30 เม.ย. 2021 เวลา 14:23 • ไลฟ์สไตล์
⏳ Take the time to identify your values ⌛
ไม่น่าเชื่อนะครับว่า
การได้ทักทายกันเพียงครู่เดียว จะช่วยค้นหาคุณค่าตัวเราเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
Focus on & Take the time
ที่มาที่ไปเรื่องนี้ เกิดขึ้นในช่วงเช้าตรู่วันที่ 4 เม.ย.64 ขณะที่ผมเดินชมวิวและทักทายผู้คนตามริมชายหาดเกาะพีพี จ.กระบี่ ด้านใกล้ท่าเรือรับส่งผู้โดยสาร (ก่อนโควิดระบาดรอบ 3)
วิว&ชีวิตยามเช้า@เกาะพีพี
สายตาผมมาสะดุดเห็นคู่สามีภรรยาที่น่ารักคู่หนึ่งนั่งอยู่ริมชายหาด โดยพี่ผู้หญิงกำลังนั่งอ่านหนังสือบนพื้นทรายอย่างผ่อนคลายและมีความสุข
ผมยกมือไหว้และทักทายคุณพี่ทั้ง 2 ท่าน พร้อมเปิดฉากสนทนาก่อนว่า "ไม่ค่อยเห็นภาพแบบนี้เกิดขึ้นกับคนไทยมานานแล้วนะครับ ที่ผ่านมาคุ้นเคยเฉพาะภาพชาวฝรั่งต่างชาตินั่งหรือนอนอ่านหนังสือริมสระน้ำในโรงแรมหรือชายหาด"
คุณพี่ผู้หญิงแย้งอย่างนิ่มนวลว่า "ที่ญี่ปุ่นยังพอมีให้เห็นค่ะ รวมทั้งคนไทยบางส่วนก็มีนะคะ"
ผมแอบนึกในใจว่า ถ้าการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้งในยุคดิจิทัลเฟื่องฟู ทั้งชาวฝรั่ง ชาวไทย และชาวต่างชาติอื่น ๆ น่าจะจ้องแต่โทรศัพท์มือถือแทนนั่งอ่านหนังสือระหว่างมานอนพักผ่อนที่ชายทะเลเป็นแน่แท้...
มือถือครองใจคนทุกวัย
หลังจากคุยทักทายและแลกเปลี่ยนมุมมองกันได้สักครู่ ก่อนที่ผมจะเดินชมวิวต่อไป
คุณพี่ผู้หญิง ชวนให้ผมทดลองใช้นิ้วชี้ขวาจิ้มลงบนหน้าปกหนังสือ "Less is more" ที่คุณพี่นั่งอ่านอยู่ แล้วให้วนหมุนรอบเป็นวงกลมไปทางด้านขวาในจำนวนรอบตามที่ต้องการ
พร้อมอฐิษฐานในใจว่า เราอยากจะทราบหรืออ่านเรื่องเกี่ยวกับหัวข้อใด
ผมทำตามที่บอก โดยใช้
นิ้วขวาจิ้มวนบนปกหนังสือไป 9 รอบ แล้วก็เปิดหนังสือขึ้นมาตรงกับหน้าที่ 95 พอดี
ไม่น่าเชื่อว่า หัวข้อในหน้านี้ตรงกับความรู้สึกของผมพอดีที่กำลังต้องการหาเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต หัวข้อนั้นเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า
Focus on what matters
ถอดความประมาณได้ว่า.. ให้มุ่งความสนใจในเรื่องที่สำคัญหรือมีความหมาย...
"หาเวลามองหาคุณค่า"
พออ่านเนื้อความในพารากร้าฟแรกซึ่งเขียนขยายหัวข้อนี้ไว้ 2 ประโยคแล้วยิ่งโดนใจผมมากขึ้น เพราะให้มุมคิดที่แหลมคมดีว่า...
You don't need a lot to be happy. You just need to have the things that matter to you.
2
ผมลองแปลแบบสรุปความได้ว่า... คุณไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากมายเพื่อให้ (ชีวิต) มีความสุข
(เพราะแค่) คุณมีบางสิ่งซึ่งมีความหมายสำหรับตัวคุณ ก็เพียงพอแล้ว
ต่อด้วยพารากร้าฟสองที่ยิ่งสร้างอารมณ์ความรู้สึกให้มี "ไดนามิค" กระแทกเข้าไปกลางใจผมเพิ่มมากขึ้น (ตามแบบที่กรรมการรายการประกวดแข่งขัน
ร้องเพลง ใช้วิจารณ์นักร้องผู้สามารถถ่ายทอดบทเพลงได้ดี คือ การทำให้เพลงมีความเป็นไดนามิคเกิดขึ้น)
โดยเขียนไว้ 2 ประโยคเช่นกันว่า...
Take time to identify and understand your values. Then honour them by integrating them into every part of your life .
แปลอย่างรวบรัดพอได้ความว่า...ขอให้คุณใช้เวลาค้นหาและเข้าใจในคุณค่าทั้งหลายที่คุณมี แล้วตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งนั้นโดยผสมผสานเข้าไปในทุกส่วนของการใช้ชีวิต...
วันนั้นผมไม่ลืมที่จะขออนุญาตใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพข้อความในหนังสือหน้า 95 เก็บไว้ด้วย พอกลับมาถึงที่พัก ผมเซฟหน้านี้ไว้เป็นภาพพื้นหลังหน้าจอมือถือ และส่งให้เพื่อนบางคนได้อ่าน
และในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมใช้เวลาอ่านทบทวนข้อความดังกล่าวบ่อยครั้ง เพื่อช่วยกระตุ้นเตือนให้ผมมองหาคุณค่าหรือของดีที่มีอยู่ในตัวเอง
คุณค่าผ่านดนตรี&ถ่ายรูป
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเริ่มทดลองทำมาบ้างแล้ว ตามที่เพื่อนสมัยเรียนปริญญาตรีผู้เป็นนักสร้างแรงบันดาลใจแนะนำให้ผมใช้เวลาที่เหลืออยู่หลังจากที่ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว เพื่อค้นหาสิ่งที่ชอบและถนัด แล้วทำสิ่งนั้นให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและสังคมรอบข้าง
ในการหันกลับไปมองคุณค่าของตัวเองตามข้อความในหนังสือหน้า 95 ผมพยายามมองให้ครอบคลุมในความหมายต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งที่เป็นอุปนิสัย ใจคอ บุคลิกภาพ โลกทรรศน์ และทักษะ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยตัดสินประเมินตัวเองอย่างกรรมการที่รู้ตื้น ลึก หนา บางและไม่ลำเอียง ทำให้เห็นภาพที่ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
โดยพบว่า แท้จริงแล้ว
งานที่ทำให้ผมรู้สึกว่าพอที่จะมีคุณค่ากับตัวผมมากที่สุด คือ งานเขียนหนังสือที่ได้เริ่มทำมาบ้างแล้ว
ซึ่งเป็นงานที่ผมมีความถนัดมากที่สุดงานหนึ่ง และมีความรักความผูกพันเป็นพื้นฐานในงานนี้มาพอสมควร
ทั้งใช้เพื่อเลี้ยงชีพจากลักษณะงานในหน้าที่ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการประชุมคณะกรรมการบริษัทและการทำเพื่อความเพลิดเพลินในบางครั้ง บางคราว
วันนั้น ผมรับปากคุณพี่ผู้หญิงไว้ว่า "ขอเวลาผมสุกงอมทางความคิดกับความบังเอิญที่ผมได้รู้จักคุณพี่ แล้วผมจะถ่ายทอดเรื่องนี้ออกมาให้อ่านนะครับ"
ในขณะที่คุณพี่ก็พูดทิ้งท้ายให้คิดตามไปว่า "นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญแล้วที่เราได้มารู้จักกัน"
จะด้วยความบังเอิญหรือไม่บังเอิญ ผมไม่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัด แต่ที่ตอบได้อย่างชัดเจน คือ ผลจากการเริ่มต้นกล่าวทักทายกันในวันนั้นเพียง 2-3 คำ และพูดคุยกัน 4-5 นาที
รวมทั้งโอกาสที่ผมได้รับในการอ่านหนังสือเพียงหน้าเดียว มีส่วนช่วยทำให้ผมค้นพบคุณค่าในตัวเองที่ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมั่นใจในทิศทางเดินไปข้างหน้าว่า มาถูกทางแล้ว คือ การเขียนหนังสือ
ซึ่งเรื่องที่ผมกำลังถ่ายทอดเป็นภาษาเขียนอยู่นี้ ผมเขียนลงในเพจชื่อ I see I write ใน Blockdit App. ครบ 10 เรื่อง พอดีในวันนี้ครับ
อ้าวเผลอไป.. "จำนวนหรือปริมาณ" ไม่ใช่ตัวบ่งบอกถึงความสุขหรือคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเรานี่นา... (ขอฮา 2 ครั้ง)
ท้ายนี้ ผมขอขอบพระคุณคุณพี่ทั้ง 2 ท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ รวมทั้งผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านที่เห็นคุณค่าในงานเขียนที่ผมเรียบเรียงนำเสนอ และติดตามอ่าน พร้อมให้คำแนะนำ กำลังใจมาโดยตลอด นะครับ
🙏 ❤💛💙💚 🙏
ทั่งนี้ หลังจากอ่านเรื่องนี้จบแล้วลองหาเวลาค้นหาคุณค่าที่มีอยู่แล้วในตัวของทุกท่าน แล้วค่อยๆ ดึงออกมาทำให้เป็นรูปเป็นร่างไปด้วยกันนะครับ ส่วนท่านที่เจอแล้วและกำลังสนุกเพลิดเพลิน ขอให้ทำต่อไปอย่างมีความสุขนะครับ
เดาใจคนมีสตางค์ใกล้ตัว
รวมทั้งลองประยุกต์ใช้นิ้วขวา วนไปบนมือขวาของคนมีสตางค์ใกล้ตัวท่าน ตามจำนวนรอบที่ต้องการแล้วลองตีมูลค่าในใจออกมาว่า เขาจะควักสตางค์ให้ตรงกับจำนวนที่ใจเราต้องการหรือไม่ครับ เขียนเล่าผลให้ทราบกันด้วยนะครับ...(ฮา แล้วอาจได้เงินใช้) 👆 💯
โฆษณา