27 เม.ย. 2021 เวลา 14:44 • ไลฟ์สไตล์
“ก่อนที่ฤดูร้อนจะจากไป.. .”
ตอนที่ 2 (ส่งท้ายฤดูแล้ง)
สีน้ำตาล คงเป็นสีที่พบเจอได้มากที่สุดเมื่อฤดูแล้งมาถึง... .
สีน้ำตาลของดอกหญ้าในฤดูร้อน
สีน้ำตาลอ่อนจากใบไม้แห้งหลากหลายพืชพันธุ์ที่ร่วงหล่นทุกวันจนเต็มพื้นดิน สีน้ำตาลแก่ของกิ่งไม้ ยามทิ้งใบคงหลงเหลือเพียงกิ่งน้อยใหญ่ประดับอยู่คู่เคียงลำต้น สีน้ำตาลแดงของดอกหญ้า ทั้งต้นดอกอ้อ ดอกเลา ดอกต๋องก๊ง ช่อดอกฟู ๆ ของพวกมันพลิ้วไหวไปตามแรงลม สวยงามชวนรู้สึกโรแมนติกไม่น้อย สีน้ำตาลเข้ม อมดำ-อมแดง ของผืนแผ่นดินยามต้นหญ้าเครือไม้ป่าขาดน้ำ แห้งเหี่ยวจนเผยให้เห็นสีของดินที่ดูแห้งแล้งผิดตาไปมากจากฤดูไหน ๆ สีน้ำตาลจะคลอบงำไปทั่วทั้งภูเขาทุก ๆ ลูกที่ห้อมล้อมหมู่บ้านเราไว้
สีน้ำตาลที่ค่อย ๆ ครอบคุมพื้นที่จนทั่วเขา
ช่วงปิดเทอมใหญ่ในฤดูร้อน เรายังคงติดตามคุณปู่คุณย่าไปสวนป่าอยู่ไม่ห่าง เช้าตรู่ยันเย็นวนอย่างนี้เป็นกิจวัตร แต่เมื่อฤดูร้อนฤดูแล้งมาถึงความทรงจำที่ไม่ได้รับเชิญ ก็มาเยื่อน..
บ่ายวันนั้นเราคงนั่งพักที่กระท่อมเชิงเขาอยู่เช่นทุกวัน เสียงดังคล้ายลูกประทัดดังขึ้นหลายหน ควันไฟโขมงลอยขึ้นฟ้ากลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ไฟป่ากำลังโหมไหม้อยู่ไม่ไกล มีท่าทีว่าจะไหม้ลงมาตามเชิงเขาและอาจจะถึงเขตสวนเราได้ ปู่ย่าและทุกคนระแหวกนั้นต่างพากัน รีบทำแนวกันไฟ แม้ว่าเราจะเตรียมตัวทำแนวกันไฟมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไฟป่าครั้งนี้รุนแรงและเผาไหม้ค่อนข้างเร็ว จึงจำเป็นต้องขยายแนวให้กว้างขึ้น เป็นเรื่องอันตรายที่เด็กวัย 13-14 ปี จะเข้าใกล้ได้เราจึงได้แต่รออยู่ที่กระท่อม
เสียงคล้ายประทัดที่ดังขึ้นนั้นคือเสียงระเบิดของลำไม้ไผ่ที่ถูกไฟเผาอย่างรุนแรง กลิ่น ควันทั้งฉุนและแสบตา แต่ที่รู้สึกจุกตรงหัวใจคือภาพที่เห็นเบื้องหน้า สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต่างพากันหนีตายลงมาสู่เชิงเขา นก หนู จิ้งหรีด ร้องระงม คล้ายกับว่าโศกนาฏกรรมได้เกิดขึ้นแล้วอย่างสมบูรณ์
สัตว์หลายตัวว่องไว สัตว์หลายตัวมีปีกแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ทุกตัวที่จะมีชีวิตรอด
ลูกนกที่ปีกไม่กล้าขาไม่แข็ง แม่นกที่ล้าแรงเกินกว่าจะหนีพ้นกำลังของเปลวเพลิง ยิ่งไปกว่า นั้นยังคงมีสัตว์บางตัวที่ไม่มีทั้งปีกแถมยังเชื่องช้า ปู่จึงเดินกลับมาพร้อมซากเต่าสองสามตัว...
