#saveนิสิตนักศึกษาแพทย์
.
จากเรื่องราวกระแสสังคมที่ออกมาว่า นิสิตนักศึกษาแพทย์ ไม่อยากทำ 1668 ผมขอพูดในฐานะรุ่นพี่ และอดีตนายกสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย
.
เมื่อวานผมได้เข้าสังเกตการประชุมของน้องๆนิสิตนักศึกษาแพทย์ เรื่องการร่วมงานกับ call center 1668
.
มีความเห็นที่หลากหลายเป็นธรรมดา ทั้งน้องที่อยากและไม่อยากให้ทำ ที่น่าสนใจคือความคิดเห็นของน้องๆที่ไม่อยากให้ทำ คุณคิดว่าน้องๆเหล่านั้นคิดอะไรอยู่ เขาอยากนอนอยู่บ้านเฉยๆหรือเปล่า เขาชังชาติหรือเปล่า?
.
เปล่าเลย น้องๆที่ไม่อยากให้ทำก็เป็นห่วงสถานการณ์โควิดเหมือนกับพวกเรา และอยากเป็นส่วนหนึ่งให้ประเทศเราผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้
.
แต่น้องกังวลว่า...
.
เรามีความรู้และความพร้อมไปตอบคำถามให้กับคนไข้หรือยัง? น้องปีต้นๆ ยังไม่เคยเจอคนไข้จริง ถ้าต้องมาเจอทางโทรศัพท์จะทำได้หรือไม่?
.
มีคนที่มีความรู้เหมาะสมกับหน้าที่มากกว่าเรา ที่ควรจะมาตอบคำถามใน call center หรือไม่?
.
หรือยิ่งไปกว่านั้น
.
กังวลว่าระบบควรจะถูกดูแลด้วยทีมงานจิตอาสาทั้งหมดหรือเปล่า ถ้าจิตอาสาเหล่านี้กลับไปทำหน้าที่นักศึกษาแพทย์ที่ต้องเรียน ต้องสอบ ใคร จะดูแลระบบนี้ต่อ? ใครจะมาดูแลคนไข้ตอนนั้น?
.
.
นี่คือความเป็นห่วงของน้อง ที่มีต่องานที่จริงๆแล้วแค่พูดออกไปว่า “ไม่ใช่หน้าที่” ก็ไม่ต้องทำ และไม่มีใครบังคับน้องๆให้ออกมาทำได้แล้ว
.
.
พวกเราทุกคนก็เป็นห่วงผู้ป่วย และสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID เหมือนกันทั้งนั้น
.
แต่พวกเรามี critical thinking เราไม่ได้มองแค่เฉพาะหน้า เราไม่ได้อยากแค่ทำ แต่อยากให้ออกมาเกิดผลดีที่สุด เรามองเห็นไปถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา มองถึงผลกระทบต่อคนไข้ทุกคนที่เราดูแล และสังคมด้วย
.
ผมไม่รู้นะครับว่าสุดท้ายว่าน้อง ๆ จะทำ call center หรือไม่ แต่ขอให้รู้เถอะครับ น้อง ๆ ทุกคนเป็นห่วงคุณนะ
.
และการตัดสินใจของน้อง เป็นการตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดของพวกคุณ
.
อย่าโกรธน้องๆเลย