21 เม.ย. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #จะจบลงกันแบบไหน ? ]
ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรเรอัล มาดริดในฐานะหัวเรือใหญ่ในการก่อตั้งยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ออกมาพูดถึงประเด็นร้อนในเวลานี้ไว้เป็นฉากๆ
เพราะหลังจากที่ข่าว 12 ทีมใหญ่ในยุโรป รวมตัวกันจัดตั้งลีกที่แยกเฉพาะออกมาจากองค์กรใหญ่อย่างยูฟ่าและฟีฟ่า โดยจะนำสมาชิกทั้งสิ้น 20 ทีมมาวางระบบหวดกันใหม่ แบ่งเค้กก้อนใหญ่กันเองน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า
12 ทีมที่จับมือกันประกาศเรียบร้อยประกอบไปด้วยจากพรีเมียร์ลีก 6 ทีม สมาชิกจาก "บิ๊กซิกซ์" มากันครบครันไม่ว่าจะแมนฯซิตี้ , แมนฯยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล , อาร์เซน่อล , เชลซีและท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
จากเซเรีย อา 3 ทีมคือยูเวนตุส , อินเตอร์ มิลานและเอซี มิลาน
จากลาลีกา 3 ทีมคือบาร์เซโลน่า , เรอัล มาดริดและแอตเลติโก้ มาดริด
ขาดอีก 8 ทีมจะไปหาบิ๊กเนมมาเพิ่มอีก 3 แต่มีข่าวว่าทั้งปารีส แซงต์ แชร์กแมง , บาเยิร์น มิวนิคและปอร์โต้ได้ปฏิเสธไปเรียบร้อย จำต้องไปเฟ้นหามาอีกยังไม่แน่ชัดว่าทีมไหนจะเข้าร่วม
อีก 5 ทีมที่เหลือจะจัดแข่งคัดเลือกเข้ามา เมื่อครบ 20 ทีมก็จะได้ฤกษ์หวดกัน ซึ่งคาดว่าเปิดฉากในฤดูกาล 2023/24 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข่าวลืออีกต่อไป แต่ยืนยันอย่างชัดเจนมาจากทุกสโมสรเรียบร้อย
และแน่นอนว่าถูกต่อต้านอย่างหนักหน่วง
นอกเหนือไปจากองค์กรบิ๊กเบิ้มที่ทรงอิทธิพลในโลกฟุตบอลปัจจุบันทั้งฟีฟ่า , ยูฟ่า , พรีเมียร์ลีก แม้กระทั่ง บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของยูเคก็ออกมาคัดค้านสุดพลัง
1
ไม่นับอดีตนักเตะมากมาย แกรี่ เนวิลล์ , รอย คีน , แกรี่ ลินิเกอร์ รวมไปถึงบรมกุนซือระดับตำนาน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต่างก็ไม่เห็นด้วย ตำหนิการรวมตันเพื่อหวังแต่กอบโกยเงินรายได้เท่านั้น โดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ในขณะเดียวกันแฟนบอลส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย ป้ายผ้าและแบนเนอร์ต่างๆ ผุดออกมารณรงค์กันอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งวลีคลาสสิก "เกมที่คนจนสร้างขึ้นมา แต่โดนคนรวยขโมยไป"
พวกเขาพยายามจะบอกว่าต้นกำเนิดของฟุตบอลแทบทุกมุมโลก มาจากชนชั้นแรงงานทั้งสิ้น แม้กระทั่งการเกิดระบบลีกที่โยงยาวมาจนปัจจุบันก็เป็นไอเดียจากกรรมาชีพทั้งหลายเช่นกัน
