21 เม.ย. 2021 เวลา 07:04 • ท่องเที่ยว
บันทึกของหมาอ้วนตอนที่ 18: ขึ้นลงรถไฟ
การเริ่มต้นครั้งแรก เช่นการไปเที่ยวต่างประเทศกับเด็กน้อยที่ยังคว่ำไม่ได้เลยอย่างผม ดูจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก ข้าวของเครื่องใช้แทบจะทุกอย่างที่คิดได้ ก็ถูกนำไปด้วยหมด มันก็เหมือนกับย้ายบ้านนั่นแหละ
ชุดนี้พอไปเที่ยวได้ไหม
แม่เป็นคนสวยและใจดีที่สุดสำหรับผมเสมอ บ่อยครั้งที่แม่ทำท่าเบื่อผมสุดขีดตอนตีสามที่ผมตื่นขึ้นมาบิดตัวแล้วร้องหงิง ๆ โดยไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แต่ผมก็รู้ว่าแม่จะเป็นอย่างนั้นอยู่พักเดียว ระหว่างพ่อกับแม่นั้นต่างกันมาก พ่อดูเป็นคนที่กังวลไปซะทุกเรื่อง การคาดการณ์ล่วงหน้าของพ่อล้วนแล้วแต่เป็นเป็นการคิดเผื่อสำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุดเสมอ สิ่งนี้ทำให้พ่อไม่มีความสุขนักในการเตรียมตัว ในขณะที่แม่จะเป็นตรงกันข้ามเสมอ แม่มักจะไม่กลัวอะไรเลย แม่จะมั่นใจในสองขาและสองแขนของแม่เสมอว่าจะนำแม่ไปได้ทุก ๆ ที่ในโลก ถ้าพ่อไปด้วย
โชคดีเป็นของเราที่เหล่าพี่ ๆ ได้อาสาเตรียมเสบียงไปเผื่อ แน่นอนไม่ได้เผื่อ
ผม เพราะผมยังกินไม่ได้ถึงจะนอนหลับก็เถอะ และนั่นก็ทำให้แม่กับพ่อเบาแรงไปเยอะ
เช้าวันนี้มือถือที่พ่อใช้งานเป็นนาฬิกาปลุกซะส่วนใหญ่ (ปี 2004) ก็ทำหน้าที่ของมันอย่างดี เรามีเวลาเหลืออีกประมาณหนึ่งชั่วโมงในการเตรียมตัว เพราะพี่ ๆ จะมารับที่บ้านประมาณตีห้าสิบนาทีเพื่อให้ไปทันรถไฟเที่ยวตีห้าสี่สิบ ขณะที่ผมยังนอนหลับสบายโดยมีเสียงเล็ดลอดออกมาจากมุมปากดังฟี่ ๆ เพื่อยืนยันว่าหลับอยู่
ในขณะที่แม่จัดของใช้ต่าง ๆ ของทั้งสามชีวิต พ่อก็รับหน้าที่ดูแลตัวเองกับผม ไม่ว่าจะเช็ดตัวหรือแต่งตัวให้ผม รวมไป ถึงการคอยเล่นกับผมเมื่อผมเผลอตื่นขึ้นมา ครอบครัวเราก็มักเป็นเช่นนี้เสมอ
การที่แม่จัดเตรียมของใช้นั้น ด้วยความที่เป็นคนละเอียดและรอบครอบ 99% ของการจัดของจะสมบูรณ์แบบ รับประกันได้ว่าไม่มีการลืม แม้แต่ของที่นึกไม่ถึงแม่จะมีติดตัวมาด้วยเสมอ แต่ถ้าให้พ่อเป็นคนเตรียม รับประกันอีกเหมือนกันว่าเราจะต้องซื้อของเพิ่มกลางทางอีกมากมาย การเตรียมข้าวของสำหรับการเดินทางเป็นไปอย่างเร็วบ้างช้าบ้างสลับไปมา พ่อกังวลอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องปวดอึ กลัวว่าจะไปปวดบนรถไฟ ซึ่งถ้าเลือกได้พ่อจะไม่อึขณะเดินทาง แต่ถ้าอยู่ที่ที่พักก็ถือว่าใช้ได้และเต็มใจ ส่วนผมนั้นอึได้ทุกที่ทุกเวลาอยู่แล้ว
บ้านเราอยู่ชั้นสอง ที่พี่ริกพี่โซ่ เดินจากบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ กัน มารับเรา
เราเดินทางมาถึงสถานนีรถไฟก่อนเวลาเล็กน้อย เพราะได้พี่โซ่กับพี่ริกช่วยขนกระเป๋า ซึ่งเรามีกันสามใบบวกกับรถเข็นของผมอีกหนึ่งคัน (คล้าย ๆ ย้ายบ้านนั่นแหละ) ทำให้เราสบายขึ้นและก็ได้พี่ทั้งสองที่คอยเล่นกับผมไปตลอดทาง ทำให้ผมไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไรกับการที่ต้องเดินทางในขณะที่ฟ้ายังไม่สว่าง เป็นไปตามคาดที่พ่อเดินทางด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี ไม่ใช่ปวดอึแต่เป็นเพราะว่าพ่อกังวลว่าจะจำเวลาผิดบ้าง หรือไม่ก็รถไฟแน่นไม่มีที่ว่างสำหรับผมบ้าง กลัวลืมล็อกกุญแจบ้านบ้าง กลัวลืมปิดไฟบ้าง พ่อเริ่มรู้สึกดีขึ้นบ้างเมื่อรู้ว่าพี่ริกก็เป็นอีกคนที่ย้ำคิดย้ำทำเหมือนกัน ซึ่งพี่ริกจะกลัวว่าลืม passport พี่ริกจะคลำดูมันแทบทุก ๆ ครั้งที่มีคนเอ่ยถึง และเป็นพ่อนั่นเองที่คอยแกล้งพี่ริกไปตลอดทาง เพื่อกลบเกลื่อนความกลัวของตัวเอง เช่น ถ้าตัวเองกำลังสงสัยว่าลืม passport หรือเปล่า สิ่งที่ทำก็คือจะแหย่พี่ริกก่อน แล้วก็อาศัยจังหวะคลำหาของตัวเอง (ชอบแกล้งคนอื่นจริง ๆ)
เมื่อถึงที่นัดหมาย เราก็ต้องนั่งคอยสมาชิกอีกหลายคนที่บ้านอยู่ไกลกว่าและเวลาในการเดินทางไม่สามารถกำหนดได้ขึ้นอยู่กับตารางเดินรถ (ซึ่งมันกำหนดได้ เพราะรถตรงเวลา แต่พ่อกังวลไปเอง) เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ แม้เข็มวินาทีจะทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะวิ่งเร็วบ้างช้าบ้างในสายตาของพ่อ ผมเองไม่ได้กังวลอะไรได้แต่ส่งยิ้มเล่นกับพี่ ๆ ตลอดเวลา ตราบใดที่ผมยังได้กลิ่งหอม ๆ ของแม่และกลิ่นตุ ๆ ของพ่อ มันก็ยังทำให้ผมสดชื่นสดใสได้ตลอดเวลา
เราได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมากจากแฟนของพี่ปูปลาหลังจากที่เรากับสมาชิกที่เหลือได้รวมกันหมดแล้ว เราก็เจอพี่ปูปลาโดยบังเอิญ แน่หละเราไม่ได้ร่วมทางไปกับพี่ปูปลา แต่พี่เขาบอกเราว่ารถไฟอีเซเอ(ICE) จะมีห้องพักสำหรับแม่ลูกอ่อนเสมอ แต่พี่ ๆ หลายคนบอกว่าไม่เคยเห็น แล้วทำหน้างุนงงว่ามีด้วยเหรอ อย่างไรก็ตาม เจ้ามังกรตัวยาวสีขาวนวลก็วิ่งมาถึงแล้วทำให้ประเด็นการโต้แย้งต้องหยุดลงก่อนชั่วขณะ เป็นที่รู้กันว่ารถไฟที่นี่ไม่รอใคร ขืนมัวโอ้เอ้อยู่เป็นอันได้ตกรถพอดี
พวกเราแปดคน แต่จะบอกว่าเจ็ดคนกับหนึ่งตัวก็ได้น่ะ เพราะว่าผมเป็นหมา พ่อแซวผมบ่อย ๆ เวลาพาผมเข้าไปในร้านที่ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปด้วย เราพยายามเลือกตู้รถไฟที่มีห้องส่วนตัวสำหรับกลุ่มคนแต่ก็หาไม่ได้ เพราะมีคนจองไว้หมดแล้ว นอกจากจะตู้ได้ยากเย็นแสนลำบากเพราะเจ้ามังกรตัวยาวสีขาวมันตัวยาวมาก ยาวเกินกว่าที่เราจะวิ่งไปวิ่งมาเพื่อเลือกตู้รถได้ตามใจชอบ แต่การหาที่นั่งนั้นยากลำบากกว่ามาก คนเยอรมันก็เหมือนกับคนไทย ชอบเลือกที่จะนั่งเดี่ยว ๆ และที่นั่งคู่แทบทั้งหมดก็จะมีคนจองไว้นั่งคนเดียวเกือบหมดแล้ว
แต่แน่หละเรายังพอหาที่นั่งสำหรับพวกเราได้ พ่อเป็นผู้เสียสละทั้งที่ง่วงตาจะปิดอาสาดูแลผม ในขณะที่แม่ซึ่งตื่นเช้าและต้องคอยดูแลจัดข้าวของถูกบังคับให้นอนหลับ ผมเองก็ถูกบังคับให้หลับเช่นกัน และที่สำคัญพ่อสั่งผมไม่ให้ส่งเสียงดังในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องการนอนเช่นนี้
เรามีเวลาอีกเพียงชั่วโมงครึ่งสำหรับเจ้ามังกรยาวตัวนี้ เพราะเราต้องไปเปลี่ยนมังกรอีกตัวประมาณ 7.30 ที่อีกเมืองหนึ่ง มันน่าตื่นเต้นมากตอนเปลี่ยนรถเนี่ย มันเป็นเมืองที่เราไม่เคยมา สถานีรถไฟที่ไม่คุ้นเคยทำให้ยากลำบากไปอีก การยกรถเข็นขึ้นลงรถไฟก็ไม่ใช่เรื่องง่ายและสนุกนัก ที่สำคัญต้องทำเวลา ซึ่งผมยังตัวเล็กอยู่ พ่อสามารถยกรถเข็นไปได้เลยก็สบายหน่อย
วันนี้พ่อแม่คงแปลกใจว่าผมทำตัวดีเป็นพิเศษ แต่แน่หล่ะผมก็ไม่นอนเหมือนปกติ ก็มีสิ่งล่อตาล่อใจให้ดูเยอะแยะไปหมด สมาชิกทั้งหมดลงจากรถไฟขบวนยาวสีขาวที่ผมเรียกมันว่ามังกรตัวยาว สิ่งที่แย่ที่สุดที่พ่อและแม่ต้องเจอก็คือมันไม่มีลิฟท์ยกของ แน่หล่ะสิหมาตัวเล็กขนาด 7 กิโล บวกกับน้ำหนักของรถเข็น และกระเป๋าสัมพาระอีกเยอะแยะ ใครจะไปแบก แม่เลยตัดสินใจใช้ความรู้ภาษาเยอรมันที่ดีมากแต่ไม่ค่อยยอมใช้ของแม่ไปถามพนักงานดูแลสถานี จะด้วยความสวยของแม่หรือความยอดเยี่ยมของภาษาเยอรมันที่แม่ใช้ก็ไม่รู้ เจ้าหน้าที่คนนั้นยอมเปิดลิฟท์ขนของที่ปกติจะไขกุญแจให้เฉพาะเวลาต้องขนของเท่านั้นให้เราสามชีวิตใช้ ถึงห้องโดยสารในลิฟท์จะสกปรกและดูน่ากลัวเพียงใด ก็ยังดีกว่าที่พ่อของผมต้องออกแรงที่เกินกำลังในการยกของทั้งหมดแหละน่า
เอาเป็นว่าเวลานี้เราได้มาถึงสถานีรอรถไฟอีกต่อหนึ่งแล้ว เราเดินทางมาจนสุดที่จะกลับตัวกลับใจได้แล้ว พ่อดูจะคลายกังวลไปมากแล้วหล่ะ ถึงจะยังคิดอยู่เสมอว่าลืมปิดไฟปิดน้ำที่บ้าน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา