ถูกพันธนาการโดยรัฐทำให้ไม่สามารถถ่ายทอดบทเพลงประโลมผู้คนจากสภาวะความเครียด เนื่องจาก สถานบันเทิง ผับ บาร์ ยังถูกปิด อีกทั้งคอนเสิร์ตการแสดงต่างๆ ก็ถูกยกเลิกเกือบทั้งหมด จากมายาคติความเลวร้ายที่รัฐสร้างขึ้น
จริงอยู่ที่สงครามแบบใช้อาวุธฆ่าฟันกันอาจเทียบไม่ได้กับสงครามเชื้อโรคในปัจจุบัน เพราะในสงครามโลก เราสามารถร้องรำทำเพลงได้ถ้าระเบิดไม่ตกใส่เรา แต่ในสงครามเชื้อโรค การรวมกลุ่มร้องรำทำเพลงไม่สามารถทำได้เพราะอาจจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อ โดยเฉพาะผับ บาร์ ที่เป็นสถานที่ปิดต่างๆ แต่เมื่อไม่มีเสียงดนตรี แล้วนักดนตรีจะอยู่อย่างไร? ผู้คนจะประโลมใจตัวเองได้อย่างไร?
เป็นไปได้หรือไม่!?
ที่เราจะเอานักดนตรีออกมาสู่สถานที่เปิด เอาเสียงดนตรีออกมาสู่ที่แจ้ง
ไม่ว่าจะนักดนตรีอาชีพ หรือนักดนตรีสมัครเล่น เพราะคนเหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างยิ่งการปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คือ การปิดช่องทางรายได้ของพวกเขา และยังไม่นับกลุ่มผู้จัดการ กลุ่มผู้ดูแลเครื่องเสียง และอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว
เป็นไปได้หรือไม่!?
หากรัฐจะช่วยให้พวกเขากลับมามีรายได้อีกครั้ง โดยเฉพาะนักดนตรีมือสมัครเล่นที่ต้องพึ่งพิงรายได้จากสถานบันเทิง ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยให้พวกเขาได้ถ่ายทอดเสียงดนตรีประโลมใจให้ผู้คนในสภาวะความเคียดที่กำลังพบเจอ โดยที่ไม่เป็นแหล่งแพร่เชื้อของโควิด-19
จะเป็นไปได้หรือไม่
หากผู้เขียนเสนอให้ ท้องถิ่นต่างๆ ว่าจ้างนักดนตรี โดยเฉพาะนักดนตรีมือสมัครเล่นในท้องถิ่น ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก ให้มาเล่นดนตรี เป็นวงเล็กๆ ตามสถานที่เปิดต่างๆ เช่น สวนสาธารณะ ตลาดนัด หรือที่อื่นๆ เพื่อให้ได้สร้างเสียงเพลงบรรเลงขับกล่อมเมือง
ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับ…แน่นอนว่า จะทำให้นักดนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องกลับมามีรายได้อีกครั้ง ได้กลับมาทำงานที่พวกเขารักและยังบรรเทาความเครียด ปลอบประโลมใจผู้คนจากความหวาดกลัวได้อีกด้วย
อีกทั้งเพื่อเป็นสัญญาณเรียกผู้คน ให้ออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ให้ออกมาเดิน มาวิ่ง มาทำกิจกรรมกลางแจ้ง คืนความเป็นเมือง คืนชีวิตที่เงียบเหงาให้กลับมารื่นเริง ปลดแอกความหวาดกลัวที่เกินกว่าเหตุ ปลดปล่อยให้เสียงของดนตรีได้ปลอบประโลมผู้คน ปลดปล่อยให้เสียงดนตรีได้ปลอบประโลมเมือง ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของนักดนตรี และปลดปล่อยให้ความสุขที่มาพร้อมกับเสียงดนตรี ทำหน้าที่ประโลมใจที่ทุกข์ทน…
ปล่อยให้ดนตรีได้ทำหน้าที่ของมัน
ให้ดนตรีประโลมเมือง
บทความเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2564
โฆษณา