21 เม.ย. 2021 เวลา 23:21 • หุ้น & เศรษฐกิจ
EP. 11 - ถ้าไม่เข้าใจ Blockchain เราจะเสียเปรียบ ในโลกของการลงทุน
7
หมายเหตุ- บทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน แต่มีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ข้อมูลในบทความนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะมีข้อมูลบางอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจะเกิดขึ้นได้จากความไม่เข้าใจของผู้เขียน หรือความผิดพลาดของผู้เขียน นักลงทุนต้องทำการบ้านด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง
4
ขอเริ่มด้วยภาพนี้ก่อนเลย
2
ยุคก่อน Blockchain
ณ ปัจจบันในโลกการลงทุนปกติ ทางเลือกของนักลงทุนก็มีหลักๆอยู่ 3 อย่าง คือ
1. stock & property ลงทุนสร้างธุรกิจ ลงทุนในหุ้น ลงทุนในอสังหา - กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ให้ return ได้สูงที่สุดใน 3 กลุ่ม แต่ก็เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงกว่า
1
2. Bond & currency คือถือเงินสดฝากธนาคาร หรือไปซื้อพวกตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล - กลุ่มนี้ก็จะมีความผันผวนน้อยกว่ากลุ่มแรก แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่า
2
3. Gold & Silver คือพวกโลหะหายากที่ไม่สร้างกระแสเงินสด - สำหรับนักลงทุนที่คิดว่าค่าเงินอาจจะอ่อน เงินเฟ้อจะสูงจะไม่ลงทุนใน Bond ขณะเดียวกันคิดว่าหุ้นหรือการลงทุนในกลุ่มแรกนั้นแพงเกินไป ก็จะย้ายเงินมาลงในแร่หายาก เช่น ทองหรือเงิน ซึ่งมีหน้าที่หลักคือ Store of value ยามที่ 2 ทางเลือกที่เหลือนั้นไม่น่าสนใจ บางคนก็เรียกทองว่าเป็น Safe heaven
4
บางช่วงเวลาที่ฝากเงินได้ดอกเบี้ยดี เงินก็ไหลเข้า Bond
ช่วงที่ดอกต่ำ ธุรกิจโต ปันผลดี เงินก็ไหลไป Stock
ช่วงที่ Bond กับ Stock ไม่น่าสนใจ เงินก็ไหลไป Gold แม้ว่าในมุมมองของนักลงทุนบางกลุ่ม (โดยเฉพาะ vi พันธ์แท้) อาจจะมองว่าทองนั้นไม่มีการสร้างกระแสเงินสดเหมือน stock หรือ bond แต่สำหรับนักลงทุนบางกลุ่มก็ยังชอบใช้ทองเป็นสินทรัพย์สำหรับกระจายความเสี่ยงอยู่ดี
2
หลายสิบปีที่ผ่านมา เงินมันก็ไหลวนไปวนมาอยู่แค่นี้แหละครับ เพราะทางเลือกการลงทุนหลักๆ มันมีอยู่แค่นี้
2
ทางเลือกการลงทุนแบบนี้ความเสี่ยงหลายอย่างที่สะสมอยู่ โดยเฉพาะการทำ qe จำนวนมหาศาลของประเทศใหญ่ๆในโลก ไม่ว่าจะเป็น us europe jap ทำให้แนวโน้มของเงินนั้นมีการอ่อนค่าลงดอกเบี้ยก็ลดลงจนบางประเทศติดลบ Bond จึงเป็นทางเลือกการลงทุนที่ดูมีอนาคตแย่ที่สุด
4
เงินเลยไหลไปตลาดหุ้นจำนวนมากจนทำให้ pe ของตลาดหุ้นทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าธุรกิจโดยรวมยังดูไม่ดี ซึ่งก็ยิ่งทำให้การลงทุนในหุ้นนั้นดูจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพราะหุ้นมีพื้นฐานแย่ลง แต่กลับมีราคาแพงขึ้น
10
หลังจากการเกิดขึ้นของ Bitcoin และ Altcoin (เหรียญอื่นๆที่ไม่ใช่ Bitcoin) รวมถึงการประยุกต์เอา Blockchain มาสร้างให้เกิด Productivity ใหม่ๆ เช่น Defi และ NFT โลกจึงเกิดสินทรัพย์ทางเลือกใหม่ขึ้นมา
1
ยุค Early adoption ของ Blockchain
เนื่องจาก สินทรัพย์ Digital เหล่านี้ มันได้ถูกพิสูจน์มาเป็นเวลาหลายปีแล้วว่า มันไม่ได้ถูกใช้เป็นเพียงเครื่องมือการเก็งกำไรอย่างเดียว (ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการเก็งกำไรอยู่ในสัดส่วนที่ยังสูงมากอยู่) แต่เริ่มมีการนำ Blockchain ไปใช้จนเกิดธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถลดต้นทุนได้สูงมาก เมื่อเทียบกับการทำธุรกิจแบบเดิม หรือแม้แต่สร้างธุรกิจใหม่ที่ไม่สามารถทำได้ในโลกธุรกิจแบบเดิม
3
จน Blockchain นั้นกลายเป็นสินทรัพย์ทางเลือก ที่ผมมองว่ายังอยู่ในช่วง Early adoption คือเริ่มมีคนจำนวนหนึ่งเข้ามาลงทุน แม้จะยังมีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับคนโดยส่วนใหญ่
กฏสากลของการลงทุนคือ เงินจะไหลไปในที่ที่มีผลตอบแทนที่สูงกว่าเสมอ (ถ้าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนั้นอยู่ในระดับที่คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น)
3
ความเสี่ยงของการลงทุนใน Blockchain นั้นยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าทางเลือกการลงทุนเดิมอยู่พอสมควร มีข้อจำกัดหลายๆ อย่างทำให้เงินยังไม่สามารถไหลไปได้อย่างเสรี แต่ด้วยผลตอบแทนของ bc นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าการลงทุนในรูปแบบเดิมมาก ทำให้เงินทยอยไหลเข้าไปเรื่อยๆ
1
ณ ปัจจุบัน Market cap ของเงินลงทุนใน Blockchain มีอยู่ประมาณ 2 Trillion US
2
ผมเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป การเข้าถึง Blockchain จะง่ายขึ้นเรื่อยๆ ระดับความเสี่ยงของ bc จะลดลงเรื่อยๆ เริ่มมีธุรกิจแบบเดิมๆ คิดวิธีเอา bc มาสร้าง Value ใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้น เงินลงทุนก็จะไหลขึ้นไปเรื่อยๆ
3
แล้ว Blockchain จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนแบบเดิมๆ อย่างไรบ้าง?
ผมเชื่อว่าเมื่อคนจำนวนมากขึ้น คุ้นเคยกับ bc แล้ว จะมีธุรกิจแบบดังเดิมประยุกต์เอา bc มาใช้ในธุรกิจเดิมจนสามารถลดต้นทุนได้ สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันใหม่ๆ และสำหรับธุรกิจที่ไม่ปรับตัวก็จะแข่งขันได้ยากขึ้น
3
เหมือนกับยุคการมาของ internet บริษัทที่ปรับตัวเร็วเอา internet มาใช้ก็จะเติบโต ใครไม่ใช้ก็จะเล็กลงๆ
3
เหมือนกับยุคการมาของ smart phone ใครๆ ก็ต้องสร้าง app และบริษัทที่ปรับตัวได้ดีก็จะโตขึ้น บริษัทที่ไม่ปรับตัวก็จะเล็กลงๆ
Blockchain ก็จะเป็นในรูปแบบเดียวกัน เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่ลงทุนในหุ้น แล้วยังไม่ได้ศึกษา bc จนเข้าใจดีพอว่าในอนาคต บริษัทไหนจะเอา bc ไปใช้จนชนะคู่แข่งได้ ก็จะเสียเปรียบนักลงทุนที่มีความเข้าใจ bc ได้ดีกว่า
5
Blockchain ในช่วง Mass adoption
เมื่อเงินไหลขึ้นไปในธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งบางส่วนจะไปทำงานบน bc 100% สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็คือ p/e ของตลาดหุ้นโดยรวมอาจจะลดลงเพราะเงินไหลไปทางเลือกที่ดีกว่า earning โดยรวมของตลาดหุ้นก็จะลดลงเพราะธุรกิจบางส่วนย้ายไปอยู่บน bc
ค่าเงินโดยรวมในโลกจะด้อยค่าเพราะดอกเบี้ยที่ต่ำเตี้ยเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยบน bc และด้วยการพิมพ์เงินจำนวนมากเพื่อมาพยุงเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
2
ทองอาจจะไม่ใช่ safe heaven อีกต่อไปเพราะมี Bitcoin ซึ่งมีข้อได้เปรียบเทียบกว่าทองในหลายๆ ด้าน
5
เรื่องที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้อาจจะใช้เวลานานมากกว่า 10-20 ปี หรือโลกอาจจะยอมรับมันเร็วมากเหมือนยุค Smart phone ที่เกิดขึ้นเร็วและคนยอมรับมันได้เร็วมากภายใน 5-10 หรือสิ่งที่ผมคิดอาจจะผิดหมด คือ Blockchain นั้นไม่ใหญ่พอที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงจนมีผลต่อการลงทุนแบบดังเดิมก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องไปศึกษาและติดตามเอาเองว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นหรือไม่
12
คนอาจจะมองว่า Blockchain นั้นเป็นการลงทุนที่เสี่ยง แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่า การไม่เข้าใจ Blockchain จนตามโลกไม่ทันนั้นเสี่ยงกว่ามาก
2
โฆษณา