เสียงต่อต้านถือว่าดังมากๆ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝั่งซึ่งได้ยินชัดเจนดีแล้ว จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วยเลย
ในขณะเดียวกัน อเล็กซานเดอร์ เซฟิริน ประธานยูฟ่าออกมาแถลงการณ์จวกแหลกไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น เล่นงานผู้บริหารแต่ละทีมแบบเหลืออด
เขายืนยันว่าก่อนมีการประกาศเรื่องโปรเจคต์ซูเปอร์ลีกออกมาไม่กี่วัน เอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอแมนฯยูไนเต็ดได้โทรหา บอกว่าพอใจรูปแบบการแข่งขันใหม่ของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
คือทางยูฟ่าเองก็รู้ว่าการขับเคี่ยวถ้วยใหญ่ยุโรปในระบบเดิมนั้นมันเริ่มเอาท์แล้ว จึงคิดว่าต้องการเปลี่ยนแปลง นอกจากเพิ่มอรรถรสและความเข้มข้น ยังจะมีส่วนแบ่งให้แต่ละสโมสรมากขึ้นอีกต่างหาก
นั่นหมายความว่า วู้ดเวิร์ด ไม่ได้พูดความจริงเลยสักนิดเดียว นี่คือการหลอกลวงชัดๆ
ขณะเดียวกัน อันเดรีย อันเญลลี่ ประธานใหญ่ของยูเวนตุสก็เคยคุยเรื่องนี้กันอย่างดิบดี รับปากมั่นเหมาะว่าจะร่วมมือกันเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
แต่สุดท้ายมาหักหลังกันทำตัวเป็นเหมือนอสรพิษร้ายไม่มีผิด เรียกว่าไว้ใจกันไม่ได้เลยสักนิดเดียว
การที่ประธานยูฟ่าด่าผู้บริหารของสโมสรใหญ่ระดับโลกออกสื่อแบบนี้ มันสะท้อนได้ถึงบรรยากาศที่มาคุตึงเครียดหนักข้อเข้าไปทุกที
ไม่ใช่แค่นั้น เซเฟริน ยังยืนยันว่าหากสโมสรไหนเข้าร่วมจะต้องมีบทลงโทษที่รุนแรง โดนขับออกจากสมาชิกของยูฟ่า เช่นเดียวกับตัดสิทธิ์ในบอลถ้วยยุโรปที่เหลือด้วย
หมายความว่าเรอัล มาดริด , เชลซีและแมนฯซิตี้ จะไม่ได้ลงเล่นในเกมยูซีแอลที่เหลือ ปล่อยให้เปแอสเชซึ่งเป็นทีมเดียวในรอบรองชนะเลิศไม่ได้เข้าร่วมซูเปอร์ลีก สมหวังคว้าแชมป์ประวัติศาสตร์ไปเลย
ขณะเดียวกันนักเตะคนไหนที่ลงเล่นในซูเปอร์ลีก ก็จะถูกแบนจากทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับโลกทั้งฟุตบอลโลกและยูโร
อย่างไรก็ดี เปเรซ ทุบโต๊ะเปรี้ยงเลยว่า หากทำอย่างนั้นจริงจะเดินเรื่องฟ้องศาลโลก เพราะตามกฏที่ระบุไว้ทุกสโมสรได้รับการคุ้มครองอยู่แล้ว
แน่นอนว่าเรื่องนี้คงไม่จบแค่ 1-2 วัน มันอาจลากยาวไปอีกนานกว่าจะได้บทสรุปที่ชัดเจน
เพราะเงินทองมันของบาดใจ ไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว
"นี่คือการเซฟฟุตบอล ไม่ได้เป็นการทำลาย" -- ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประกาศก้องไว้เช่นนี้
เขาต้องการบอกว่ายูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีกจะทำให้ฟุตบอลกลับมาเติมเต็ม มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ไม่ใช่แคระแกร็นเพราะถูกองค์กรใหญ่คอยขัดขวางหลายอย่าง
