Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกการลงทุน
•
ติดตาม
24 เม.ย. 2021 เวลา 14:26 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เทคนิคการคิดลดกระแสเงินสดเพื่อใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น
ในโลกการลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานมีหลายศาสตร์ที่ทุกคนควรจะรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพื่อที่จะทำผลตอบแทนให้ชนะตลาดในระยะยาว หนึ่งในนั้นคือ 'การประเมินมูลค่าหุ้น' (Valuation) ถามว่าทำไมนักลงทุนถึง 'จำเป็น' ที่จะต้องเข้าใจศาสตร์นี้ นั่นก็เพราะว่าการเข้าใจถึงมูลค่าของหุ้นหรือบริษัทที่เรากำลังจะลงทุนนั้น ทำให้เรารู้ว่าราคาหุ้น ณ ขณะนั้นถูกหรือแพง และเป็นตัวกำหนดให้เรา take action ไม่ว่าจะ ซื้อ ถือ หรือขาย ถ้าจะให้พูดภาษาบ้านๆก็คือการประเมินมูลค่าหุ้นก็เปรียบเสมือนหลักยึดเหนี่ยวจิตใจของ vi เลยทีเดียว เพราะแน่นอนว่าระยะสั้นตลาดหุ้นมักจะผันผวนไปตามแรงซื้อขายของคนในตลาด แต่สุดท้ายแล้วราคาหุ้นก็จะวิ่งไปตามเจ้ามือที่แท้จริง ซึ่งก็คือ 'ผลกำไรของบริษัท' นั่นเอง ดังนั้นการที่เรารู้ว่าบริษัทนี้มีมูลค่าหรือราคาหุ้นที่ควรจะเป็นเท่าไหร่จะสามารถช่วยให้เรา 'นอนหลับสนิท' โดยไม่พะวงไปกับราคาหุ้นในระยะสั้นนั่นเองครับ
และวันนี้ผมเลยอยากมาแนะนำวิธีง่ายๆ(จริงๆก็ยากเทียบกับวิธีอื่นฮ่าๆ)ที่ผมใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้นอย่างการคิดลดเงินสด หรือ Discounted cash flow ซึ่งวิธีการนี้คือการที่นักลงทุนเชื่อว่าหุ้นแต่ละตัวมีมูลค่าที่แท้จริง(intrinsic value) ในตัวของมัน (ที่ไม่ใช่ราคาหน้ากระดานซื้อขาย) โดย นักลงทุนกลุ่มนี้จะพยายามตีค่ามูลค่าของกิจการโดยอิงจากกระแสเงินสดเข้าและเงินสดออกของกิจการนั้นๆ (เหมือนกับการประเมินว่ากิจการนั้นๆราคาควรจะเป็นเท่าไหร่เทียบกับเงินไหลเข้าออก) จริงๆวิธีการคิดจะมีสูตรที่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะมีการแทนค่าในสมการค่อนข้างเยอะ แต่วันนี้ผมพยายามจะย่อยวิธีที่ง่ายกว่าโดยอ้างอิงจากคลิปของ Mr.likestock (สำหรับท่านที่สนใจไปศึกษาต่อสามารถเข้าไปดูในลิ้งค์
https://youtu.be/Th-CgyuhH8Q
ประกอบไปได้เลย) และสำหรับหุ้นกลุ่มที่เหมาะจะใช้วิธีนี้ในการประเมินมูลค่าคือหุ้นกลุ่มที่มีรายได้ค่อนข้างแน่นอน ไม่ผันผวน เช่น หุ้นกลุ่มค้าปลีก โรงพยาบาล และไม่ใช่หุ้นที่อยู่ในช่วงกำลังโตแบบหุ้นgrowth มากนัก เพราะมีการแทนค่าที่ใช้ตัวเลขค่อนข้างเยอะ ดังนั้นตัวเลขที่ออกมาอาจจะผิดเพี้ยนไปได้
ส่วนที่ต้องขอ disclaimer ไว้ก่อนเลยก็คือตัวอย่างที่ยกมานี้มิได้มีเจตนาในการชักชวนให้ซื้อ ถือหรือขายนะครับ เป็นแค่การสาธิตเท่านั้น ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย
**
**
1.เข้าไปที่
https://www.set.or.th/set/factsheet.do?symbol=kamart&ssoPageId=3&language=th&country=TH
เพื่อใช้ดูข้อมลจำเป็นของหุ้นนั้นๆ โดยสามารถเปลี่ยนเป็นหุ้นอื่นจากคำว่า kamart ในลิ้งค์เป็นชื่อย่อหุ้นที่จะหาได้
2.เข้าไปที่
http://financials.morningstar.com/income-statement/is.html?t=KAMART®ion=tha&culture=en-US
เพื่อใช้ดูข้อมลต่างๆที่จะนำมาคำนวน
3.แล้วก็เข้าไปที่
https://www.fncalculator.com/financialcalculator?type=waccCalculator
แต่ยังไม่ต้องทำอะไร โดยที่เราต้องการทราบ wacc เพื่อจะนำไปคิด dcf ซึ่งการจะได้ค่า wacc เราต้องทราบ cost of equaity ก่อน ซึ่งวิธีการหาจะใช้ในวิธีหลังจากนี้
ในหน้า wacc ให้เราใส่ค่า Total Equity โดยหาจากลิ้งค์ในข้อที่ 1 ตรง "ส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่" /ส่วน Cost of Debt (%) ได้จากเปอร์เซ็นต์ต้นทุนทางการเงิน อาจจะเป็นดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคาร หรือดอกเบี้ยหุ้นกู้ที่บริษัทออกก็ได้ แต่ส่วนใหญ่หากจากธนาคารดอกจะราว 5-6 %(ตรงนี้ดูในงบได้ว่าต้นทะนทางการเงินเท่าไหร่)/ ต่อไป Total Debt หาจากลิ้งค์แรกโดยมาจากบรรทัด 'รวมหนี้สิน' หักหนี้สินที่ไม่มีดอกเบี้ยออก เช่นเจ้าหนี้การค้า/และสุดท้ายคือ Corporate Tax Rate (%) หรือภาษีจ่ายของบริษัทอันนี้ต้องไปดูว่าบริษัทจ่ายภาษีปีละเท่าไหร่
4.ทีนี้จะเหลืออีกค่านึงที่ว่างคือ Cost of Equity (%) ตรงนี้จะใด้มาจากการหา capm ตามนี้
https://www.fncalculator.com/financialcalculator?type=capmCalculator
โดยที่ Risk Free Rate (%) หรือดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวสิบปีตามเว็บนี้
http://www.thaibma.or.th/EN/Market/YieldCurve/Government.aspx
ให้สังเกตตรง ttm 10yrs แล้วนำมาใส่
จากนั้นก็หา Expected Return on Market (%) หรือผลตอบแทนตลาดหุ้นที่ผ่านมาในระยะสิบปี+ค่าจะอยู่ราวๆ 12%
และท้ายสุด Beta for Stock นำมาจากลิ้งในข้อ 1 ตรง beta
เสร็จแล้วก็กดตรง E[Ri] ก็จะได้ค่าที่จะนำไปใส่ใน wacc ตรงข้อ 3
5.ได้ค่า wacc เสร็จแล้วก็อย่าพึ่งทำอะไรให้เข้าลิ้งค์
https://www.fncalculator.com/financialcalculator?type=roiCalculator
เพื่อหาค่าเฉลี่ยroi ของหุ้นตัวนั้นๆว่าโตเท่าไหร่โดยที่ Original Investment จะมาจาก
http://financials.morningstar.com/income-statement/is.html?t=KAMART®ion=tha&culture=en-US
ตรง revenue ให้นำปีแรกของ revenue ใส่ตรง Original Investment และปีล่าสุดใส่ตรง Investment Return และระยะเวลาปีก็ใส่ไปในที่นี่คือ revenue สี่ปีก็ใส่สี่ไป ละกด calculate ก็จะได้ Compound Annual ROI
6. ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการต่อจิ้กซอร์เข้าด้วยกัน ตามลิ้งค์
https://www.mrlikestock.com/dcf-calculator/
โดย Initial Cash Flow มาจากลิ้งค์ข้อ 2 แล้วดูตรง free cash flow ปีล่าสุดมาใส่ /ส่วน Growth Rate (%) มาจาก roi ที่เราคิดได้จากข้อ5 เต็มที่อย่าใส่เกิน 10 %ดีกว่า จริงที่ว่าบางบริษัทคิด roi อาจได้เป็น 20 เปอร์แต่การคิด dcf ให้คิดในแง่อนุรักษ์นิยมจะดีกว่า /ต่อมา Terminal Growth Rate (%) ให้ใส่สัก3 ไป / ต่อมา wacc จากข้อ 3 /ต่อมา Debt (*Include Capitalized Operation lease) ตรงนี้นำมาจากลิ้งค์แรกโดยมาจากบรรทัด 'รวมหนี้สิน' หักหนี้สินที่ไม่มีดอกเบี้ยออก เช่นเจ้าหนี้การค้า/ ต่อมา Cash (*Include Cash Equivalents) มาจากบรรทัด เงินสด ในลิ้งค์แรก /และสุดท้าย Number of Shares มาจากลิ้งแรกตรง จำนวนหุ้นจดทะเบียน แต่ไม่ต้องเอามาหมดหลักล้านเอาแค่หลักก่อนล้านพอ ละก็กด calculate ก็จะได้ค่า intrinsic value หรือมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นนั้นๆ
จบแล้วครับกับวิธีคำนวนหามูลค่าหุ้นแบบคิดลดกระแสเงินสด จริงๆวิธีนี้ผมก็ไม่ค่อยใช้นะเพราะมันต้องใช้ตัวแปรเยอะ และหากเปลี่ยนเลขนิดหน่อย ผลลัพธ์ที่ได้ก็ต่างออกไปเลย วิธีที่ผมมักใช้ก็จะเป็นวิธีแบบง่ายสุดๆเลยคือ pe หรือ peg แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหายครับ จะได้มีอาวุธหลากหลายไว้เลือกใช้ในอนาคต
ขอให้โชคดีกับการลงทุนครับ
บันทึก
2
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย