24 เม.ย. 2021 เวลา 02:44 • ธุรกิจ
สรุป 5 เทรนด์ "ธุรกิจความงาม" ในอนาคต ที่ผู้ประกอบการยุคใหม่ควรรู้
ต่อกันเลยอย่าหยุด! เข้าสู่เนื้อหาของตอนที่ 4 ของรายการ Addict Talk; SME ADvisor by dtac business โปรเจกต์ที่ Ad Addict ได้ร่วมมือกับ dtac business จัดเป็นรายการ Facebook Live Session เพื่อมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ในแวดวงธุรกิจ SME แบบจัดเต็มถึง 6 ตอน ด้วยผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์และเทคนิคดีๆ เพื่อให้เพื่อนๆ ได้นำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ
และในตอนที่ 4 นี้ (21 เมษายน 2021) เราจะมาพูดคุยกันในประเด็นของ “ธุรกิจความงาม” ที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีการปรับตัวกันอย่างมากในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยวันนี้เราได้รับเกียรติจากผู้ประกอบธุรกิจอย่างคุณ 'คุณเหวิน-ชวิศา เฉิน' Co-Founder, The Palettes Thailand และ Founder, Wendays มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษ!
พร้อมกับ 2 กูรูทางฝั่งธุรกิจอย่าง คุณเท็น จาก dtac business และคุณ บี - สโรจ เลาหศิริ Head of Marketing Transformation and Marketing Strategy จาก Bluebik Group ที่จะมาร่วมแบ่งปันข้อมูลความรู้และเครื่องมือในการตอบสนองความต้องการในการทำธุรกิจที่หลากหลายจาก dtac Business มาแนะนำด้วยนะ
โดยแอดได้ทำการสรุปเนื้อหาสำคัญที่จะใช้ในการพัฒนาธุรกิจความงามจากการสนทนานี้เอาไว้ให้เพื่อนๆ ได้ลองไปศึกษากันทั้งหมด 5 หัวข้อ จะมีหัวข้อไหนที่น่าสนใจและนำไปปรับใช้กับการทำธุรกิจของเพื่อนๆ บ้างไปดูกันเลยจ้า
(1) สวยได้ด้วยตนเองมากขึ้น
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นทำให้ลูกค้าที่ใช้บริการธุรกิจความงามไม่สามารถออกไปใช้บริการได้ตามปกติ จนเกิดเป็นความต้องการหลายๆ อย่าง ที่ลูกค้าเริ่มค้นหาวิธีการเสริมความงามด้วยตัวเองมากขึ้น
นี่คือความต้องการที่เกิดขึ้นและผู้ประกอบการสามารถใช้จุดนี้เป็นช่องทางในการปรับตัวธุรกิจให้เข้ากับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปได้ ด้วยการทำคอนเทนต์แนะนำการเสริมความงามให้กับผู้บริโภค เช่น คอนเทนต์แนะนำการตัดผมด้วยเองที่บ้าน, วิธีการทาเล็บสำหรับคุณผู้หญิง ฯลฯ
ด้วยการทำคอนเทนต์แบบนี้ แม้ลูกค้าจะไม่สามารถมาใช้บริการของเราได้แต่อย่างน้อยก็ทำให้พวกเขายังคงมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของเราได้อยู่ และนั้นจะต่อยอดไปถึงช่วงสถานการณ์ปกติที่ทำให้เขานึกถึงการบริการของเราเป็นรายแรกๆ ได้เช่นกัน
(2) ใครๆ ก็สวยได้แม้อยู่ที่บ้าน
จากสถานการณ์ทำให้ธุรกิจความงามแบบ Offline ต้องมีการปรับตัวและสิ่งที่จะสามารถปรับตัวเพื่อส่งเสริมการบริการได้อยู่ก็คือเรื่องของ ‘นวัตกรรมความงาม’ ที่เราสามารถนำเสนอหรือให้บริการลูกค้าได้ผ่านช่องทาง Online ด้วยการปรับตัวนี้ทำให้ใครๆ ก็สามารถได้รับบริการความงามได้แม้ต้องอยู่ที่บ้าน
ซึ่งบริการแบบนี้เป็นการทำให้ลูกค้ายังอยู่กับเราแม้ว่าเขาจะไม่ได้มาหาเราถึงที่ร้านก็ตาม ส่งผลให้เขายังรับรู้ถึงธุรกิจของเราผ่านนวัตกรรมที่เราให้บริการอยู่ และเมื่อวันที่สถานการณ์กลับมาปกติ ก็จะทำให้เขายังคงไว้วางใจในการใช้บริการของธุรกิจเรา รวมไปถึงยังคงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเราอย่างต่อเนื่องด้วย
(3) สวยแบบไม่ต้องทำร้ายโลก
เทรนด์ของธุรกิจความงามหนึ่งที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ยกตัวอย่าง Cruelty Free กับแคมเปญที่ชื่อว่า Save Ralph ที่เป็นกระแสดังมากๆ
เป็นแคมเปญที่เล่าเรื่องของกระต่ายตัวหนึ่งที่ทำงานเป็นตัวทดลองผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจนทำให้เกิดผลข้างเคียงมากมาย (น่าสงสาร T-T) และก็ได้มีการเปิดเผยรายชื่อผลิตภัณฑ์ที่มีการทดสอบโดยสัตว์ด้วย ซึ่งสะท้อนให้ผู้ชมเห็นถึงผลเสียที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจนหันมาให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
เพราะฉะนั้นแล้วคาดว่าหลังจากนี้กระแสในเรื่องของความรับผิดชอบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีโอกาสสูงที่จะได้รับความนิยมมากขึ้น ดังนั้นแล้วการเลิกใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่ไม่เป็นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็น Organic ที่ตอบสนองประโยคที่ว่า “เราสวยได้โดยที่ไม่ต้องทำร้ายโลก” ก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ผู้ประกอบการต้องจับตามองและปรับตัว
(4) ให้ประสบการณ์มากกว่าความงาม
มากกว่าการ ‘ให้บริการ’ ก็คือเรื่องของการ ‘สร้างประสบการณ์ห้ลูกค้า’ (Experience-Based) โดยเริ่มต้นตั้งแต่หน้าร้านรวมไปจนถึงการให้บริการที่มากกว่าที่ลูกค้าคาดหวังเอาไว้ หรือสร้างการบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากกว่าเดิม
มันคือการบริการบางอย่างที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอินและมีปฏิสัมพันธ์กับประสบการณ์เหล่านั้น จนรู้สึกว่าได้รับการ Treat จริงๆ ทั้งหมดนี้คือ Beauty Experience ที่ไม่ใช่แค่เข้าไปใช้บริการแค่เพื่อการรักษาหรือรูปลักษณ์ที่สวยงามภายนอกอย่างเดียว แต่มันคือประสบการณ์ทั้งภายในและภายนอกที่ลูกค้าได้รับการตอบสนอง
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพทุกวันนี้เราจะเห็นร้าน Salon ที่ผนวกเข้ากับร้าน Spa มากขึ้น ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้ธุรกิจของเราสามารถตอบสนองในเรื่องความสวยงามได้อย่างครบวงจรมากขึ้น และสร้างประสบการณ์ที่ครบถ้วนให้กับลูกค้าได้ดีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
(5) ความงามไม่ได้จำกัดแค่เพศหญิง
เวลาที่เรานึกถึงเทรนด์ความสวยงามงามเรามักจะนึกถึง ‘ผู้หญิง’ ก่อนเสมอ แต่ถ้าเรามองให้กว้างขึ้น ในปัจจุบันเราจะสังเกตุได้ว่า ‘ผู้ชาย’ เองก็มีความสนใจในเรื่องความสวยความงามของตัวเองเยอะขึ้นเช่นกัน
ซึ่งหากมองในเรื่องของเทรนด์ในอนาคตมีโอกาสเป็นไปได้สูงว่า กลุ่มผู้บริโภค ‘ผู้ชาย’ นี่แหละที่กำลังรอการตอบสนองของผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่องความสวยความงามจาก Pain point ของพวกเขาอยู่ ในส่วนหนึ่งกลุ่มเพศทางเลือกอย่าง LGBTQ เอง ก็ยังมีความต้องการในการตอบสนองเรื่องความสวยความงามที่เฉพาะเจาะจงกับพวกเขาขึ้นเช่นกัน นับว่าตลาดนี้เป็นอีกพื้นที่ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามเลย
รวมไปถึงเรื่องของการบริการที่การบริการบางอย่างไม่ควรเอามาเป็นข้อจำกัดในยุคปัจจุบัน เช่น การทำเล็บอาจจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่กับผู้หญิง บางครั้งคุณผู้ชายที่มาด้วยกับคุณผู้หญิงก็สามารถได้รับบริการนี้ได้เช่นกันในรูปแบบที่เหมาะสม หากร้านหรือผู้กิจไหนสามารถรองรับในส่วนนี้ได้ก็มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจความสวยความงามในกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นด้วย
และนี้ก็คือทั้ง 5 เทรนด์เกี่ยวกับธุรกิจ ‘ความงาม’ ที่เราได้จากประสบการณ์ของผู้ประกอบการณ์ตัวจริงและผู้เชี่ยวชาญ นับว่าเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ผู้ประกอบการธุรกิจสายนี้ที่กำลังมองหาวิธีการปรับตัวอยู่เป็นอย่างมาก หวังว่าหลังจากอ่านข้อสรุปทั้ง 5 จบแล้วเพื่อนๆ คงจะได้ไอเดียในการปรับตัวธุรกิจกันนะครับ
หรือถ้าเพื่อนๆ คนไหนอยากจะฟังรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูการสนทนานี้ได้เต็มๆ ที่ด้านบนของบทความนี้เลย รับรองว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ให้ก้าวไปสู่การพัฒนาธุรกิจความงามในก้าวต่อไปอย่างแน่นอน
และในครั้งหน้าเพื่อนๆ คนไหนที่ได้ฟังการแนะนำและตอบคำถามจากรายการนี้แล้วมีความสนใจในแวดวงธุรกิจ ก็สามารถติดตามรายการ Live Addict Talk; SME ADvisor by dtac business ครั้งต่อไปได้ในวันที่ 5 พฤษภาคม กับธุรกิจ ‘สุขภาพ’ ใครเป็นสาย Healthy ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
โฆษณา