ความแห้งแล้งจึงมาพร้อมกับความหดหู่ แม้พวกเราจะรักษาแนวกันไฟและปกป้องเขตสวนไว้ได้ แต่ความทุกข์และสิ่งที่พวกเราจำทนยังคงเกิดขึ้น และวนมาฉายซ้ำทุกปี ราวกับว่ามนุษย์จะไม่สามารถพัฒนาจิตใต้สำนึกและก้าวพ้นความโหดร้ายนี้ได้เลย แม้จะผ่านมาเป็นสิบปี ทุกค่ำคืนในฤดูร้อนเราจะยังคงมองเห็นแนวไฟที่ไหม้อยู่ตามเชิงเขา เป็นเส้นแสงสีส้มยาวและนานกินเวลาไปหลายวันคืน
แสงสีส้มจากเชื้อเพลิงสีน้ำตาล และความทรงจำปนน้ำตา
การจากลา ไม่ยากและไม่เคยง่ายเมื่อเราเป็นเด็กที่เติบโตในหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางป่าเขา สังคมในชุมชนจึงดำเนินไปด้วยความเอื้อเฟื้อเกื้อกลู พี่ ป้า น้า อา ที่พบหน้าต่างคุ้นเคยและรู้จักกันไปแทบทุกคน โรงเรียนเล็ก ๆ ที่มีเพื่อนร่วมชั้นไม่มากเท่าไหร่ ทำให้เรารักและผูกพันกันมาก แต่เมื่อจบชั้น ป.6 เด็ก ๆ จะต้องย้ายไปเรียนต่อในเมือง
ทุกปีฤดูร้อนจึงมักจะพาความอ้างว้าง และ บรรยากาศของการจากลามาด้วยเสมอ พี่คนนั้นที่คุ้นเคย เพื่อนคนนั้นที่คอยแบ่งกันกินขนม ทุกคนจะค่อย ๆ ห่างกันไปทั้งระยะและความสัมพันธ์ รวมไปถึงความยาวนานของปิดเทอมใหญ่ในความรู้สึกของช่วงวัยนั้น ยังคงเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้เรารู้สึกเศร้า เพราะจะไม่ได้เจอเพื่อนหลายสัปดาห์ อีกทั้งโลกเสมือนในอินเตอร์เน็ตยังไม่คลอบคุมล้ำสมัยมากเท่าวันนี้ บางครั้งหากอยากเจอเพื่อนคนไหน เราต้องคอยอ้อนวอนขอให้ย่าเดินไปส่งเราที่บ้านเพื่อนคนนั้น แต่ก็ต้องคอยลุ้นอยู่บ่อยครั้งว่าจะได้เจอหรือไม่
หลายครั้งย่าจึงเป็นเพื่อนเล่นในรูปแบบคนตัวโตให้เราเสมอ เล่นขายของย่าก็รับบทคนซื้อ เล่นทำขนมวุ้นจากใบหญ้าย่าก็รับบทเป็นแม่ครัวใหญ่ และบ่อยครั้งเราก็ต้องเป็นเพื่อนตัวเล็กให้ย่าบ้าง ทั้งเป็นเพื่อนไปสวน เป็นเพื่อนปลูกต้นไม้ เป็นเพื่อนไปขายผัก หรือเป็นเพื่อนไปวัด วนซ้ำอย่างนี้วันแล้ววันเล่าจนกว่าวันเปิดเทอมจะมาถึง
กุหลาบที่ย่าปลูกไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว
แม้จะโตขึ้นจนเป็นวัยรุ่นและได้เรียนโรงเรียนที่ใหญ่ขึ้น หรือเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ความรู้สึกของการจากลาในฤดูร้อนยังคงวนเวียนอยู่ซ้ำ ๆ บรรยากาศวันปัจฉิมนิเทศ เสียงเพลง ดอกไม้ การโบกมือลา คอยตอกย้ำและชวนให้ร่วมรู้สึกเศร้าเสมอ หรือภาพสนามฟุตบอลที่ปราศจากความเคลื่อนไหว บรรยากาศใต้ต้นหูกวางที่มีเพียงโต๊ะว่างเปล่า ใบไม้ที่ล้อเล่นไปตามลมร้อน และความระอุของเปลวแดด คล้ายกับว่าทุกสิ่งหยุดพักให้เราได้ประมวลภาพความทรงจำทั้งดีและร้ายที่เกิดขึ้น ในปีนั้น ๆ อย่างช้า ๆ เมื่อฤดูร้อนใกล้จะจบลงเราจะรู้ทันที่ว่าฤดูใหม่กำลังจะมาพร้อมกับเพื่อนใน เทอมใหม่อีกครั้ง
แต่เมื่อเติบโตจนผ่านพ้นวัยเรียน การปิดเทอมไปตลอดกาลของวัยแห่งชีวิตได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ปิดเทอมที่จะไม่มีบทเรียนในหนังสือให้เราลองทดสอบอีกแล้ว ต่อไปมีเพียงชีวิตและสติปัญญาเท่านั้นที่จะเป็นบททดสอบให้เราได้เรียนรู้ ลองผิดเพื่อยอมรับและแก้ไข ลองถูกเพื่อลิ้มรสของความสำเร็จ กาลเวลาและอายุขัยได้ดำเนินไปตามหน้าที่ของมัน ทุกคนต่างเริ่มต้นลงมือทำสิ่งต่าง ๆ ตามความฝัน เราเองจึงได้เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในปิดเทอมใหญ่นี้อย่างโดดเดี่ยวและยาวนาน
ฤดูร้อนยังคงทำหน้าที่สร้างความทรงจำให้เราเสมอมา ความสุข ความเศร้า หลอมรวมเป็นรสชาติที่แตกต่างกันไปทุกปี แม้ว่าจะเว้าวอนขอให้กลับไปสุขหรือทุกข์แบบเดิมอีกสักครั้ง ด้วยเงื่อนไขของเวลาแน่นอนว่าคงไม่มีใครได้รับโอกาสนั้นอีกแล้ว จนท้ายที่สุดฤดูร้อนก็ได้พรากใครบางคนในความทรงจำของเราไป ไกลแสนไกล และนานตลอดกาล.. .
เมื่อร่มเงาที่เราเคยหลบร้อนค่อย ๆ แห้งเหี่ยว ร่วงหล่น และปลิดปลิวไปตามสายลมแบบไม่มีวันหวนคืน ไม่ว่าจะมีสายฝนอีกกี่ร้อยห่า หรือรดด้วยแม่น้ำอีกกี่พันสาย กิ่งสีน้ำตาลแก่นั้นคงไม่มีวันผลิดอกออกใบอีกแล้ว ไม้ใหญ่ที่เหนื่อยล้าได้จากลาไปพร้อมกับลมร้อนระรอกสุดท้ายนั่น
จากไปและคงทิ้งไว้เพียงต้นกล้าแห่งความหวัง บ่มเพาะความหมายของชีวิตและจิตใจให้หยั่งรากลึกไว้มั่นในดวงใจนี้ ทุกฤดูร้อนกล้าไม้จะเติบโต ทุกฤดูฝนกล้าไม้จะผลิบาน ทุกฤดูหวังกล้าไม้จะงอกงาม
บันทึกฤดูร้อนในปีนี้จึงเป็นการลำรึกถึงคุณปู่ คุณย่า ที่เป็นเสมือนร่มไม้ใหญ่อันแผ่กิ่งกว้างให้ร่มเงาแก่เราทุก ๆ ฤดูร้อน ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา
เพื่อเอ่ยขอบคุณที่มอบความทรงจำอันแสนวิเศษนี้ไว้ให้ และเพื่อแบ่งปันช่วงเวลาปิดเทอมใหญ่ให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้หวนนึกถึงและกลับไปทักทายคนในความทรงจำ
ก่อนที่ฤดูร้อนปีนี้จะจากไป.. . พร้อมกับใครคนนั้น
โฆษณา