ที่ผ่านมาหลายสิบปี...ผู้ประกอบการรายใหญ่ “เรียนรู้” แนวทางปฏิบัติของกรมสรรพากร (ตามกฎหมายเดิม) จึงเลือก “ตัดไฟแต่ต้นลม” ... แยกบริษัท Transport Service Co ออกจาก Logistics Service Co ตัวอย่าง TNT Express และ TNT Logistics
(1) Transport ไม่มี VAT “ภาษีซื้อ” ในกิจการขนส่งกลายเป็น Cost เพราะนำมาใช้เป็น Tax Credit ได้...เรียกเก็บ VAT “ภาษีขาย” จากลูกค้าไม่ได้...ขนส่งทางบกในประเทศ...เป็น “กิจการยกเว้น VAT แบบเด็ดขาด” ... เลือกเข้า “ระบบ VAT” ไม่ได้...เสียเปรียบ “ขนส่งทางอากาศในประเทศ” และ “ขนส่งทางน้ำในประเทศ” แม้ยกเว้น VAT แต่ Domestic Air Transport / Domestic Marine Transport เลือกเข้า VAT System เพื่อใช้ประโยชน์จาก VAT Credit
(2) Cash Flow Management ของ Transport ด้อยกว่า Service แม้ Transport หักภาษี ณ ที่จ่าย 1% ในขณะที่ Service หักภาษี 3% ... แต่ VAT 7% เป็น Cash Flow-in & out ที่มีสัดส่วนมากกว่า...ผู้ประกอบการที่ Smart Tax Planning (Cash Flow) จะเลือก Timing ที่เหมาะสมในการบริหาร Input VAT ปลายเดือน / Output VAT ต้นเดือน...เพื่อ State Financing อยู่ 30 – 40 วันในแต่ละเดือน
(3) People Management ระหว่าง Transport vs Service หนีไม่พ้น Centralized Service / Shared Service มี “รายการระหว่างกัน” RPT (Related Parties Transaction) ... Transport เน้น Driver ต่างจาก Service เน้น People / Team ความแตกต่างอยู่ที่ Skill / Expertise
ต่อมา...”ปัญหาใหม่” Transfer Pricing โอนกำไรในเครือ ... มาเพิ่ม “น้ำหนัก” ของ “ภาระภาษี” ระหว่าง “ขนส่ง” หรือ “บริการ” ให้ความยุ่งยากสลับซับซ้อนมากขึ้นไปอีก ...โดยเฉพาะ Service Provider ผู้ประกอบการที่ได้ “แยกบริษัท” ระหว่าง Transport vs Service (Logistics) ออกจากกันมาแล้วหลายปีเพื่อแก้ปัญหา VAT vs Non-VAT และ VAT Allocation
ต่อไป...ผู้เสียภาษีใน Transport & Logistics Service ไม่ควรพลาด Tax Development เรื่องนี้...เพื่อให้ Tax Compliance ถูกต้องตามกฎหมาย By Law และตามแนวทางปฏิบัติ By Practice ของกรมสรรพากร