22 เม.ย. 2021 เวลา 22:28 • นิยาย เรื่องสั้น
ก่อนตะวันรอน ตอนที่ 4 : เป็นดองกัน (เถาะ)
(ภาพจากเวบไซต์ www.canva.com)
ต่อจากตอนที่แล้ว
หลังจากที่เด็ก ๆ แยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเอง  นั่นก็คือตักน้ำใส่โอ่ง และหุงหาอาหาร  ช่วงค่ำที่บ้านของเดอลา  พ่อกับแม่กำลังคุยกันเรื่องไปช่วยเตรียมงานแต่งที่บ้านต้อย  ญาติทางฝ่ายแม่ของเดอลา
“พ่ออีนางกินข้าวแล้วเจ้าสิไปเฮือนอ้ายคำกับข่อยบ่มื้อหนิ” นางแม่ของเดอลาเอ่ยถามผัวรัก  เผื่อว่านางจะมีเพื่อนเดินกลับจากบ้านคำลูกพี่ลูกน้องของตน  และก็เป็นพ่อของต้อยที่กำลังจะแต่งงานด้วย
ขาไปไม่เท่าไหร่เพราะคงมีเอ็ดและสายเดินไปเป็นเพื่อน  ส่วนขากลับนางไม่แน่ใจว่าทุกคนจะรอตนไหม  เพราะวันนี้ตั้งใจจะอยู่ดึกสักหน่อย
“ไปกะไป  พอดีหล่ะสิได้ถามมื้อถามเว็นอ้ายคำว่าสิได้เลื่อยไม้ไว้เฮ็ดตูบให้นางต้อยมื้อได๋" ตาสีตอบพลางส่งคำข้าวเหนียวเข้าปาก
“แม่หนูไปนำเด้อแม่" เดอลาและน้องชายพูดขึ้นพร้อมกันราวกับนัดไว้
“ไปเหมิดนิหล่ะ กินข้าวแล้วกะดับฟืนดับไฟ เงิกคันไดไว้" นางตอบพร้อมกำชับกับทุกคนว่าต้องทำอะไรบ้างก่อนจะไปบ้านตาคำเพื่อเตรียมงานแต่งให้ต้อยที่จะมีขึ้นอีกไม่กี่วันนี้
🍀🍀🍀
เมื่อทุกคนพร้อมตาสีพ่อของเดอลาก็ถือกะบองไฟนำทุกคนเพื่อเดินลัดเลาะไปยังบ้านตาคำ  ซึ่งอยู่คุ้มท้ายบ้านคนละฝั่งกับคุ้มวัด  ระหว่างทางก็มีสมาชิกร่วมขบวนเพิ่มขึ้นมา  นั่นก็คือเอ็ดและสาย  นางเอ็ดมอบหมายหน้าที่ให้ดำผัวรักเป็นยามเฝ้าเรือนและช่วยสอดส่องดูแลบ้านของตาสีด้วย  เพราะทุกคนจะทิ้งเรือนไปกันหมดไม่ได้  จะต้องมีใครสักคนที่เฝ้าดูแลความเรียบร้อย  และค่ำนี้ก็เป็นหน้าที่ของดำ
คืนนี้เป็นพระจันทร์ข้างขึ้นเกือบจะสิบห้าค่ำแล้ว  สังเกตจากดวงจันทร์ที่สุกสว่าง  สาดแสงลงมาให้ทุกคนได้มองเห็นร่องทางเดินได้อย่างถนัดถนี่  เดอลาสาวน้อยผู้ชื่นชอบดวงจันทร์เป็นพิเศษ  มีหรือจะพลาดที่จะมองความงามของดวงจันทร์ที่เกือบจะเต็มดวงบนท้องฟ้าในค่ำคืนนี้
“มาถะแหมะ ยืนเบิ่งหยังยุนั่น  มูคะเจ้าไปฮอดไกลแล้ว"
แม่เดอลาร้องบอก  หลังจากเสียงรองเท้าดีดกับเท้าเดอลาไม่เป็นจังหวะ แต๊บ แต๊บ เหมือนเมื่อครู่ ทำให้นางรู้ได้ทันทีว่าลูกสาวเถลไถล  ไม่เดินตามคนอื่น ๆ มา