จากการที่ประชุมลับกันมาหลายรอบของผู้บริหารกลุ่มสโมสรที่ร่วมกันก่อตั้ง ซึ่งในนั้นมีมือกฎหมายและทนายมือดีร่วมให้ปรึกษาด้วย
หนึ่งในนั้นคือการเปลี่ยนแปลงกฎกติกามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ VAR หรือกระทั่งช่วงเวลาการเล่นแต่ละเกม จากเดิมที่โม่กันนาน 90 นาที อาจไม่ต้องเหนื่อยกันขนาดนั้นอีกต่อไป
รวมทั้งอาจเปลี่ยนเป็น 3 ควอเตอร์หรือเป็น 4 ก็ได้ เพื่อช่วยให้ผู้เล่นเซฟแรง รวมไปถึงเตะกันได้ถี่มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องอั้นแค่ 2 แมตช์ต่อสัปดาห์ มีโอกาสได้ถึง 3 ด้วยซ้ำ โดยที่ร่างกายไม่บอบช้ำไปกว่าเดิม
แน่นอนว่ามันอาจไม่คุ้นเคยสำหรับใครหลายคนที่ชินกับรูปแบบเก่า แต่พอดูไปได้สักพักจะเข้าใจเอง รวมทั้งรู้สึกว่าสนุกเร้าใจกว่าเดิม
ประเด็นสำคัญที่ เปเรซ ต้องการบอกก็คือเท่าที่ผ่านมายูฟ่าหมกเม็ด ไม่เคยมีการแจกแจงรายละเอียดเรื่องรายได้ขององค์กรเลย
"ทำไมเงินเดือนของทางยูฟ่าและลา ลีกาไม่เปิดเผยต่อหน้าสาธารณะกันล่ะ?
"ทำไมถึงไม่ลดเงินเดือนผู้บริหารในช่วงที่ไวรัสระบาดล่ะ?
"เอาจริงๆเราต้องการความชัดเจนโปร่งใสมากกว่าที่เป็นอยู่ ทุกคนรู้ดีว่า เลบรอน เจมส์ มีรายได้เท่าไร แต่ไม่รู้เลยว่าเงินเดือนของประธานยูฟ่าเท่าไรกันแน่"
ประโยคดังกล่าวของ เปเรซ ย่อมปลุกกระแสให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามกับยูฟ่าเช่นเดียวกัน เพราะเท่าที่ผ่านมาเป็นฝ่ายฟันเงินก้อนใหญ่ แล้วหั่นแบ่งเล็กน้อยให้กับสมาชิก
ทั้งที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม แต่หลายสโมสรกลับได้เงินตอบแทนกลับมาไม่แฟร์
ในขณะเดียวกันส่วนแบ่งของยูฟ่า ยูโรปาลีกก็น้อยเกินไป ไม่สมน้ำสมเนื้อเลย
เมื่อ เปเรซ โยนระเบิดไว้เช่นนี้ ทางยูฟ่าเองก็ต้องมีคำตอบเช่นเดียวกัน เป็นการห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใครอีกต่อไป
1
เพราะหากยูฟ่าไม่มีสโมสรใหญ่ไว้จัดทัวร์นาเมนต์ จะไปกอบโกยผลประโยชน์จากที่ไหนกัน ดังนั้นส่วนแบ่งต้องเหมาะสม ไม่ใช่โยนเศษเนื้อข้างเขียงมาให้
ส่วนการจ่ายค่าจ้างเรตสูงๆให้พวกแข้งดัง มันเป็นเรื่องของแรงขับเคลื่อนทุนนิยม ที่จำเป็นต้องเกิดการแข่งขัน ไม่มีสโมสรไหนอยากต้องควักทุนมหาศาลหรอก
ถึงตรงนี้ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนจะยอมถอยก่อน แต่หากไม่มีการเจรจาเกิดขึ้น ไม่รู้จริงๆว่าจะจบลงอย่างไร
บางทีเราอาจได้เห็นฟุตบอลในรูปแบบที่เปลี่ยนไป ส่วนเรื่องผลประโยชน์นั้นยังเหมือนเดิม
เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเกิดขึ้น
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา