25 เม.ย. 2021 เวลา 03:36 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เสรีภาพทางการเงิน ไม่เคยมีอยู่จริง
มีข่าวมากมายเกี่ยวกับเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
วิกฤตชายแดน ...การใช้จ่ายและการขาดดุลอย่างมหาศาลของรัฐบาล ...ทั้งหมดนี้ทำให้เราลืมสนใจการเลิกใช้เงินกระดาษไปเลย
นี่เป็นเรื่องซีเรียส ...เพราะมันไม่ใช่เรื่องเฉพาะเงินเฉพาะเงินของคุณ ...แต่มันยังเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวรวมไปถึงความเป็นอิสระเสรีของคุณ ที่คุณอาจเจอมาบ้างแล้ว
เงินสดเป็นอุปสรรคทำให้ ธนาคารกลางไม่สามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยติดลบได้ เพราะถ้าติดลบ คนก็อาจถอนเงินจากระบบ แบ้งกิ้งไปเลย
แล้วถ้าพวกเขาจะถอนเงินเอาไปเก็บไว้ใต้ที่นอน ..มันไม่เกิดผลตอบแทนอะไรให้พวกเค้าเลยก็จริง ...แต่อย่างน้อยก็ยังไม่ต้องเสียอะไรไป
เมื่อทำให้เงินเป็นดิจิตอลแล้ว คุณๆทั้งหลาย
...จะไม่เหลืออ้อปชั่นให้ถอนเงินสดเอาไปเก็บไว้ เพื่อหนีดอกเบี้ยติดลบได้อีก ...คุณจะติดกัปดักแบบไม่มีทางหนี
แล้วถ้าย้ายเงินไปไว้ที่คริปโตอย่าง bitcoin ละจะเป็นยังไง
Governments Won't Surrender Their Monopoly Over Money
รัฐบาลจะไม่ยอมเสียเอกสิทธิ์ทางการเงินไปง่ายๆหรอก
เราต้องเข้าใจว่ารัฐบาลยินดีมากที่ได้สิทธิ์ ในการพิมพ์เงินใช้เอง แล้วใครจะไปยอมแพ้ง่ายๆ ให้กับเงินคริปโตอย่าง bitcoin (ตอนนี้เราคงเห็นว่าวิธีจัดการกับ bitcoin นั้นชั่งง่ายดาย แค่ขึ้นภาษีซะก็จบ)
พวกเสรีนิยมที่สนับสนุนเงิน คลิปโต ก็กำลังชื่นชมกับระบบการจัดการรวมศูนย์ที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้
ความเชื่อที่ว่าระบบจะอยู่เหนือการควบคุมจากอำนาจรัฐ...ออกจะเป็นความเชื่อที่ดูซื่อเกินไปสักหน่อย
เพราะถึงยังไง Blockchain ..ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างพื้นฐาน ..เซิฟเวอร์ ..เคลือข่ายโทรคมนาคม
..ระบบธนาคาร ..และระบบไฟฟ้ากำลัง power grid
ทั้งหมดนี้มันอยู่ในมือของรัฐบาลอยู่นะ
แต่รัฐบาลก็รู้ดีว่าไม่อาจหยุดแพล็ตฟอร์มของเทคโนฯ
ของเงินคริปโตนี้ได้ ..มันไปไกลเกินกว่าจะถอยได้แล้ว
ทุกรัฐบาลทั่วโลกก็ไม่คิด จะยกเลิกเทคโนฯที่สร้างระบบบัญชีที่ฝังกระจัดกระจาย(distributed ledger)
ที่เงินคริปโตอิงอยู่ ..ได้แต่เฝ้าดูมันเติบโต และหาวิธีเข้าควบคุม
ใครก็ตามที่ควบคุมระบบการเงินไว้ได้ ก็จะคุมอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจ และชีวิตของผู้คนได้ง่ายๆ
และนี่เองธนาคารกลางจึงเตรียมใช้ Central Bank Digital Currency หรือรู้จักกันดีว่า CBDC....
Not Exactly Cryptos
มันก็ไม่เหมือนเงิน คริปโตซะทีเดียว
ไม่เหมือนเงินคริปโต CBDC ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ที่ไหน
มันก็ยังคงเป็น ดอลลาร์ ยูโร เยนหรือหยวน แบบที่เป็นอยู่นี่แหละ แต่เป็นเงินดิจิตอลไม่มีเงินสดที่เป็นกระดาษอีก วิธีและช่องทางการชำระเงินเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
Balances จะอยู่ใน digital wallets หรือ digital vaults โดยไม่มีการธนาคารในแบบที่เราคุ้นเคยเลย
Blockchain ก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็น ระบบบัญชีของ CBDC จะอยู่ในรูปการเข้ารหัสของธนาคารกลาง ไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีธนาคารหรือกองทุนเลย
มันให้ความสะดวก แต่ขาดรายได้จากค่าธรรมเนียมทำธุรกรรมบัตรเครดิต เพราะการชำระเงินจะใช้มือถือ ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายการโอนแบบเดิมที่ผ่านบัตรฯ
ไม่มีใครต้องใช้บัญชีธนาคารหรือเช็คอีก ...Bank statements ก็ไม่ต้อง ...pay in slips ก็ไม่ต้อง ..กิจกรรมที่เคยทำที่แบ็งค์ก็ไม่ต้อง ทุกอย่างทำผ่านธนาคารกลางได้เองเลย ในรูปแบบดิจิตอล
บัญชีส่วนตัวของคุณที่เปิดกับ Fed ผ่านมือถือ ทำให้ไม่ต้องมีค่าธรรมเนียม 2.5% แบบที่ธนาคารเคยชาร์จจากลูกค้า แถมการผ่านของเงินก็ยังเร็วกว่า ง่ายกว่า และปลอดภัยกว่าจากแบบเดิมฯ
การ roll out เงินดิจิตอลดอลลาร์ใหม่นี้ ยังอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี ..แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่ ...นอกจากส่วนดีๆ
ในเรื่องของความสะดวกแล้ว มันยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ตรงกันข้ามกับส่วนดีอีกเยอะ
ธุรกิจรถไฟเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจใหญ่มาตั้งแต่ปี 1870 ถึง 1930 ...แต่ล้มละลายเกือบหมดในช่วงปี 1970
General motors ก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐมากกว่าหนึ่งครั้ง
General Electric ก็เคยเป็นอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่แต่ตอนนี้เหลือแต่เปลือก ...ราคาหุ้นของธุรกิจน้ำมันก็เคยพังมาแล้ว ..จาก Green New Deal ...หลายอย่างไม่มีอะไรเหมือนเดิม
ทุกวันนี้มูลค่าหุ้นในตลาดส่วนใหญ่ล้อไปกับธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงินควบคู่ไปกับภาคเทคโนฯ
แต่ CBDC คงจะมาจัดการกับกลุ่มแบงค์เป็นการเฉพาะ
ปฏิกริยาที่เกิดขึ้นกับกลุ่มแบ้งค์เริ่มแล้ว ธนาคารใหญ่ๆ กำลังเริ่มวิตกจะต้องถูก ...cut out จากกระบวนการชำระเงิน ...ส่วนทั้ง MasterCard และ VISA ก็กำลังกังวลว่าช่องทางการชำระเงินของตน คงถูกจัดให้เป็นส่วนเกินของระบบ
เงินนับ trillions of dollars ของราคาหุ้นสถาบันการเงิน ทั้ง JPMorgan,city,MasterCard และ VISA คงถูกกวาดออกไป หลังจากเงินดิจิตอลถูกใช้ เต็มระบบ
Goodbye Pivacy
แล้วคุณๆ คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นตอนที่มัน แครช ...แต่ไม่ต้องไปสงสารเห็นใจพวก JPMorgan, Citi, VISA นั่นหรอก
แล้วนั่นไม่ใช่ผลเสียเพียงอย่างเดียวที่อาจเกิดขึ้นจาก CBDC หรอกนะ ยังอย่างอื่นอีกเพียบ ถ้าไม่มีเงินสดการทำเรื่องลับๆ ล่อๆ ก็จะทำไม่ได้
ที่ผ่านมาก็พอทำได้จากการ track ธุรกรรมทางบัตรเครดิตได้อยู่แล้ว แต่ระบบ CBDC จะสามารถติดตามคุณได้แบบ ทุกฝีเก้าเลยจริงๆ
จีนเป็นผู้นำการพัฒนาของ CBDC และเรื่องการตามบี้ประชาชนของตนนี่แหละ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง CBDC ของจีน
จีนมีการใช้ซอฟท์แวร์การจดจำใบหน้า facial
recognition มาก่อนแล้ว และยังมีการติดตาม GPS
ของมือถือ หรือการซื้อตั๋วการเดินทางของประชนทุกคน
นี่เป็นการป้องกันตรวจสอบพวกที่ต่อต้านรัฐ หรือ เพื่อการควบคุมตัวผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ของรัฐบาล
Global Control
1
มาตอนนี้จีนต้องการให้ CBDC ของตนเป็นผู้นำและมาตรฐานของโลก
ถึงแม้สหรัฐและยุโรปจะไม่เอาด้วย แต่ดูเหมือนพวกเอเชียและ อัฟริกาจะเอาด้วยโดยแลกจากการช่วยเหลือจากจีน เช่นการช่วยเหลือด้านวัคซีน covid
เมื่อซอฟท์แวร์สอดรู้สอดเห็นของเผด็จการจีนสมบูรณ์เมื่อไหร่ ก็จะปรับมาตรฐานให้ใช้กันได้ทั่วโลก ทีนี้แหละ ผู้นำเผด็จการทั้งหลายก็จะสามารถสอดส่องประชาชนของตนเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง / 7 วัน
CR. Jim Rickards
for The Dailly Reckoning
โฆษณา