“จ้าอิแม่  ไปแล้ว ๆ ถ้าหนูแน" สาวน้อยรีบวิ่งจนพลาดไปตกหลุมข้างท้องร่อง ความคิดแว้บแรกที่วิ่งเข้ามาในหัวของเธอ คือ หลุมจิ้งโกร่งของนกแก้วแน่ ๆ เลย  เพราะวันก่อนเดอลาเห็นว่านกแก้วมาขุดหาจิ้งโกร่งแถวนี้ เดอลาเม้มปากด้วยความเจ็บใจที่พลาดท่าให้หลุมน้อย ๆ นี้
“อิแม่ถ้าหนูแน  หนูตกหลุมจิ๊โปมอีนกแก้ว”  เดอลาบ่นอุบมือก็พลางสำรวจหารองเท้าแตะมาใส่
“โอ้ย...เกิบกะขาดอิแม่”  สาวน้อยทั้งโกรธทั้งขำตัวเองที่ซุ่มซ่ามจนสายรองเท้าแตะคู่ใจขาดไป
1
“มา ๆ ฟ้าวมา  เกิบขาดกะถือมาไปฮอดเฮียนลุงคำค่อยให้พ่อเพิ่นซ่อมให้” นางเร่งให้เดอลารีบตามไป
สักพักทุกคนก็เดินทางมาถึงลานหน้าบ้านตาคำลูกพี่ลูกน้องของแม่เดอลา  ซึ่งมีพ่อผู้ใหญ่บ้าน  ตาคำและบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่นั่งอยู่บนแคร่ใต้ต้นมะยมอยู่ก่อนแล้วหกเจ็ดคน
“เป็นจังได๋พ่ออีหล่าได้กินข้าวน้ำแลงงายแล้วน้อ ?”  พ่อใหญ่คงผู้ใหญ่บ้านเอ่ยทักทายพ่อของเดอลา  ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเป็นกันเอง
“โอ้ย  ได้แกงหน่อไม้อีนางนั่นหล่ะพ่อ  แกงโพดแกงโพกินสองมื้อทันเหมิดยุ หน้าสิเป็นหน่อไม้แล้ว ฮ่า  ฮ่า” ตาสีว่าพลางหัวเราะ เอิ๊ก อ๊าก อย่างพอใจ ผู้เฒ่าผู้แก่ที่นั่งอยู่แถวนั้นก็ร่วมผสมโรงหัวเราะกับตาสีไปด้วย ทำเอาเดอลาหน้างอคอหักราวกับปลาทูก็ไม่ปาน  เพราะโดนหัวเราะเยาะ
1
“เป็นหยังหล่ะหญิง  หน้าคือบูดป่านป่นค้างคืนแท้” นกแก้วนั่งแกะเม็ดมะขามอยู่ก่อนแล้ว เห็นสีหน้าของเดอลาก็อดถามไม่ได้
“โอ้ย เกิบคีบเฮาขาด ถามมากะดีแล้ว หลุมจิ๊โปมเธอแมนบ่หญิงนกแก้วอยู่หน้าเฮียนเอื้อยสายนั่น  เฮาบอกให้กลบหลุมกะบ่กลบ  ขุดจิ๊โป่มอยู่ใกล้เฮียนคนกะกลบหลุมแนแมะ ฉันได้ย่างตีนเปิ่มมา” เดอลาบอกปัดนกแก้วถึงเหตุผลที่เธอไม่พอใจบรรดาผู้เฒ่าที่หัวเราะเธอ  ประจวบเหมาะที่เจอกับนกแก้วเจ้าของหลุมจิ๊โป่ม  ที่เป็นสาเหตุทำให้รองเท้าแตะคู่ใจของเธอขาด
แต่สุดท้ายแล้วสองสาวน้อยก็หัวเราะกันคิกคัก  ที่ได้ออกมาเล่นด้วยกันในช่วงกลางคืน  ซึ่งหาโอกาสแบบนี้ได้ไม่ง่ายนัก
ที่ชานบ้านหลังจากที่แม่เดอลาไปสมทบกับกลุ่มแม่บ้าน  แม่เฒ่าผ่องก็ได้แบ่งหน้าที่รับผิดชอบให้แต่ละคนไปจัดการเตรียมความพร้อมสำหรับงานแต่งของต้อยที่จะมีขึ้น  และแม่ของเดอลาก็ได้รับผิดชอบเครื่องสมมากับเอ็ด  ส่วนสายรับหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าสาว  และคอยช่วยต้อยดูแลเครื่องแต่งกาย
“ยายก่ำข่อยบ่ทันได้เห็นหน้าเฒ่าดองเจ้ายุ  บ่พ้อกันตั้งหลายปี  เลาสำบายดีบ่” นางเอียดที่อยู่ข้างบ้านเอ่ยถามนางก่ำแม่ของต้อย  หลังจากที่เดินทางมาจากกรุงเทพ ฯ เมื่อวันก่อน
“เลากะคือเก่าเลานั่นหล่ะ คะเจ้าเคยพุดีกะพุดีคือเก่า” นางก่ำตอบเสียงเรียบ  ทำให้นางเอียดหมดอารมณ์ที่จะซักไซ้ไล่เลียงต่อ
คำว่าผู้ดีของนางก่ำทำให้นางเอียดพอจะเดาออกว่าในงานแต่งของต้อยคงจะมีแขกผู้ดีทางฝั่งเจ้าบ่าวอีกหลายคนมาร่วมงาน  เพราะพ่อของเจ้าบ่าวเป็นถึงกำนัน  ส่วนครอบครัวของนางก่ำและตาคำถึงจะมีที่นาเป็นสมบัติอยู่ไม่น้อย  แต่ก็รักสมถะไม่ชอบแต่งตัวหวือหวา
“หญิงได้ยินน้าเอียดถามป้าก่ำเรื่องเฒ่าดองบ่” นกแก้วกระซิบถามเดอลา  หลังจากที่สัญชาติญาณความอยากรู้อยากเห็นเริ่มทำงาน
“ได้ยินแล้ว  เฮากะบ่เคยเห็นคือกัน  ได้ยินแต่แม่เว้าสุฟังว่าแม่เจ้าบ่าวเลากะเป็นคนบ้านดอนผักหวานคือพวกเฮานิหล่ะ  แต่ว่าพ่อกับแม่เพิ่นพาย้ายไปอยู่บ้านอื่น  โดน ๆ เทือมายามพี่น้องทางนี้” เดอลากระซิบบอกนกแก้วอย่างละเอียด  มือก็พลางแกะเม็ดมะขามไปด้วย
“คึได้ยินว่า เลามักใส่เกิบส้นหย่องแมนบ่”  นกแก้วเซ้าซี้ถามเดอลาต่อเพราะความอยากรู้  นกแก้วหวังว่าเธอจะมีโอกาสได้เห็นรองเท้าส้นสูง หรือ ที่พวกเธอเรียกกันว่าส้นหย่องนี้สักครั้ง  ได้ยินแต่กรีนนี่พูดถึงบ่อย ๆ
“กะเห็นว่าจังสั่นหล่ะ  แต่เฮากะบ่เคยเห็นกับตาเดะ  ถ้าเพิ่นใส่มากะสิได้เห็นพร้อมกันนิหล่ะ” พูดจบเดอลาและนกแก้วก็หัวเราะคิกคักขึ้นพร้อมกันอย่างพอใจ  จนนางแม่ของเดอลาหันมาตำหนิ ถึงจะเห็นสีหน้าไม่ชัด
เพราะมีแค่ตะเกียงไม่กี่ดวงที่ให้ความสว่างบนบ้าน  แต่น้ำเสียงของแม่ทำให้เดอลาและนกแก้วลดเสียงดังไปได้พอสมควร
“แล้วเรื่องเฒ่าดองเด้  คะเจ้าคือเอิ้นกันเฒ่าดอง” นกแก้วยังถามต่อไม่หยุด
“ไปถามยายเฒ่ากัน  ไปตำหมากให้เลานำ” เดอลาเอ่ยชวนนกแก้วให้เข้าไปหายายผ่อง  ยายเฒ่าอาวุโสของหมู่บ้านและเป็นแม่งานในงานแต่งของต้อยด้วย
“ยายเฒ่าหย่ำหมากบ่หนูสิตำให้”  เดอลายิ้มแป้นเสนอตัวเองทำหน้าที่ตำหมากให้กับยายผ่อง
“เอ้า  มา ๆ ได้เวียกได้งานแน  พากันมาแต่โดนแล้ว” ยายเฒ่าผ่องยิ้มเห็นฟันดำเมี่ยมจากการเคี้ยวหมากเป็นเวลานานหลายปี
“เอาหยังใส่แนยายเฒ่า”  เดอลาถามยายเฒ่าผ่องเพื่อเป็นการเคารพ แต่จริง ๆ แล้วเธอก็พอรู้บ้าง  เพราะเธอชอบดูยายเฒ่าผ่องเวลาตำหมากบ่อย ๆ
“เอามาหนิ  ฉันสิตำเองหญิง” มือเรียวยาวของกรีนนี่ยื่นมาหยิบตระกร้าหมากของยายเฒ่าผ่องจากเดอลาไป
“โพ่โล่เพ่เล้น่ำบ่อาบมาแต่ทางได๋นิ” นกแก้วจวกกรีนนี่ที่เพิ่งมาถึง  แต่แย่งตำแหน่งตำหมากจากเพื่อนไป
“อาบยุเด้อค่ะ  บ่ได้กลิ่นบ่นิ หม่องเล มองเล มองเลย๊ะ ! มองเล มองเหล่ มองเล้ยะ !” กรีนนี่สะบัดหน้าทำท่าปะแป้งพร้อมกับร้องเพลงโฆษณาแป้งมองเลย่ะไปด้วย
1
เดอลา นกแก้วและยายเฒ่าผ่องมองหน้ากันไปมาพร้อมกับหัวเราะขบขันในท่าทีของกรีนนี่  ส่วนกรีนนี่เองก็อดที่จะหัวเราะชอบใจไปด้วยไม่ได้
กรีนนี่ตั้งใจสร้างเสียงหัวเราะ  สร้างอารมณ์ขันให้ทุกคนอยู่แล้ว  ไม่ใช่เพราะว่าทุกคนเห็นเธอเป็นตัวตลก  หรือเธอชอบเป็นตัวตลกให้ทุกคนรอบตัวเธอหรอก  แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือความสุขภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนที่เธอรักต่างหากคือเป้าหมายของเธอ  ซึ่งผู้คนในหมู่ดอนผักหวานรู้ข้อนี้ดี  กรีนนี่จึงเป็นหนึ่งในเด็กที่ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านเอ็นดู
1
คำหมากของยายเฒ่าผ่องคำนี้อร่อยเป็นพิเศษ  เพราะอบอวลไปด้วยความสุข และเสียงหัวเราะ  ที่เด็กน้อยทั้งสามคนตั้งใจทำ  โดยมีเดอลาเป็นผู้กำกับว่าต้องใส่อะไรบ้าง  นกแก้วเป็นผู้หยิบส่งให้กับกรีนนี่  เพื่อนำไปตำอีกครั้งจนละเอียดได้ที่  จึงส่งให้ยายเฒ่าผ่องจัดการกับคำหมากแสนอร่อยเป็นการปิดท้าย
“เอ้า  ว่ามาสิพากันถามอิหยังยาย  เห็นเหลียวเบิ่งหน้ากันบ่ปากบ่เว้า”  ยายเฒ่าผ่องเอ่ยถามเด็ก ๆ หลังจากที่ส่งคำหมากใส่ปาก  เคี้ยวดัง เจี๊ยะ เจี๊ยะ ได้พักนึงแล้ว
“พวกหนูอยากฮู้ว่าเฒ่าดองมันเป็นจังได๋จ้ายาย  เป็นหยังคะเจ้าคึเอิ้นกันเฒ่าดอง" เดอลาทำหน้าจิ้มลิ้มถามยายเฒ่าผ่อง
“เฒ่าดองกะคือพ่อแม่ของเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวนั่นหล่ะ  คะเจ้าเอิ้นกันมาตั้งแต่มื้อผู้เฒ่าผู้แกไปฮอดไปเถิงกันตามธรรมเนียมอีสานบ้านเฮา" ยายเฒ่าผ่องอธิบายไปพลางปากก็เคี้ยวหมากอย่างเอร็ดอร่อย
“ไปฮอดไปเถิงกันจังได๋ยายเฒ่า" เดอลาถามพร้อมขยับเข้าไปใกล้ยายเฒ่าผ่องอีก  เพื่อจะได้ยินคำตอบชัด ๆ
“ไปฮอดไปเถิง กะผู้เฒ่าผู้แก่มาเว้ามาขอสาวนั่นหล่ะลูกหล่า  พอคะเจ้าตกลงกันได้เรื่องค่าดอง กะนัดมื้อนัดเว็นกินดอง  พ่อแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวกะเป็นเฒ่าดองกันตั้งแต่มื้อนั่นหล่ะ  เข้าใจไป๊บานนิ" ยายเฒ่าผ่องอธิบาย  จนสามสหายพยักหน้าหงึก ๆ เป็นการตอบรับว่าเข้าใจแล้ว
“รู้แล้วกะไปเถาะหญิงมันดึกแล้ว  ยายเฒ่าเพิ่นกะสิได้เมียเฮียนเมียซานคือกัน" เดอลาบอกกับเพื่อน ๆ
“ฟ้าวไปหาเฒ่าดองหวาหญิง" กรีนนี่แซวเดอลาเล่น
“ฟ้าสิผ่าแล้งหล่ะ  เว้าแนวบ่แมนนั่น ฮึย !” เดอลาเอ็ดกรีนนี่ที่พูดจาเลินเล่อมากไป
“เอ๋ากะเว้าหยอกซื่อ ๆ คือหลาย" กรีนนี่บ่นอุบหลังจากเดอลาเอ็ด
“นางหล่า  นางหล่า  พากันแล้วไป๊น้อแม่หยาแม่หยิงเทิงเฮียน  มาเด้อพ่อแล้วแล้วเด้" ตาสีร้องเรียกนางเมียรักและลูกสาวลูกชายให้กลับบ้าน  หลังจากที่ตัวเองรับงานจากพ่อใหญ่คงเรียบร้อยแล้ว
ขากลับมีเพียงครอบครัวของเดอลา  กรีนนี่และนกแก้ว  ส่วนเอ็ดกับสายขอตัวกลับก่อนหน้านี้แล้ว  ทางเดินยิ่งดึกยิ่งสว่างจากแสงของดวงจันทร์  ที่สาดส่องมาให้ทุกคนได้เห็นทางเดินอย่างชัดเจน
1
เสียงจิ้งหรีดร้องประสานเสียงกัน  ดังก้องกังวานราวกับวงดนตรีก็ไม่ปาน  คงออกมาดื่มด่ำกับน้ำค้างแสนอร่อยอย่างแน่นอน  สาวน้อยเดอลาคิดในขณะที่ก้าวแต่ละก้าวของเท้าน้อย ๆ เหยียบย่ำยอดหญ้าบนทางเดินกลับบ้านของเธอ
ในใจก็นึกถึงหลุมจิ๊โป่มเจ้ากรรมของนกแก้ว  สาเหตุที่ทำให้สาวน้อยต้องเดินเท้าเปล่าเปลือยทั้งขาไปและขากลับเช่นนี้  ถึงจะเท้าเปล่าแต่เดอลาก็รู้สึกดีไม่น้อย  ที่ได้สัมผัสกับความนุ่มของหย่อมหญ้า  ความสดชื่นของน้ำค้างกลางดึก  ให้ความรู้สึกพิเศษไม่น้อยเลย
ผู้เฒ่าผู้แก่พร่ำบอกกับเธอเสมอว่า  น้ำค้างนี่แหละคือยาวิเศษ  เด็กน้อยเกิดมาอยากให้ขาแข็งแรง  พ่อแม่จะพาออกมาเดินลุยน้ำค้างกันทั้งนั้น  พอนึกได้สาวน้อยก็ใช้เท้าถูไถกับยอดหญ้าด้วยความเพลิดเพลินจนถึงบ้านของกรีนนี่และนกแก้วเลยทีเดียว
เด็ก ๆ บอกลากันก่อนที่จะแยกกันขึ้นบ้านใครบ้านมัน  ส่วนเดอลาก็เดินตามแม่กับพ่อซึ่งอุ้มน้องชายของเธอที่หลับไหลไม่รู้เรื่องจนถึงที่นอนเลย  ส่วนเดอลาก็รู้งาน  หลังจากที่ปีนขึ้นบ้านก็จัดการง้างบันไดออกจากออกบ้าน  ล้างเท้าแล้วเข้านอนอย่างมีความสุขด้วยเสียงขับกล่อมของจิ้งหรีดเรไรดั่งเช่นทุก ๆ คืน
😇😇😇
สำหรับใครที่กำลังจะเข้านอนก็ขอให้ฝันดีนะคะ ส่วนใครที่เพิ่งตื่นลองไปเดินกลางน้ำค้างให้เท้าได้สัมผัสความเย็นสดชื่นดู
แล้วกลับมาพบกับสาวน้อยเดอลา ณ ดอนผักหวานกันในตอนต่อไปค่ะ
#นิยาย : #ก่อนตะวันรอน
บทประพันธ์ โดย : #งามดอกบัว
สำนักพิมพ์ : #อีสานพันทาง
เพลงประกอบนิยาย : #ใจเจ้ากรรม
ทำนอง/เนื้อร้อง : วัชราภรณ์ ศิริวรรณา
(ภาพจากเพจ De Lah Ngamdokbua)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา