24 เม.ย. 2021 เวลา 10:41 • การ์ตูน
มาตามรอยที่เที่ยวกับ Kimetsu no Yaiba หรือ ดาบพิฆาตอสูรกันครับ ใครที่เป็นแฟนของเรื่องนี้ไว้ถ้าทุกคนมีโอกาสเมื่อไหร่ก็ไปแวะไปสักครั้งนะ☺️
1. สวนดอกไม้ อาชิคางะ Ashikaga Flower Park, จังหวัดโทชิกิ (Tochigi)
ที่นี่เป็นหนึ่งในสวนดอกฟูจิ หรือดอกวิสทีเรีย (Wisteria) ที่สวยงามอลังการที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีไฮไลท์อยู่ที่อุโมงต้นวิสทีเรียยาวเกือบ 100 เมตร และต้นวิสทีเรียขนาดใหญ่ยักษ์ อายุกว่า 140 ปี สวนแห่งนี้เป็นต้นแบบของภูเขาฟูจิคาซาเนะ ซึ่งเป็นภูเขาที่นักดาบของกลุ่มจับอสูรมาขังไว้ โดยที่ตีนเขาจะมีดอกฟูจิที่อสูรเกลียดนักหนาบานอยู่เต็มพื้นที่ อสูรจึงออกจากเขาไม่ได้ ซึ่งกลุ่มนักล่าอสูรก็ใช้เป็นเวทีคัดเลือกคนเข้ากลุ่มนั่นเอง
ใครที่อยากมาในช่วงที่ดอกไม้บานเต็มที่ ต้องมาช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเราจะได้เห็นดอกวิสทีเรียหลากสี ทั้งม่วง ขาว ฟ้า ชมพู และเหลือง งดงามตระการตาเป็นที่สุดจริงๆ ใครอยากมาสามารถนั่งรถไฟจากกรุงโตเกียวได้ ใช้เวลาประมาณ 1.5 - 2 ชั่วโมง
2. ศิลาแยก อิตโต-เซกิ Itto-seki Split Boulder, จังหวัดนารา (Nara)
หนึ่งในภารกิจสุดโหดหินที่ทันจิโร่ต้องทำให้ได้ นั่นคือการผ่าก้อนหินยักษ์ให้เป็น 2 ซีกด้วยดาบ กว่าจะสำเร็จก็ต้องใช้เวลานานมากๆ เลยทีเดียว ซึ่งเจ้าก้อนหินที่ว่านี่มีอยู่จริงที่จังหวัดนาราครับ ชื่อว่าศิลาอิตโต-เซกิ เพียงแต่คนผ่าไม่ใช่ทันจิโร่เท่านั้นเอง ตามตำนานว่าเป็นฝีมือดาบของซามูไร นามว่า ยางิว มุเนโตชิ (Yagyu Munetoshi) ที่ต่อสู้กับเทงงุ (Tengu สิ่งมีชีวิตในตำนานของญี่ปุ่น เชี่ยวชาญมนต์มายา และวิชาแปลงกาย) ด้วยการฟาดดาบเพียงหนึ่งครั้ง ผ่าทั้งตัวเทงงุ และก้อนหินยักษ์ด้านหลังออกเป็น 2 ซีก
3. เรียวกังอะชิโนะมากิ ออนเซน Ashinomaki Onsen, จังหวัดฟุคุชิมะ (fukushima)
เรียวกังหรือโรงแรมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นแห่งนี้ มีการตกแต่งที่แปลกตา และมีความคล้ายคลึงกับ ปราสาทไร้ขอบเขต ของจอมอสูรมุซัน คิบุสึจิ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในนี้จะกลับหัวกลับหางไม่รู้ทิศทาง โชคดีว่าในเรียวกังนี้ไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนั้น โดยตรงกลางเรียวกังจะมีเวทียื่นออกมาเหนือบ่อน้ำ และมีนักดนตรีมาคอยเล่นเพลงอยู่เสมอ เหมือนกับฉากที่มีอสูรเล่นบิวะเพื่อควบคุมปราสาทอยู่นั่นเอง
4. ภูเขาคุโมโทริ Mt. Kumotori, ครอบคลุมจังหวัดโตเกียว ไซตามะ และยามานาชิ (Tokyo, Saitama, Yamanashi)
เขาคุโมโทริ เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโตเกียว (สูงจากระดับน้ำทะเล 2,017 เมตร) ชาวญี่ปุ่นรู้จักที่นี่ในฐานะ "ภูเขาสูงที่เอื้อมแตะก้อนเมฆ" ที่นี่เป็นฉากหลังของบ้านตระกูลคามาโดะ และทันจิโร่เองก็อาศัยเก็บฟืนจากป่าไปขายในเมืองนั่นเอง ใครที่อยากถ่ายรูปให้เหมือนในการ์ตูนเลยจะต้องมาเที่ยวในช่วงหน้าหนาว เพราะหิมะขาวจะตกปกคลุมจนทั่วทั้งภูเขาเลย
5. พิพิธภัณฑ์เมจิมุระ Meiji Mura, จังหวัดไอจิ (Aichi)
อย่างที่เอ่ยถึงในตอนต้น ว่าเรื่องราวของดาบพิฆาตอสูรนั้นเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นยุคไทโช ใครที่อยากชมสถาปัตยกรรม และบ้านเมืองในสมัยนั้นจะต้องไปดูที่พิพิธภัณฑ์เมจิมุระครับ เพราะเขารวบเอาอาคารต่างๆ ไม่ว่าจะบ้านเรือน ร้านค้า โบสถ์ ฯลฯ มาไว้ที่นี่ ซึ่งยุคนั้นจะอยู่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นเริ่มเดินหน้าประเทศให้มีความทันสมัยขึ้นในทุกๆ ด้าน ใครที่อยากเห็นอาคารหน้าตาแบบคฤหาสน์ผีเสื้อ ซึ่งเป็นหน่วยพักฟื้นขององค์กรนักล่าอสูร หรือสถานที่นัดรวมตัวของเสาหลักทั้ง 9 ก็มาดูที่นี่ได้เลย
6. ศาลเจ้าโฮมังงูคามาโดะ Kamado Shrine, จังหวัดฟุกุโอกะ (fukuoka)
ศาลเจ้าคามาโดะ หรือชื่อเต็มๆ ว่า โฮมังงูคามาโดะ ตั้งอยู่บนภูเขาโฮมัง ซึ่งถือว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของเมืองนี้ ส่วนของตัวศาลเจ้านั้นแม้จะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับการ์ตูนโดยตรง แต่ด้วยความที่ชื่อของศาลเจ้านั้นเป็นชื่อเดียวกับนามสกุลของทันจิโร่นั่นเอง เลยทำให้มีแฟนการ์ตูนเรื่องนี้สนใจไปเยี่ยมชมศาลเจ้านี้มากขึ้น กลายเป็นหมุดหมายใหม่ไปโดยปริยาย รวมไปถึงแผ่นป้ายขอพรเอมะ ที่เต็มไปด้วยรูปวาดของตัวละครจากเรื่อง Kimetsu no Yaiba เต็มไปหมด
และอีกความน่าสนใจของที่นี่ ก็คือเครื่องแต่งกายของนักบวชยังเป็นลายตารางหมากรุก ลายเดียวกันกับของทันจิโร่เป๊ะ นับว่าเป็นความคล้ายคลึงที่น่าจะได้รับแรงบันดาลใจไปนั่นเอง ถึงจะไม่รู้ว่าศาลเจ้านี้มีความเกี่ยวข้องจริงๆ แค่ไหน แต่ที่แน่ๆ ความโด่งดังของดาบพิฆาตอสูรก็ทำให้มีคนมาสักการะที่ศาลเจ้าแห่งนี้อย่างล้นหลาม
7. พิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโต Kyoto Railway Museum, จังหวัดเกียวโต (Kyoto)
และตอนสุดท้ายของอนิเมะก็จะถึงเนื้อเรื่องช่วงที่ทันจิโร่ และพวกพ้องจะต้องขึ้นรถไฟมุ่งหน้าสู่ภารกิจต่อไป ใครอยากไปลองสัมผัสกับรถไฟรุ่นนี้เป๊ะๆ ตัวเป็นๆ ไปดูได้ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโต ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟญี่ปุ่นที่ดีที่สุดครับ นอกเหนือจากนี้ยังมีรถไฟโชว์ให้ดูหลากหลายแบบมาก ตั้งแต่หัวรถจักรไอน้ำรุ่นแรกๆ รถไฟที่ใช้ช่วงสงคราม จนถึงรถไฟชินกันเซ็นรุ่นแรกเลย
โฆษณา