20 เม.ย. 2021 เวลา 23:30 • ไอที & แก็ดเจ็ต
มีอะไรใหม่บ้าง ใน iMac 24 นิ้ว 2021 !!!
ที่ผ่านๆมามีข่าวลือว่า Apple จะออก iMac ตัวใหม่เพราะได้เอาตัวเก่าออกจาก website ไปแล้ว วันนี้ Apple ได้เปิดตัวและเรียกเสียงฮือฮากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่และใหญ่มากเลยทีเดียว
เดี๋ยวผมจะมาเล่าสเปคคร่าวๆของเจ้าตัวนี้กันก่อนเลย
- มี 7 สี (ฟ้า เขียว ชมพู ส้ม เงิน ม่วง เหลือง)
- บาง 11.5 มิลลิเมตร หรือ 1.15 ซม. = โคตรบาง บางกว่า
Macbook Pro (1.56 ซม.)
- น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับการจัดสเปค
- จอขนาด 24 นิ้ว ความละเอียด 4.5K หรือ 11.3 ล้านพิกเซล
- ความสว่างจอสูงสุด 500 นิต เท่า Macbook Pro M1 ( คุณสมบัติจอต่างๆแทบจะตัวเดียวกันกับ Macbook Pro เลย ไม่ว่าจะเป็น True Tone , P3 )
- กล้องหน้า 1080p ที่ดีมากกว่าเดิม โดยจะมีอัลกอริทึมในการลดนอยซ์ ปรับไดนามิกให้ดีขึ้น ดึงไฮไลท์แสงสว่างและเงามืด ได้อย่างลงตัว
- ไมค์ 3 ตัว ระดับสตูดิโอ ที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ Apple เคลมว่าสามารถอัดพ็อดคาสท์จากไมค์ตัวนี้ได้เลย และยังมีระบบตัดเสียงรบกวนที่ดีที่สุดเท่าที่ Apple เคยมีมาใน Mac
- มีลำโพง 6 ตัว มีวูฟเฟอร์หรือตัวขับเบสแบบตัดแรงสั่นออกไปสองคู่ ให้เสียงเบสทุ้มลึก โดยที่ตัวเครื่องไม่เกิดการสั่นไหว อีกทั้งยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ Spatial Audio ในตัวอีกด้วย
- มีพัดลม 2 ตัวขนาบข้างกับแผงวงจรทั้งหมด ที่มีความดังเพียงแค่ 10 เดซิเบล
- CPU เร็วกว่า iMac Intel ตัวเก่าถึง 85% และ GPU แรงกว่าถึง 2 เท่า (200%)
- สามารถเปิด Tab ในซาฟารีได้มากถึง 100 Tab โดยที่ไม่ค้าง
- ปรับแต่งรูปขนาด 100 MP ได้อย่างสบายๆ
- พอร์ต Thunderbolt / USB4 มาให้ 2 พอร์ต ที่ยังสามารถต่อจอนอกได้อีกสบายๆ
- ในตัวเริ่มต้น คือ สเปคเดียวกันกับ Macbook Air M1 ตัวเริ่มต้น โดยมีพอร์ต มาให้แค่ 2 พอร์ต กับ พอร์ต หูฟัง 3.5 mm. (สามารถเลือก Option Port LAN ได้)
- และตัวอื่นๆ จะมีพอร์ต USB-C 3 มาเพิ่มอีก 2 พอร์ต
- รองรับ Wi-Fi 6 และเป็น Bluetooth 5.0
- ภายในกล่องมาพร้อมกับ KeyBoard แบบใหม่ที่เหมือนใน Macbook Air M1 และยังมี wireless Touch ID มาด้วย และสีก็จะเป็นตามสีของ iMac ที่ซื้อมา
อาจจะไม่คร่าวเท่าไหร่ แต่ทั้งหมดนี้คือการเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นใน iMac 24 นิ้ว ตัวใหม่นี้
ต่อไป เราจะเจาะลึกเข้าไปถึงดีเทลของแต่ละส่วนมากขึ้นและรวมความคิดเห็นของผมเข้าไปด้วยนะครับ (ดูรูปภาพทั้งหมด จะอยู่จากตรงนี้ลงไป)
การมาครั้งใหม่ ที่มาถึง 7 สี ครั้งนี้ มันมาจากอะไร ???
iMac G3
ในอดีต Apple เคยเปิดตัว iMac G3 ที่มีสีสันให้เลือกมากถึง 5 สี ตั้งแต่ปี 1998 ในสมัยนั้นก็ถือได้ว่าเป็นที่ฮือฮามาก เพราะไม่เคยมีบริษัทไหนทำคอมพิวเตอร์ออกมาหลายสีขนาดนี้มาก่อน และในตอนนั้น iMac G3 ก็ยังมีเมาส์และคีย์บอร์ดที่เป็นสีเดียวกันกับตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่า iMac M1 ตัวนี้ ล้อรุ่นพี่มาเต็มๆเลย
บางแต่ทรงพลัง !!!
ใครจะเชื่อบ้างว่าในโลกนี้จะมีคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลัง และบางได้มากขนาดนี้
...ที่ Apple นี่ไงครับ...
ผมขอออกตัวก่อนเลยว่าอึ้งมากๆ ว่าทำไมมันถึงบางได้ขนาดนี้ ถึงขนาดที่บางกว่า Macbook Pro M1 เสียอีก
แต่ความบางนี้ ความสามารถที่ทำได้ก็ไม่ได้บางเอาซะเลย
ทำไม iMac ตัวใหม่จึงสามารถทำออกมาบางได้ขนาดนี้ มาดูรูปเพื่อเปรียบเทียบกันครับ
จะเห็นได้ว่าตัวรุ่นเก่านั้น พื้นที่ของบอร์ด และพัดลม มีขนาดที่ใหญ่มากๆ
ตัดภาพมาที่ตัวใหม่ ก็จะเห็นได้ว่าทุกๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบอร์ด ที่มีขนาดเล็กลง รวมไปถึงพัดลมก็ด้วย อีกทั้งยังมีลำโพงที่เล็กแต่ทรงประสิทธิภาพ ไปตามๆกันด้วย
และแน่นอนครับ การที่ Apple เอาชิ้นส่วนเกือบทั้งหมดไว้ข้างล่างนั้นก็เพื่อการถ่วงที่สมดุลกัน เพราะว่า ทั้งเครื่องยังเบามาก เพียงแค่ 4.5 กิโลกรัมเท่านั้น เทียบกับตัว 21.5 นิ้ว ตัวเก่าที่มีน้ำหนัก 5.5 กิโลกรัม ในขนาดจอที่เล็กกว่า
เห็นได้เลยว่า iMac ตัวใหม่นี้ ได้จอใหญ่กว่า สเปคแรงกว่า น้ำหนักเบากว่า อีกทั้งยังบางกว่า ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สมกับการรอคอยมากๆ
สิ่งที่พูดถึงไม่ได้เลย เมื่อคุณเป็นคนที่รักในการดูหนังและฟังเพลงมากๆ ก็คือ "ลำโพง" นั่นเองครับ
iMac ตัวนี้ ให้มามากถึง 6 ตัวด้วยกัน ซึ่งแยกไปฝั่งละ 3-3
ลำโพง อยู่ริมซ้าย และ ขวา ของตัวเครื่อง
ผมขอออกตัวก่อนอีกรอบนะครับ555 ผมเคยได้ไปลองเล่นตัว iMac 21.5 นิ้ว หรือ รุ่นเก่ามาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้ทดลองเสียงแล้ว ผมขอบอกเลยว่า มันดีมากๆแล้ว ดีในระดับที่ผมไม่คิดว่าจะมีลำโพง built-in ตัวไหนดีได้เท่านี้อีกแล้ว
แต่พอตัวใหม่เปิดตัวมา และพูดถึงเรื่องคุณภาพของลำโพง เบส และอีกทั้งยังมีตัววูฟเฟอร์ที่ไม่ทำให้ตัวเครื่องสั่นด้วยแล้ว ผมบอกเลยว่า ผมต้องได้ขึ้นสวรรค์แน่ๆ ถ้าได้ฟังเสียงที่ออกมาจากลำโพงตัวนี้ และใช่ครับ นี่คือความรู้สึกตอนที่ผมได้ยินแค่นี้
แต่มันยังไม่หมดแค่นี้ไง Apple ได้เคลมต่ออีกว่า ลำโพงทั้ง 6 ตัวนี้ จะสร้างเสียงแบบ Spatial Audio แบบใน Airpods Pro รวมไปถึงยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos อีกด้วย ผมพูดในใจตอนนั้นได้คำเดียวเลยว่า ตายๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ก็ยังสรุปอะไรแน่ชัดไม่ได้หรอกครับ ยังไงผมก็คงต้องไปลองฟังกับหูตัวเอง ว่ามันดีจริงอย่างที่เค้าว่ามั้ย (ไปเจอเองทีไร อลังการกว่าที่คิดไว้ตลอด Apple ไม่เคยทำให้ผิดหวัง แต่ก็ไม่แน่หรอกครับ ถึงผิดหวังมันก็ยังอยู่ในระดับที่ดี)
"M1" Killer chipset แห่งปี !!!
SoC chip (System on Chip)
ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆครับว่าชิปตัวนี้มันทรงพลังมากขนาดไหน ถึงขั้นปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์แห่งยุคไปเลย
ด้วยประสิทธิภาพที่ทรงพลังของมันนั้น เรียกได้ว่าเหลือๆ สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน สู้ไหวกับการทำงานหนักๆ และยังไม่ค่อยจะงอแงเท่าไหร่อีกด้วย ขนาดบางแอพที่รันด้วย Rosetta 2 แต่แสดงออกเหมือนกับว่า แอพนั้นทำมาเพื่อชิปนี้อย่างไงอย่างงั้นเลยครับ
ความสามารถของชิปนี้นั้นน่าจะยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะน่าดูเลยครับ ไม่งั้น Apple คงไม่กล้าเอามาใส่ใน Macbook iMac และ iPad Pro ที่เพิ่งเปิดตัวไปหรอกครับ
ส่วนตัวผมคิดว่า ชิปนี้ อาจจะยังใช้ได้อีกยาวๆ แต่คิดว่า Apple น่าจะไม่เอามาใส่ใน Product ใหม่อีกแล้ว
เพราะรู้สึกว่าใช้เปลืองเหลือเกิน ถ้าจะเปิดตัว Product ใหม่ครั้งหน้า ก็น่าจะเป็นพวก Macbook Pro 14 & 16 นิ้ว ซึ่งภาวนาให้ Apple ใช้ชิปตัวใหม่ที่ไม่ใช่ M1 ด้วยเถิด
พอร์ตที่มีให้น้อย แต่ก็มีให้นะ !!!
พอร์ตการเชื่อมต่อของ iMac 24 นิ้ว ตัวเริ่มต้น(GPU 7-Core)นั้น มาพร้อมกับ Thunderbolt / USB4 มาให้ 2 พอร์ต + 3.5mm. รวมทั้งหมด 3 พอร์ต
แต่ยังสามารถเลือก Option ในการใช้ตัวแปลงไฟเพิ่มพอร์ต LAN หรือ Gigabit Ethernet เข้าไปได้อีกด้วย
รุ่น 7 Core
ต่อมาจะเป็นตัวที่อัพ GPU ขึ้นมาเป็น 8 Core แล้ว จะได้พอร์ตมาเป็น Thunderbolt / USB4 มาให้ 2 พอร์ต + USB-C 3 มาให้ 2 พอร์ต + 3.5mm. รวมเป็นทั้งหมด 5 พอร์ต
และยังมีพอร์ต LAN หรือ Gigabit Ethernet มากับตัวแปลงไฟอีกด้วย
รุ่น 8 Core
มหัศจรรย์แห่ง การแสกนนิ้วไร้สาย !!!
มันคงจะเป็นเหมือนกับที่แมวกินน้ำแต่น้ำ มันอยู่บนหัวใช่มั้ยครับ ผ่ามมม!!!
เรียกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมากอย่างนึงเลยก็ว่าได้กับการที่ Apple เลือกทำ Touch ID ในคีย์บอร์ดไร้สายแบบนี้
ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับ แต่แค่ตะลึงกับมันว่า เอ๊ะ มันทำได้ด้วยหรอ แต่ถึงยังไงก็เถอะ ผมก็มองว่ามันเจ๋งดีนะครับ อีกทั้งยังปลอดภัยด้วย
และฟีเจอร์ที่มาพร้อมกับการแสกนลายนิ้วมือใคร นิ้วมือมันก็คงหนีไม่พ้นหน้าต่างการทำงานของตัวเองใช่มั้ยครับ เหมือนกับที่มีในตัวของ Macbook ที่ผ่านๆมา
สเปค ราคา และความน่าจับต้อง !!!
มาถึงหัวข้อสุดท้ายกันแล้วนะครับ น่าจะเป็นหัวข้อที่ทุกๆคนรอคอยว่าราคาทั้งหมดของคุณภาพแบบนี้มันจะเท่าไหร่กัน ตามนี้เลยครับ
สั่งซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. เป็นต้นไป และรับของตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. เป็นต้นไป
มาถึงตรงนี้แล้ว ผมก็อยากจะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้เขียนมานานมากๆ สำหรับการเขียนบล็อก
ผมได้เปลี่ยนวิธีการเขียนใหม่ โดยการใช้ความคิดเห็นของตัวเอง และการพิมพ์ที่เปรียบเสมือนเป็นการพูดคุยกันกับผู้อ่านที่เข้ามาอ่านทุกคนให้เป็นกันเองมากขึ้น
ถ้าใครชอบ หรือ ไม่ชอบ ยังไง หรือมีเรื่องสงสัยอะไร มาพูดคุยกันได้เสมอครับ
ในตอนต่อไป ก็จะเป็นในเรื่องของ iPad Pro 2021 กดติดตามรอกันได้เลยครับ
และก็ขอขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านกันนะครับ ตอนนี้อดหลับอดนอนเขียนกันเลยทีเดียว 555555 อยากให้มันออกมาดีและเข้าใจง่ายมากที่สุด หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ
โฆษณา