28 เม.ย. 2021 เวลา 05:26 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
“ทำยังไงถึงจะเก่งภาษาอังกฤษ?”
“อยากอ่านหนังสือภาษาอังกฤษออกบ้าง ต้องทำยังไงดีคะ”
เพจรีวิวทุกอย่างที่อ่านออกได้รับคำถามแบบนี้จากลูกเพจมาตลอดเลยค่ะ อย่างที่เห็นกันทางเพจเราจะมีการรีวิวหนังสือภาษาอังกฤษอยู่เรื่อยๆ ทำให้มีคนสงสัยว่า เอ๊ะ แอดมินก็เป็นคนไทย ทำยังไงถึงอ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้เยอะจัง
วันนี้เรามีเคล็ดลับมาบอกค่ะ 🙂
เราเชื่อว่าการเรียนภาษาที่ดีต้องสนุกและเป็นธรรมชาติที่สุด วิธีที่เราใช้ฝึกภาษามาตลอดคือ “การดูหนัง” ค่ะ ตอนนี้การดูหนังเข้าถึงง่ายมากด้วย Netflix วิธีการที่เราใช้ฝึกภาษาอังกฤษจากการดูหนังไม่ใช่การนั่งดูหนังภาษาอังกฤษเฉยๆนะคะ หนัง 1 เรื่อง เราจะดู 3 รอบค่ะ
รอบที่ 1: ดูแบบปิด Subtitle พากย์ภาษาอังกฤษ
รอบที่ 2: ดูแบบเปิด Subtitle ภาษาอังกฤษ พากย์ภาษาอังกฤษ (ด้วยวิธีนี้เราจะรู้ค่ะว่าเราฟังคำไหนไม่ออก ได้ฝึกการฟังไปในตัว)
รอบที่ 3: ดูแบบเปิด Subtitle ภาษาไทย พากย์ภาษาอังกฤษ (แบบนี้เราจะได้ฝึกการแปลความหมายค่ะ)
ด้วยวิธีนี้ เราจะได้ฝึกทั้ง Listening (การฟัง) และ การแปลความหมายเลย แถมยังได้อัพเดทภาษาอังกฤษแบบที่ใช้จริงอีกด้วย แต่ด้วยวิธีนี้จะมีปัญหาเรื่องนึงคือเราต้องดู 3 รอบเลยทีเดียว สำหรับหนังหรือซีรีย์ที่ไม่สนุก จะเป็นการดูที่ทรมานมาก ดังนั้นวันนี้เพจรีวิวทุกอย่างที่อ่านออกจะมาแนะนำซีรีย์ใน Netflix กัน โดยที่จะมีระดับความยากของภาษาที่ใช้แปะไว้ให้ด้วยนะคะ สำหรับคนที่อยากฝึกจากง่ายไปยากค่ะ
Level 3 - ยากมีคำศัพท์เฉพาะค่อนข้างมาก
Level 2 - ปานกลาง
Level 1 - ไม่ยากมากแต่ก็ไม่ง่ายนะ
*เกณฑ์การแนะนำไม่ได้มาจากความสนุกนะคะ แนะนำจากระดับภาษาที่ใช้และความเหมาะสมในการฝึกเป็นหลักค่ะ จะพยายามแนะนำเรื่องที่ดูได้ทุกเพศ ทุกวัยนะคะ 🙂
**ในโพสนี้จะมีแต่ซีรีย์อย่างเดียวก่อนนะคะ เดี๋ยวการแนะนำภาพยนตร์จะขอเก็บไว้ในโพสอื่นๆนะ 😃
Modern Family
ความยากของภาษา - Level 1
เรื่องนี้ระดับภาษาจะเป็นในระดับแรกเลยเพราะว่าเป็นภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันและสำเนียงฟังค่อนข้างง่าย เนื้อเรื่องเป็นเรื่องของครอบครัวยุคใหม่ 3 ครอบครัวที่ทุกคนก็ล้วนเป็น Imperfect people หรือก็คือคนที่ไม่เพอร์เฟกต์ แต่ทุกคนในครอบครัวรักกันและช่วยเหลือกันผ่านเรื่องราวๆต่างๆรายวัน เรื่องนี้เนื้อเรื่องสนุกและตลกมาก มีความคมคายในบทพูด พอดูเรื่องนี้แล้วไม่ได้เพียงแต่จะฝึกภาษาอังกฤษเท่านั้นแต่เรายังรู้เรื่องมุกตลกภาษาอังกฤษ และสำนวนที่เขาใช้กันจริงๆอีกด้วยค่ะ
1
The Good Place
ความยากของภาษา - Level 1
เรื่องนี้เล่าถึงชีวิตหลังความตาย ที่จะมี The Good Place ก็คือที่ๆดีสำหรับคนที่ทำความดี หรือก็คือสวรรค์ และ The Bad Place หรือก็คือนรก ซึ่งตัวเอกของเราเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี แต่ดันได้ไปอยู่ใน The Good Place เรื่องนี้หักมุมหลายรอบมาก (จนบางช่วงเราก็ว่าอาจจะหักเยอะไปหน่อย) แต่เนื้อเรื่องลึกซึ้งมากค่ะ ยิ่ง Season สุดท้ายทิ้งเรื่องไว้ให้คิดในเรื่องของความหมายชีวิตและปรัชญาเยอะมาก เราจะไม่สปอยล์แต่แนะนำว่าเรื่องนี้น่าดูค่ะ
Brooklyn99
ความยากของภาษา - Level 1.5
เรื่องนี้ความยากของภาษาอยู่ในระดับ 1.5 คือจะว่าง่ายก็ง่าย ยากก็ยาก เพราะเป็นเรื่องที่เล่าถึงชีวิตของตำรวจใน สน.99 ในนิวยอร์ค เป็นเรื่องที่มีฉากสืบสวนฉลาดๆ ฉากบู๊เท่ๆก็พอมีบ้าง แต่ที่สนุกและตลกที่สุดคือมุขและบทพูดของตัวละคร ส่วนตัวเรารู้สึกว่าคนเขียนบทเรื่องนี้เก่งมาก ทั้งการเล่นคำ การเลือกเรื่องมานำเสนอ เป็นหนึ่งในซีรีย์ในใจเราตลอดกาลที่ดูซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบมากค่ะ
House of cards
ความยากของภาษา - Level 2
ภาษาของเรื่องนี้จะเริ่มยากขึ้นค่ะเพราะจะเป็นภาษาที่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นเรื่องที่ทำให้เราได้คำศัพท์ยากๆเยอะมาก เช่น สส. สว. การเลือกตั้งแบบเขต หรืออื่นๆอีกมากมาย ถ้าให้เล่ากันตามจริง เราว่า Season แรกๆ สนุกมาก พลอตเรื่องดี แต่ก็อาจจะแผ่วลงใน Season หลังๆ แต่ก็เป็นซีรีย์การเมืองที่ฉลาดเฉลียวและแสดงด้านมืดในใจคนออกมาได้ดีค่ะ
How to get away with murder
ความยากของภาษา - Level 2
เรื่องนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบเรื่องสืบสวน เป็นเรื่องของนักเรียนหัวกะทิของคณะกฎหมายที่ไปผัวผันกับคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาจารย์ในคณะ เป็นเรื่องที่ได้ฝึกการฟังหลายๆสำเนียงเพราะตัวละครมาจากหลายที่และมีสไตล์การพูดไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องที่สนุกและตื่นเต้นเร้าใจดีค่ะ
Big Bang Theory
ความยากของภาษา - Level 3
อีกหนึ่งซีรีย์ในใจ ตอนแรกๆอาจจะไม่ค่อยสนุกและแปลกๆอยู่บ้าง แต่เป็นเรื่องที่สนุกมากมากเรื่องหนึ่งเลยค่ะ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเนิร์ดๆในอเมริกาที่ฉลาดมากๆแต่ไม่เก่งในการเข้าสังคม ซีรีย์เล่าเรื่องราวชีวิตผ่านมุมมองของพวกเขาให้สนุก ฉลาด และตลก เป็นเรื่องที่ทำให้หัวเราะออกมาได้ทั้งเรื่องเลยค่ะ เนื่องจากว่าตัวละครเป็นนักวิทยาศาสตร์ คำศัพท์ต่างๆจะค่อนข้างเฉพาะ และตัวละครพูดเร็วมาก อาจจะทำให้ฟังยาก แต่ถ้าใครฟังได้ก็แปลว่าเริ่มเข้าขั้นเซียนแล้วค่ะ!
2
Sherlock (Series)
ความยากของภาษา - Level 3
ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ เป็นเรื่องของเชอร์ลอค โฮมส์ นักสืบสุดโด่งดังชาวอังกฤษที่มีหนังและซีรีย์พูดถึงเยอะมาก เรื่องความสนุกไม่ต้องพูดถึงเพราะสนุกอยู่แล้ว แต่ในเรื่องของการฝึกภาษานั้น โหดหินสุดๆเพราะโฮมส์พูดเร็วมาก และยังใช้สำเนียงอังกฤษอีกด้วย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฝึกฟังสำเนียงอังกฤษแท้ๆได้ดีมากจริงๆค่ะ
2
The crown
ความยากของภาษา - Level 3+
ถ้าพูดถึงสำเนียงภาษาอังกฤษแบบ British ไม่มีเรื่องไหนจะยอดเยี่ยมเท่ากับ The Crown เรื่องนี้เอามาจากชีวิตของราชวงศ์อังกฤษ มีเรื่องข่าวที่เป็นจริงบ้าง เติมแต่งบ้างเพื่อความสนุกสนานแต่โดยภาพรวมแล้วทำให้เห็นชีวิตของเหล่าราชวงศ์ ในการฝึกภาษาอังกฤษนั้น คำศัพท์ที่ใช้สวยงามมาก เป็นคำศัพท์ระดับสูงที่ไม่ได้ใช้บ่อยนักในชีวิตจริงแต่พอรู้คำศัพท์และวิธีใช้คำเหล่านี้ มันเท่มากเลยค่ะ!
ติดตามบทความดีๆแบบนี้ได้ก่อนใครที่ https://www.facebook.com/alphabetsreview
โฆษณา