"พระโรค" ที่ทำให้สายโลหิตในรัชกาลที่ 5 สิ้นพระชนม์
รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แม้จะยาวนานเกือบ 42 ปี แต่เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นคือมีพระราชโอรสที่สามารถสืบพระราชสมบัติได้เพียงไม่กี่พระองค์เท่านั้น
จากจำนวนพระราชโอรสและพระราชธิดาทั้งหมด 97 พระองค์ สิ้นพระชนม์ระหว่างทรงครองราชย์ไปมากถึง 58 พระองค์ ในจำนวนนี้เกิดจากแท้งถึง 21 พระองค์ จึงทำให้เหลือผู้สืบสันตติวงศ์เพียง 39 พระองค์ และเป็นพระราชโอรสแค่ 18 พระองค์
เหลือเป็นผู้ประสูติแต่พระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวงที่ตรงตามพระราชประเพณีไม่ถึง 10 พระองค์
เป็นที่ทราบกันว่า รัชกาลที่ 5 ทรงประชวรด้วยโรคพระวักกะพิการ หรือโรคไตพิการ พระอาการทรุดหนักจนสวรรคต โดยบรรดาพระราชโอรสและพระราชธิดา 97 พระองค์ที่สิ้นพระชนม์จำนวนไม่น้อยก็มีสาเหตุประชวรจนสิ้นพระชนม์จากโรคไต ได้แก่
1.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุฑารัตนราชกุมารี นอกจากจะประขวรโรคไตแล้ว ยังประชวรพระโรคพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) ด้วย สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2473 สิริพระชันษา 57 ปี
2.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์) ประชวรด้วยวัณโรคที่ไต สิริพระชันษา 45 ปี 9 เดือน 17 วัน
3.พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงปราจิณกิติบดี ประชวรไตพิการ สิ้นพระชนม์ ณ พระตำหนักวังถนนลูกหลวง เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2462 สิริพระชันษาได้ 45 ปี
4.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคไตและพระหทัย
5.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร ได้เริ่มประชวรด้วยโรคไตพิการ อยู่เป็นเวลานาน ต่อมาประชวรเป็นอัมพาต และพระโรคนิ่ว ไม่เพียงเท่านั้นยังประชวรเป็นโรคน้ำในพระปัปผาสะ (ปอด) และสิ้นพระชนม์ในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2490 สิริพระชันษา 63 ปี 10 เดือน
6.สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร พระองค์ทรงพระประชวรด้วยโรคไตพิการเรื้อรัง สิริพระชนมายุ 54 พรรษา
7.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ามาลินีนภดารา ศิรินิภาพรรณวดี กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา ประชวรด้วยพระโรคปอดมานาน ก่อนจะประชวรด้วยโรคไตจนพระอาการทรุดลงและสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2467
8.สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา ประชวรด้วยพระโรคไตอักเสบ
9.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา ประชวรโรคไต
10.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชยสิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคไตพิการ สิริพระชันษา 31 ปี
11.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี เป็นพระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 เพียงไม่กี่พระองค์ที่มีพระชนม์ชีพยืนยาวถึงสมัยรัชกาลที่ 9 และสิ้นพระชนม์เป็นพระองค์ท้าย ๆ พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2515 ด้วยพระโรคไตพิการ สิริพระชันษา 80 ปี
โรคพระอันตะ (ลำไส้)
1.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรลักษณาวดี สิ้นพระชนม์ด้วยโรคหัวใจ และ ลำไส้ใหญ่พิการ ในสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2469 สิริพระชันษา 54 พรรษา
2.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 สิริพระชันษา 53 ปี ด้วยพระอาการลำไส้ใหญ่อักเสบ
3.พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช ประชวรด้วยโรคไส้ตัน สิ้นพระชนม์ด้วยวัยเพียงไม่ถึง 16 พรรษา
โรคพระทัย (หัวใจ)
1.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรพินทุ์เพ็ญภาค ประชวรด้วยพระโรคหัวใจพิการ สิ้นพระชนม์ที่พระตำหนักที่ประทับริมคลองสามเสน เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2478
2.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ประชวรโรคหัวใจ
3.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร สิ้นพระชนม์ที่วังถนนวิทยุ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2494 ด้วยพระโรคหืดและโรคหัวใจวาย สิริพระชันษา 66 ปี 4 เดือน
4.สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สวรรคตเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472 เวลา 16.45 น. ด้วยพระโรคฝีบิดในพระยกนะ (ตับ) โดยมีโรคแทรกซ้อนคือพระปัปผาสะ (ปอด) บวมน้ำและหัวใจวาย พระชนมายุได้ 37 ปี 267 วัน
5.พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรมากด้วยโรคตัวบิดเข้าไปอยู่ในพระยกนะ (ตับ) เสด็จสวรรคตโดยฉับพลันด้วยพระหทัยวาย ขณะที่มีพระชนมพรรษา 48 พรรษา
โรคพระปัปผาสะ (ปอด)
1.สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร ประชวรพระโรคที่ปอดสิ้นพระชนม์ วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2465 สิริพระชันษา 45 ปี
2.สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทิวงคตด้วยพระโรคปอด ขณะเสด็จไปประทับพักผ่อนพระวรกายที่สิงคโปร์ สิริพระชนมายุ 37 พรรษา
3.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุจิตราภรณี สิ้นพระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยพระโรคปอดพิการ
โรคอื่นๆ (เช่น วัณโรค ตับ บิด ไข้รากสาดน้อย หอบหืด)
1.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมล กรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี ประชวรพระวัณโรค สิ้นพระชนม์เมื่อวันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2452
2.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถได้เสด็จไปรักษาอาการประชวรพระศอ (คอ) อักเสบ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2474 สิริพระชันษาได้ 58 ปี
3.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภัทรายุวดีประชวรวัณโรคภายใน สิริพระชันษา 36 ปี
4.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ประชวรด้วยพระโรคไข้รากสาดน้อย ขณะมีพระชนมายุ 16 พรรษา 191 วัน
5.พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรพระโรคพระโลหิตเป็นพิษ เบาหวานแทรกซ้อน
6.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ ประชวรพระโรคบิดตกพระโลหิต
7.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม ประชวรวัณโรคภายใน
8.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรค อหิวาตกโรค เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2462 พระชนมายุได้ 34 ปี 277 วัน
9.สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ ประชวรด้วยโรคบิด พระอาการทรุดลง และสิ้นพระชนม์ ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระชนมายุเพียง 1 ปี 6 เดือน
10.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโกมลเสาวมาล โรคซาง มีพระอาการซึมและหอบ
11.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ พิมลรัตนวดีประชวรพระโรคตับเคลื่อน
อย่างไรก็ตาม ยังมีพระราชโอรสและพระราชธิดาอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่มีบันทึกเป็นหลักฐานว่าสิ้นพระชนม์ด้วยสาเหตุใด หรือประชวรด้วยพระโรคอะไร
ในขณะที่สาเหตุการสวรรคตของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี ระบุว่า ทรงพระประชวรเรื้อรัง มีพระอาการไข้ รวมทั้งมีพระอาการพิษขึ้นในลำไส้ใหญ่ หลังพระพุทธเจ้าหลวงสวรรคตก็ทรงเสียพระทัยและประทับอยู่แต่ประแท่นบรรทม ทรงไม่ออกกำลังพระวรกาย ทำให้มีน้ำหนักพระองค์มาก จึงทำให้กระดูกเปราะ จะเสด็จไปที่ใดก็ลำบากและพระองค์ทรงพระประชวรอยู่เนือง ๆ มีพระโรคาพาธมาประจำพระองค์คือ "ไตอักเสบเรื้อรัง"
ส่วน สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า มีพระชนม์ชีพยาวนาน 6 รัชกาล ก็ทรงพระประชวรหลังตกจากพระที่นั่งสูง 6 ฟุตกระแทกกับพื้นห้องทำให้พระอัฐิที่คอต้นพระเพลาหักต้องรักษาอยู่หลายปี ต่อมาก็ประชวรด้วยมีอาการอักเสบที่ปอด
ด้าน สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคปอดพิการในรัชกาลที่ 7
- 9
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
