25 เม.ย. 2021 เวลา 13:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ
วันนี้มารีวิว performance กองทุน SSF-X กันหน่อย สำหรับมนุษย์เงินเดือนและคนที่ซื้อเพื่อลดหย่อนภาษีทั้งหลาย
หลังผ่านไป 1 ปี
ถ้านับจากเมษายนปีที่แล้ว ในวันนั้น SET index recover จากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมมาระดับนึง อยู่ที่ 1275 จุด มาถึงวันนี้ก็ครบปีพอดี ซึ่งดัชนีอยู่ที่ 1553 จุด หรือคิดเป็น +21.8% ใน 1 ปี
ในแง่ของ performance ถ้ากองไหนทำได้ต่ำกว่า SET index performance ถือว่าสอบตก
ถ้าดูจากกราฟ น่าจะพอแบ่งออกได้เป็น 4 Tier
Tier 1 (ผู้นำ): ทิ้งห่างโดดๆอยู่คนเดียวคือ กองของ Asset Plus ซึ่งก็คือ ASP-SME-SSFX ที่ให้ return 48% ซึ่งมากกว่า index performance เกินกว่าเท่าตัว เหตุเพราะเป็นกอง mid small cap ที่โดดเด่นเหลือเกินตั้งแต่ที่เจอ COVID มา
Tier 2: มีอยู่ 4 กอง performance ราว 32-35% ประกอบด้วยกองของ Land & House (LHSMARTDSSF-SSFX), SCB (SCBEQ-SSFX), Tisco (TEG-SSFX) และ Krungthai Asset (KTESGS-SSFX)
Tier 3 (สอบผ่านคาบเส้น): performance ราว 21-23% โดยมี SCB70-SSFX และ K-SUPERSTAR-SSFX
Tier 4: (สอบตก): คือกองของ MFC และ UOB ซึ่งมี performance ต่ำกว่า SET index ประมาณนึง
ถ้าดูในแง่ความผันผวนจากในลีคผู้นำ ASP-SSFX ถึงแม้ว่าจะถือหุ้นขนาดกลางและเล็ก แต่ก็มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานที่ผ่านมาดีกว่าคนอื่น ยกเว้นแค่ SCB70 ซึ่งอาจจะเทียบไม่ได้ เพราะกองถือสัดส่วนหุ้นแค่ 70% ทำให้ความผันผวนควรจะต่ำกว่าเป็นปกติอยู่แล้ว
ส่วน maximum drawdown นั้น ASP อาจจะใกล้เคียงกับคนอื่นๆในกลุ่มในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ก็ถือว่าไม่แย่เลย แต่ก็เพิ่งจะผ่านไปแค่ปีเดียว เราต้องถือไป 10 ปี ฉะนั้น ยังคงต้องพิสูจน์อะไรอีกเยอะเช่นกัน
ด้วยความที่เป็นกองที่มี Fund size ไม่ใหญ่ แค่ 29 ล้านบาท ไม่เหมือน กองของ บลจ. ใหญ่ๆ ที่หาซื้อได้สะดวกกว่า ตรงนี้อาจจะเป็นจุดได้เปรียบนึงของ ASP ในการเลือกกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กได้ โดยที่ยังมีสภาพคล่องของหุ้นที่ถืออยู่
ช่วงหลายปีหลังๆ ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า กองหุ้นไทย (เน้นว่าเฉพาะหุ้นไทยนะครับ) ของ บลจ.ที่ขนาดไม่ใหญ่มักจะทำ performance ได้ดีกว่ากองของ บลจ. ใหญ่ในหลายๆกอง
ตรงนี้อาจจะพอเป็น forward guidance ให้เราได้เหมือนกัน จากผลงานในอดีต สำหรับคนที่ลงทุนในกองทุนเฉพาะหุ้นไทย ไม่ว่าจะเป็น SSF หรือ RMF ที่ไม่คิดอยากจะสับไปลงกองที่ถือสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
แต่แน่นอนว่า ผลการดำเนินงานในอดีต อาจจะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานในอนาคต แต่จะเอาอะไรอย่างอื่นมาชี้ล่ะ ถ้าเราจะซื้อกองทุนซักกองเพื่อลดหย่อนภาษี (เผื่อว่ารัฐบาลจะใจดีออก SSF-X มาอีกในปีนี้นะ จะได้เป็นข้อมูลไว้)
ส่วนคนที่ชอบกระจายการลงทุนในหลาย asset class การพิจารณาความหลากหลายของกอง SSF และ RMF ที่มีให้เลือกของแต่ละบลจ.นั้นก็มีผลไม่น้อย เพราะว่าแต่ละ asset class นั้นให้ performance ไม่เท่ากันตามแต่ละช่วงเวลา
ถ้าเราขยันติดตามภาพ macro และคอยปรับ port อยู่เป็นระยะ ตรงนี้จะเป็นส่วนที่ช่วยให้ performance ของ port SSF และ RMF เราดีขึ้นมากๆในระยะยาวเมื่อเทียบกับการซื้อกองใดกองนึงแล้วถือลืมไปเลย 10-20 ปี
ในส่วนตัวเอง คงไม่ได้มองว่าจะต้องเอา winner ใน asset class นั้น แต่ว่าจะขอเลือกซื้อกับ บลจ.ที่มีอย่างน้อยที่สุดคือ หุ้นอเมริกา, หุ้นจีน, หุ้น Emerging market, ตราสารหนี้หรือ money market (ไว้เป็นหลุมหลบภัยยามตลาดเป็นขาลงใหญ่) ถ้า บลจ.ไหนมี SSF หรือ RMF ที่มี asset class หลากหลายมากกว่านี้ให้สามารถสับเปลี่ยนได้ก็ยิ่งดีครับ
โฆษณา