28 เม.ย. 2021 เวลา 01:39 • ปรัชญา
Free will (เจตจำนงเสรี)
“วันนี้เกิดรู้สึกอยากกินพิซซ่าขึ้นมาจังเลยครับ” คุณว่าความอยากอันนี้นั้นมันมาจากไหน? อยากด้วยตัวเราเอง? หรือ สิ่งอื่น/ผู้อื่นทำให้เราอยาก?
ความอยากของเรานั้นเรียกได้ว่าไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อได้อย่างหนึ่งมาแล้วเราย่อมอยากได้สิ่งต่อไปในอีกในเวลาไม่นาน แต่เจ้าตัวความอยากเนี่ยมันมาจากไหนกันแน่ครับ
เจตจำนงเสรีที่พูดถึงนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความอยากเพียงเท่านั้น แต่รวมไปถึงความเชื่อด้วยว่าชีวิตนั้นถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้วโดยพระเจ้า พระองค์ทรงมีแผนให้กับทุกๆ คนอยู่แล้ว
Free will คืออะไร ในความคิดของผมนั้น ไอเดียของเจตจำรงเสรีมันคืออิสระในการเลือกสิ่งต่างๆ อย่างไม่โดนควบคุม โดยสามารถใช้ความนึกคิดของตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ มันคือการให้ตัวเลือกตัวเองในสถานการณ์ต่างๆ รวมไปถึงการตัดสินใจกระทำบางอย่างด้วยตัวเราเองครับ
ทีนี้เรามาพูดถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างความอยากกันดีกว่าครับ
ถ้าเกิดว่าผมถามใครสักคนก็ได้ว่า อาหารที่ทุกท่านอยากทานมากที่สุดตอนนี้คืออะไร? คงตอบกันได้ไม่อยากใช่มั้ยครับ? แต่ถ้าถามไปอีกว่าสิ่งที่ทุกๆ คนเลือก เป็นเจตจำนงของทุกคนเองหรือไม่? ถ้าผิวเผินก็คงตอบได้ว่าเขาเลือกกันเอง เพราะเมื่อตอนที่ผมบอกให้นึกถึงอาหารที่อยากทานที่สุดพวกเขาเป็นคนตอบเองทั้งหมดไม่ได้ให้คนอื่นมาตอบใช่มั้ยครับ?
สมมุติว่าผมเจาะจงไปที่เพียงหนึ่งคน คนๆ นี้อยากทานพิซซ่า ผมจึงบอกเขาว่าให้ลองคิดดีๆ ว่า ความอยากพิซซ่าเนี่ยมันมาจากไหน
เขาจะเริ่มนึกถึงโฆษณาที่เจอตามทีวี หรือ โซเชียลมีเดีย แบบนี้เท่ากับว่าจะพูดได้เต็มปากก็ไม่ได้แล้วว่าตัวเองเลือกสิ่งๆ เพราะเราถูกสิ่งที่เรียกว่ามาร์เก็ตติ้งเข้ามายืมพื้นที่ในสมองของเราไปแล้ว เราจึงอยากกินพิซซ่า
แน่นอนว่าในแง่หนึ่งเราต้องเป็นคนเลือกอยู่แล้วเพราะเราเห็นโฆษณาหลากหลายตัว ทั้งพิซซ่า สุกี้ ไก่ทอด แต่เราเลือกที่จะกินพิซซ่า แต่ถึงเราจะเลือกแต่เราไม่ได้เลือกอย่างเสรีไปแล้ว เพราะลึกๆ แล้วเราก็อยากกินสิ่งๆ นี้เพราะโฆษณาที่ทำออกมาน่ารับประทาน แป้งหนานุ่ม ชีสยืด กุ้งตัวใหญ่ๆ เรากำลังตกเป็นทาสกับสิ่งๆ นี้ไปเสียแล้ว
คำถามจำพวกนี้นั้นมักไม่มีผิดมีถูก แต่ถูกถามให้ฉุกคิดว่าการกระทำของเรานั้นมันดีแล้วรึไม่? เป็นสิ่งที่เราทำเองด้วยตัวเราหรือเราถูกสิ่งใดสิ่งหนึ่งควบคุมอยู่ หากเราถามตัวเองบ่อยๆ เราอาจจะหลุดพ้นแล้วเริ่มที่จะมีเจตจำนงเสรีก็ได้
มาถึงเรื่องของชีวิตกันบ้า
หลายคนเชื่อว่าชีวิตนั้นถูกกำหนดมาแล้ว เพียงให้เราเดินตามเส้นทางที่เขาขีดมาให้เท่านั้น
การใช้ชีวิตแบบนี้นั้นไม่ได้แย่เท่าใดนัก เมื่อคิดว่าเขาขีดไว้อย่างไรให้เราเดิน เราก็ไปอยู่ไปอย่างนั้นทำไปอย่างนั้น รู้สึกปลอดภัยเมื่อเชื่อในพระเจ้าอย่างเต็มขั้น เราก็เชื่อว่าสิ่งเราพบเจอคือสิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้นั้นดีอยู่แล้ว เป็นหนึ่งในแผนของพระองค์ที่มีให้เรา ถ้ามันยากเย็นก็เป็นเพียงบททดสอบที่เราต้องผ่านไปให้ได้เท่านั้น
แต่การใช้ชีวิตแบบนี้นั้นก็ปฏิเสธการมีอยู่ของเจตจำนงเสรีด้วย เพราะพระเจ้าเองทรงมอบความนึกคิดให้กับมนุษย์ เมื่อมีความคิดพวกเราเองก็จะสามารถคิดโต้แย้งท่านได้ การที่เราไม่ใช้สิ่งที่ท่านมอบมาให้ด้วยนั้นเป็นดั่งการที่เราละทิ้งสิ่งจำเป็นไป
แน่นอนว่าที่ไม่ละทิ้งสิ่งนี้และเริ่มใช้มัน เขาจะเข้าใจได้ว่ามนุษย์นั้นสามารถเลือกทางเดินของชีวิตตัวเองได้ การที่ต้องยอมก้มหน้ารับชะตากรรมเพียงอย่างเดียวนั้น พวกเขาไม่ยอมเด็ดขาด เฉกเช่นที่คนผิวสีเองถูกกดขี่ข่มเหงมานาน ถ้าพวกเขายอมรับว่าชีวิตพวกเขาต้องเป็นแบบนี้ การเปลี่ยนแปลงคงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
และเมื่อเริ่มใช้ Free will ในการดำเนินชีวิต เราจะรู้ว่าชีวิตนั้นเต็มไปด้วยการตัดสินใจ เต็มไปด้วยทางเลือก แต่เราต้องให้ทางเลือกกับตัวเองเสียก่อน การมอบทางเลือกให้ตัวเองนั้นคือการไม่ยอมแพ้ต่อสถานการณ์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราต้องไม่ยอมรับชะตากรรม หากฝึกฝนต่อไปจนชำนาญ แน่นอนว่าการมองหาตัวเลือกใหม่ๆ คงไม่ยากอีกต่อไป
เป็นที่ถกเถียงในมุมมองปรัชญามานานแล้วว่า หากพระเจ้าขีดเส้นทางให้เราแล้วแปลว่าพระองค์ทรงรู้ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคตแล้ว แต่ทำไมพระองค์ยังคงใส่สิ่งที่เรียกว่า Free will ลงมาในตัวมนุษย์อีกด้วย หรือว่าจริงๆ แล้ว Free will อาจเป็นแค่ภาพลวงตาที่เอาไว้หลอกมนุษย์ว่าจริงๆ แล้วชีวิตนั้นยังมีทางเลือก จริงๆ แล้วเราไม่สามารถเลือกอะไรได้ทั้งหมดนั้นถูกขีดเอาไว้แล้ว
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ชีวิตหากไม่ได้เลือกทางเดินของตัวเอง ไม่ได้มีชีวิตที่ตัวเองต้องการจะเรียกว่าชีวิตได้อย่างไรครับ Free will อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ทุกคนแตกต่างกันไป มีทางเลือกในการใช้ชีวิตและตัดสินใจการทำอะไรบางอย่าง เพราะมีความนึกคิดอิสระจึงเป็นมนุษย์
ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า Dilemma มันคือสถานการณ์ที่ต้องเลือกเพียงสองตัวเลือกและต่างเป็นสิ่งที่เราไม่อยากเลือกทั้งคู่ การฝึกที่จะตัดสินใจในสิ่งยากๆ นั้นต้องผ่านการฝึกฝน เราถึงจะสามารถเลือกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่เราจะทำได้ ต้องตระหนักเสียก่อนว่าเรามีสิ่งที่เรียกว่าเจตจำนงเสรีอยู่ในตัว เรามีทางเลือก ตัวเลือก และจะไม่ยอมถูกควบคุม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา