28 เม.ย. 2021 เวลา 13:35 • นิยาย เรื่องสั้น
เมืองจิ๋มบิน I ชายผู้มีลมปากวิเศษที่สามารถเสกจิ๊ให้บินได้ เรื่องเล่าสุดกาว จากช่อง HeeCraft
ภาพประกอบจาก YouTube : HeeCraft
ขอต้อนรับเข้าสู่ช่อง หี วิญญาณ ความรักและความผูกพัน และเพื่อเป็นกำลังใจให้ช่อง กด subscribe และแชร์ไปให้เพื่อนๆ ฟังด้วยนะครับ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเส้นทางไปสู่เมืองๆ นึง นามว่าเมืองคาดัส ทางเข้าไปสู่เมืองนั้นคือถนนลูกรังดินสีแดงขรุขระเดินทางยากลำบากแม้จะมีรถเกวียน เนื่องจากเมืองคาดัสนั้นห่างไกลความเจริญ และยากจน แต่บัดนี้ชายชราหัวเถิกแต่งตัวมอซอผู้นึง กำลังเดินทางไปสู่เมืองๆ นี้
เมืองคาดัส
ชายชราหัวเถิก
ณ ที่ประตูเมือง
"หยุดก่อนไอ้แก่ แกมีธุระอันใดกับเมืองนี้" ยามเฝ้าประตูเมืองกล่าวทักชายชราหัวเถิก
ยามเฝ้าประตูเมือง
"ข้าเป็นศิลปิน มาเพื่อสรรค์สร้างสิ่งวิเศษ ข้าคือนักเป่าจิ๊ให้บินได้" ชายชราหัวเถิกตอบ
"หาา!!! ไอ้แก่บ้านี่ แกกวนตีนหรอ มึงจะโดนเตะตูดเหี่ยวๆ ออกจากเมือง" ยามเฝ้าประตูเมืองด่ากลับ
"ใจเย็นๆ อัสคานอส มันดูเป็นแค่ตาแก่ธรรมดา ไม่น่ามีพิษสง แถมเมืองเราจนฉิบหาย จะมีอะไรให้มันขโมย ปล่อยมันไปเถอะ เต็มที่คงแค่นั่งขอทาน" ยามเฝ้าประตูเมืองรูปร่างผอมสูงกล่าวตักเตือนยามเฝ้าประตูเมืองรูปร่างใหญ่ที่มีนามว่าอัสคานอส
"ได้ รีบๆ เข้าไปตาแก่ เหม็นกลิ่นคนเฒ่า" อัสคานอส รีบไล่ชายชราหัวเถิกไป "แกมันใจดีเสมอเลยนะมาร์เต" อัสคานอสกล่าว
ยามเฝ้าประตูเมือง อัสคานอส และมาร์เต ยืนเฝ้าดูชายชราหัวเถิกเดินจนพ้นสายตาไป
ยามเฝ้าประตูเมือง อัสคานอส และมาร์เต
ชายชราหัวเถิกทันทีที่มาถึงเมืองคาดัส แทนที่เขาจะหาที่พัก เขากลับรีบเดินไปเคาะประตูบ้านตามทาง และพูดว่า
"เป่าจิ๊ไหมครับ เป่าจิ๊ เป่าจิ๊ให้บินได้"
ทุกบ้านที่ได้ยิน ต่างโผล่หน้าออกมาด่า
"ไอ้แก่บ้า ไอ้ลามก ไป๊ ไปให้พ้นไอ้ขอทานวิตถาร"
หญิงสาวชาวเมืองคาดัส
บ้านหลังแล้วหลังเล่า จนชายชราถอดใจ เดินไปหามุมตึกมุมนึงเพื่อนั่งพัก ท้องของแกร้องจ๊อกๆ เพราะไม่ได้กินอิ่มมาหลายวันแล้ว
บ้านชาวเมืองคาดัส
"อ่ะ ตากินนี่สิ" เป็นเสียงของชายหนุ่มวัยรุ่นรูปร่างหน้าตาดีผู้หนึ่ง พูดพร้อมกับยื่นขนมปังหยาบๆ ให้
ชายหนุ่มวัยรุ่นรูปร่างหน้าตาดีผู้หนึ่ง
"ไม่ๆๆๆ ข้าไม่ใช่ขอทาน ข้าเป็นศิลปินนะ!!!" ชายแก่ตอบกลับแบบโกรธๆ
"เอาน่าลุง เออศิลปินก็ศิลปิน กินๆไปเถอะ" ชายหนุ่มคะยั้นคะยอให้ตาแก่รับขนมปังไปกิน
ชายแก่เล่นตัวอยู่พักนึง (ประมาณ 3 วิ เพราะหิวมาก) ก่อนรับขนมปังไปและพูดว่า
"ถึงข้าจะไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงได้ในตอนนี้ แต่ข้าจะเล่าเรื่องให้ฟัง เป็นการตอบแทน"
(ในสมัยนึงๆ นั้น การเล่าเรื่องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถือว่าเป็นการเผยแพร่พงศาวดาร อาชีพนักเล่าเรื่อง เล่านิทานจึงสำคัญมากๆ เช่น อีสป)
"ข้ามาจากเมืองลอยฟ้าแห่งนึง ชื่อว่า ลาฟิวเดอร์ ในเมืองทุกคนถือว่าเป็นบุตรแห่งท้องฟ้าและสายลม เมืองของพวกเรายิ่งใหญ่ และงดงามยิ่ง มีสถาปัตยกรรมมากมาย สวนพฤษาชาติที่งดงาม และที่สำคัญพลังที่สามารถเป่าให้จิ๊บินได้" ชายชรากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เมืองลาฟิวเดอร์
"แค่ฟังก็เหี้ยละ มันจะเป็นจริงได้ไง จิ๊บินได้" ชายหนุ่มกล่าว
"หุๆ เดี๋ยวจะทำให้เด็กมันดู" ชายชรากล่าวอย่างมั่นใจ "เจ้าชื่ออะไร ข้าชื่อ ธีไกอา" ชายชราแนะนำตัว
ธีไกอาชายชรา
"ข้าชื่อมาร์ราคัส" ชายหนุ่มตอบกลับ และพูดต่ออีกว่า "ถ้าตาอยู่ที่เมืองลอยฟ้าจริงๆ ไหงมาเดินดินแบบนี้" มาร์ราคัสพูดแบบไม่เชื่อใจ
มาร์ราคัสชายหนุ่ม
"วันนึงข้าได้รับมอบหมายให้ตามหาสายพันธุ์ของชาวเมืองบินได้ หลายครั้งมีเหล่าชายชาวเมืองของเราออกมาเผยแพร่พลัง เป็นไปได้ว่าพวกเขาน่าจะมีทายาทมากมายบนพื้นดินนี้ แต่ข้าหามาหลายเมือง หลายรัฐแล้ว ตั้งแต่ซานาธ อุลธา มิว ก็ไม่พบผู้ใดมีพลังแผงวิเศษเลย" ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง
"อ่าาาา งั้นตาอยากให้ข้าช่วยอะไร?" มาร์ราคัสพูดออกไปอย่างสมเพช
"พาข้าไปไล่เป่าจิ๊ เพื่อแสดงพลัง และค้นหาทายาทแห่งลาฟิวเดอร์เมืองลอยฟ้า" ธีไกอาชายชราพูดด้วยแววตาขึงขัง
มาร์ราคัสชายหนุ่ม เดินทางพา ธีไกอาชายชรา เดินทางไปตามบ้านหลังต่างๆ ที่ตนเองรู้จัก บางบ้านเป็นบ้านที่เคยไล่ชายชรามาแล้ว แต่เพราะมาร์ราคัสชายหนุ่มเป็นหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี หญิงเหล่านั้น ทั้งแก่ ทั้งสาว กลับมีท่าทีเปลี่ยนไป และต้อนรับทั้ง 2 อย่างง่ายดาย
"ปรู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แฮ่กๆๆ" เสียงชายชราเป่าลมใส่จิ๊ จนหอบแดก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไปๆๆๆๆ ตาแก่ ไปได้ละ เร็วๆๆๆๆมาร์ราคัสมาเป่าให้ป้าเร็ว" หญิงอ้วนรูปร่างใหญ่ประมาณเครื่องปั้นดินเผาที่ใช้ใส่น้ำเรียกชายหนุ่มให้เข้าไปเป่าต่อ
หญิงอ้วนรูปร่างใหญ่ประมาณเครื่องปั้นดินเผาที่ใช้ใส่น้ำ
"จะดีหรอป้า" ชายหนุ่มมาร์ราคัสกล่าวแบบกลัวๆ แต่เมื่อสบตากับชายชราธีไกอาแล้ว ก็รับรู้ได้ว่าควรลอง
มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับชายหนุ่มมากๆ แต่สำหรับธีไกอานั้น เขาชินแล้ว เพราะเขาทำอาชีพนักเป่าจิ๊มาตั้งแต่ยังหนุ่มๆ
"อ๊วกกกกกกกกกกกกกก ทำไมกลิ่นมันแรงแบบนี้" มาร์ราคัสวิ่งออกไปอ้วก เพราะป้าแกมีความชัดเจนเรื่องกลิ่น
"เป็นไงบ้าง ไอ้หนุ่ม" ธีไกอาชายชราเข้าไปลูบหลังชายหนุ่ม
คนแล้วคนเล่า จิ๊แล้วจิ๊เล่า อ้วกแล้วอ้วกเล่า มาร์ราคัส และ ธีไกอาก็ยังไม่สามารถเป่าจิ๊ให้บินได้เลย จนมาร์ราคัสชายหนุ่มเริ่มหัวเสีย แล้วถามอย่างมีอารมณ์ว่า
"เราทำไปเพื่ออะไรเนี่ย ไม่เห็นมีประโยชน์เลย"
"มันคือศิลปะ และความจรรโลงใจ บางครั้งไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล และตรรกะอะไรมาตัดสิน ใช้ใจสิ เมืองลอยฟ้า และทุกสิ่งที่ลอยได้ มันเข้าใจยากตรงไหน" ชายแก่ตะคอกกลับ
"ไร้สาระ เมืองคาดัสเรายากจนขนาดไม่มีอะไรจะกิน เราไม่น่ามาทำอะไรแบบนี้ แกน่ะไปขอทาน ส่วนข้าจะไปตัดข้าวสาลีแล้ว!!!" มาร์ราคัสชาวหนุ่มกล่าวอย่างโมโห
ทั้ง 2 คน เริ่มผิดใจกัน จนต่างคนต่างแยกย้าย
หลายวันผ่านไป มาร์ราคัสชายหนุ่มหล่อก็ทำงาน และใช้ชีวิตตามปกติ จนกระทั่งมาเรีย หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขา มาหาเขาที่กระท่อม
มาเรีย
"สวัสดีมาร์ราคัส เจ้าว่างหรือไม่" มาเรียกล่าวทักทาย
"ว่างนะวันนี้ แต่ขอพักดื่มน้ำก่อน เจ้ามีธุระอันใด" มาร์ราคัสตอบกลับ
"ข้าได้ยินมาว่า เจ้าเบินเป็น" มาเรียพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยๆ
"พรู๊ดดดดดดดดดด" มาร์ราคัสสำลักน้ำที่ดื่ม
"จะบ้าหรอ ใครบอกเจ้า เบินอะไรเนี่ย ข้าไม่รู้จัก" มาร์ราคัสตอบอย่างหน้าตาตื่น
"ก็ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากับตาแก่คนนึงไปไล่เบินคนไปทั่วเมืองเลย ไม่เว้นแม้แต่มาลี วัวของผู้ใหญ่บ้าน" มาเรียรีบแบล็กเมล์
มาลี
"นั่นข้าไปเป่า ไม่ใช่เบิน เป่าให้บินได้ เจ้าเข้าใจไหม" มาร์ราคัสพูดพร้อมหน้าแดงนิดๆ
"จะอะไรก็ช่าง ทำให้ข้าบ้าง ถ้าเจ้าเป่าวัวได้ ก็ย่อมต้องเป่าให้ข้าได้" มาเรียคะยั้นคะยอ
ช่วงเวลาแห่งการเป่าเริ่มขึ้น "ปรู๊ดๆๆๆๆๆๆ" นายหนุ่มทำหน้าที่ของตนเองอย่างตั้งใจ และในขณะที่มาเรียเคริ้มๆ อยู่นั้นเอง จู่ๆ จิ๊ของมาเรียก็แบะ สยายปีกออกมา และกระพือบินขึ้น เหมือนหูช้างดัมโบ้ พึ่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
จิ๊บิน
"กรี๊ดดดดดดดดดดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" มาเรียกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เพราะตกใจกับสิ่งที่เห็น แต่ในทางมาร์ราคัสนั้น เขากลับอิ่มเอมจิตใจ จนน้ำตาหลั่งออกมา
ทันใดนั้นเอง ชายชราเฒ่า ธีไกอาได้ปรากฎตัวออกมา ตาเฒ่านั้นได้แอบตามมาเรียมาตลอดทาง เพราะรู้ว่ามาเรียชอบมาที่กระท่อมของมาร์ราคัสตลอดๆ
ธีไกอาชายชรา
"เจ้าเป็นทายาทของชาวเมืองลอยฟ้าลาฟิวเดอร์จริงๆ ด้วย เป็นไงล่ะ ความอิ่มเอมจิตใจที่หาได้ยากยิ่งของพลังพวกเรา" ตาแก่ธีไกอากล่าว
"นี่แสดงว่าข้าแก่เกินไปสำหรับงานนี้แล้ว คงถึงเวลาเกษียณเสียที" ตาแก่ธีไกอากล่าวพร้อมกับหลั่งน้ำตา ชายหนุ่มมาร์ราคัสลุกขึ้นมาโอบกอดกับตาแก่ธีไกอา ทั้ง 2 เข้าใจจิตใจของคนบ้านเดียวกันดี และความอิ่มเอมตรงหน้านี้
แต่เสียงของมาเรียดังมากพอจะเรียกให้ชาวบ้านแห่มาดู และรุมด่าสาบแช่งในสิ่งพิลึกพิลั่นที่ปรากฏอยุ่ตรงหน้า
ชาวบ้านโวยวายเซ่งแซ่
"กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จิ๊บินๆๆๆๆๆๆ จิ๊บินได้" เสียงชาวบ้านโวยวายเซ่งแซ่
"พวกมันๆๆๆ พวกมันเป็นพ่อมด ใช้มนต์ดำอันน่ากลัว จับมันไปเผาไฟ!!!!" เสียงผู้ใหญ่บ้านสั่งการ
ผู้ใหญ่บ้าน
ยามเมือง อัสคานอส และมาร์เต บุกเข้าไปจะจับตัว ชายหนุ่ม และตาแก่นักเป่าจิ๊ แต่แล้ว ตาแก่ธีไกอาตะโกนขึ้นว่า
ยามเฝ้าประตูเมือง อัสคานอส และมาร์เต
"ข้าเพียงคนเดียว ข้าเป็นคนเป่าจิ๊หนูมาเรียจนบินได้เอง ไม่ใช่ฝีมือของมาร์ราคัส"
"จริงหรือเปล่ามาเรีย???!!!" ผู้ใหญ่บ้านถามอย่างตะคอก
มาเรียที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าเพราะตกใจ พยักหน้าหงึกๆ เพราะนางรักมาร์ราคัสมากเกินกว่าจะยอมเห็นเขาตายได้ แม้ในตอนนี้จิ๊ของนางบินไปไหนแล้วก็ไม่รู้
"จับตัวไอ้ปีศาจเฒ่านี่ไปเผา" ผู้ใหญ่บ้านสั่งการ
ในเชิงตะกอนไม้ที่มีเสามัดตาแก่ธีไกอาไว้นั้นเอง ชาวบ้านต่างมาประชุม มาชุมนุมที่หน้าธีไกอา เพื่อเตรียมย่างสด
"เจ้ามันปีศาจพเนจร นำความหายนะมาสู่เมืองคาดัสของเรา บัดนี้ไฟจะชำระความชั่วและมนต์ดำของเจ้า" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวเปิดงานรอบกองไฟ
ชายชราหัวเราะหึหึ แล้วกล่าวว่า
ธีไกอาชายชรา
"เพราะความยากจน และไม่รู้ถึงศิลปะอันสูงส่งของพวกข้า ทำให้พวกเจ้าตัดสินใจเช่นนี้ แต่ช่างเถอะ ข้าแก่มากเกินไป และคงถึงเวลาแล้ว บัดนี้ข้าไม่กลัวตาย เพราะข้าได้เจอกับสิ่งล้ำค่า และการเสร็จสิ้นของภาระกิจที่ยาวนานเสียที" ชายชรายิ้มทั้งน้ำตา
"เจ้าต้องเป็นคนแรกที่โยนคบเพลิง" ผู้ใหญ่บ้านสั่งการมาร์ราคัส "เพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน"
คบไฟถูกส่งให้มาร์ราคัส เขารับคบเพลิงอันนั้นไว้อย่างไม่เต็มใจนัก ขาที่สั่นของเขานั้น ค่อยๆก้าวไปหาตาแก่ธีไกอา มือที่สั่นของเขานั้นไม่ยอมทำตามคำสั่งผู้ใหญ่บ้าน
"จะรออะไรอยู่!!!" ผู้ใหญ่บ้านตะคอก "รีบลงมือซะที!!!!"
ผู้ใหญ่บ้าน
สายตาของทั้ง 2 ประสานกัน ตาแก่ธีไกอายิ้มทั้งน้ำตา เขาหลั่งน้ำตาไม่ใช่เพราะหวาดกลัวต่อความตาย แต่เพราะบัดนี้ เขาได้พบสิ่งล้ำค่าที่ตามหามานานแล้ว ชายชราพยักหน้าเชื้อเชิญให้มาร์ราคัสลงมือเผาตัวเขา
ธีไกอาชายชรา และ มาร์ราคัสชายหนุ่ม
ในขณะที่มาร์ราคัสลังเลอยู่นั้นเอง มาเรียก็วิ่งมากอดเขาจากด้านหลัง มันเติบเต็มหัวใจที่แตกสลายของเขาได้ เขาจึงขว้างคบเพลงไปที่ชายชราเฒ่าผู้น่าสงสารนั้น
บัดนี้ไฟได้ลุกโหมใส่เชิงตะกอนที่มีตาเฒ่านักเป่าจิ๊ถูกมัดอยู่ เสียงฝืนที่ไหม้ไฟได้กลบเสียงร้องโหยหวนของชายชราได้อย่างดี..............................................................
มาร์ราคัสชายหนุ่ม และ มาเรีย
หลายเดือนผ่านไป หลังเหตุการณ์เผาพ่อมดเฒ่าธีไกอา เมืองคาดัสนั้น กลับเริ่มจะมั่งคั่งร่ำรวย ทุกคนมีรถเกวียณใช้ ถนนถูกทำให้ราบเรียบเดินทางสะดวก นั่นก็เพราะจู่ๆ จิ๊ของทุกคนในเมืองก็บินได้ แต่ไม่ใช่บินเพื่อเป็นศิลปะหรือความบันเทิงทั่วๆ ไป เพราะจิ๊เหล่านี้ ได้บินออกจากเมืองคาดัสที่ยากจน ห่างไกล และเดินทางลำบากไปยังเมืองที่ร่ำรวย และค้าบริการ เก็บเงินกลับมาบำรุงเมืองของตนได้ โดยที่เจ้าของจิ๊ไม่จำเป็นต้องออกไปทำงาน และเดินทางไกลเลย อีกทั้งข่าวจิ๊บินได้แห่งเมืองคาดัสนั้นร่ำลือไปทั่วแคว้น จนชายหนุ่ม ชายแก่กลัดมัน ต่างพากันมาเที่ยวเมือง และมาเสพกับสิ่งวิเศษของเมืองคาดัส
เมืองคาดัสที่เจริญแล้ว
ชายหนุ่ม ชายแก่ ต่างมาเที่ยวเมืองคาดัสที่เจริญแล้ว
"จิ๊บินได้"
จิ๊บิน
ในขณะนี้เองที่คฤหาสน์หลังใหญ่แห่งหนึ่งที่เนินเขา ชายหนุ่มรูปงามใส่ชุดหรูหรา ลายล้อมไปด้วยบริวาร "มาร์ราคัส" และ ภรรยาของเขา "มาเรีย" ทั้ง 2 นั่งอยู่ภายในโถงใหญ่ของคฤหาสน์อย่างมีความสุขจากการประกอบกิจการเกี่ยวกับธุรกิจจิ๊บินได้ มาร์ราคัสหยิบเศษเฒ่ากระดูกที่ไหม้ไฟชิ้นหนึ่งออกมา และพูดว่า
บ้านของมาร์ราคัสและมาเรีย
"ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ ธีไกอา ลาก่อน"
และเรื่องราวนี้ ก็ได้จบลง
ฟังแบบเสียงได้ที่ YouTube :
รวมเรื่องเล่ากาวๆ และเรื่องสยองขวัญสไตล์เลิฟคราฟ
ติดตามช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Youtube : heecraft
FB : HeeHorror
TikTok : heecrafts
โฆษณา