29 เม.ย. 2021 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
เศรษฐินี Kim Kardashian มีธุรกิจอะไรบ้าง?
นาทีนี้ คงไม่มีนิยามไหนจะเหมาะกับ Kim Kardashian เซเลบริตีสาวชาวอเมริกัน วัย 40 ปี ที่โด่งดังจากเรียลลิตี Keeping Up With the Kardashians ไปมากกว่า “สวยและรวยมาก” อีกแล้ว
1
แม้ความสวยอาจเป็นเรื่องของรสนิยม
แต่ถ้าพูดถึงออร่าความรวย นาทีนี้เธอเปล่งประกายที่สุด
1
เพราะล่าสุด นิตยสาร Forbes เพิ่งจัดอันดับให้เธอเป็นหนึ่งใน World’s Billionaire List
โดยผู้ที่จะติดอันดับในรายการนี้ได้ จะต้องมีมูลค่าทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านเหรียญ
หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 30,000 ล้านบาท
หลายคนอาจจะไม่ได้เซอร์ไพรส์ในความร่ำรวยของเหล่าเซเลบริตีตระกูล Kardashian
เพราะพวกเขาและเธอ ก็มักจะทำตัวหรูหรา อู้ฟู่กันอยู่แล้ว
แต่อะไรที่ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของ Kim พุ่งกระฉูดจนแซงหน้าสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัว ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
ถ้าถามว่า อะไรที่เป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดให้ Kim ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
คำตอบคือ 2 ธุรกิจหลักที่เธอเข้าไปปลุกปั้น
ธุรกิจแรก คือ แบรนด์เครื่องสำอาง KKW Beauty ซึ่งเปิดตัวเมื่อ 4 ปีก่อน และก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ยกตัวอย่าง Contour Kits สามารถขายหมด 300,000 ชุด ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
1
และธุรกิจที่เป็นดาวรุ่งนี้เอง ทำให้เมื่อปีที่แล้ว Kim โกยเงิน 6,000 ล้านบาทเข้ากระเป๋า
หลังขายหุ้น 20% ให้ Coty บริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ
รวมทั้งยังส่งผลให้ KKW Beauty ได้รับการประเมินว่ามีมูลค่าแตะ 30,000 ล้านบาท
ส่วนอีกธุรกิจที่ทำเงินให้เธอมหาศาล คือ SKIMS แบรนด์ชุดกระชับสัดส่วน
ซึ่ง Kim เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และล่าสุดเพิ่งระดมทุนได้ไปอีก 4,900 ล้านบาท
ดันให้มูลค่าบริษัทที่มีอายุเพียง 2 ปี ขึ้นแท่นเป็นยูนิคอร์น ด้วยมูลค่า 50,000 ล้านบาท
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมแบรนด์ชุดกระชับสัดส่วนถึงเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน และมีมูลค่าสูงเช่นนี้
ก่อนอื่น ต้องเท้าความไปถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ ซึ่งแค่เปิดตัวมาก็เจอดรามาเข้าอย่างจัง
เพราะชื่อแบรนด์ Kimono ที่สาว Kim ตั้งใจตั้งให้พ้องกับชื่อของตัวเอง
ดันไปสะกิดต่อมชาวญี่ปุ่น ที่รู้สึกว่า ชื่อแบรนด์มีความคล้ายกับชื่อชุดประจำชาติของญี่ปุ่น
จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ
ทำให้ Kim ต้องยอมเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่ ซึ่งยังหมายถึงการแก้ไขป้ายชื่อแบรนด์ของชุดกระชับสัดส่วน ที่ผลิตออกมาแล้วกว่า 2 ล้านชิ้นด้วย​
1
แต่ถ้าถามว่า คุ้มหรือไม่กับการถอย 1 ก้าว เพื่อให้แบรนด์มีทางเดินต่อไป
คำตอบคือ “คุ้ม” เพราะ SKIMS ที่เป็นชื่อแบรนด์ใหม่ ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากสาว ๆ ทั่วโลก
แม้แต่ในช่วงวิกฤติโรคระบาด ที่หลายแบรนด์ได้รับผลกระทบจนยอดขายตก
แต่ SKIMS กลับมียอดขายโตระเบิด
1
เพราะไลน์สินค้าของ SKIMS ไม่ได้มีแต่ชุดกระชับสัดส่วน
ที่หลายคนอาจจะมองว่ามีประโยชน์สำหรับสาว ๆ ที่ต้องการกระชับสัดส่วนเวลาไปออกงานสังคม
แต่แบรนด์ SKIMS ยังมีสินค้าอื่น ๆ อย่าง บอดีสูท ชุดชั้นใน และชุดสำหรับใส่อยู่บ้าน (loungewear)
ซึ่งเป็นไอเทมที่ขายดีมาก ในช่วงที่ทุกคนกักตัว และมองหาชุดอยู่บ้านที่ใส่สบาย
ทำให้ยอดขายของ SKIMS เมื่อปีที่แล้ว อยู่ที่ 4,500 ล้านบาท
และยังมีการคาดการณ์ว่าในปีนี้อาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า มาอยู่ที่ 9,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
เส้นทางสู่การเป็นมหาเศรษฐีพันล้านของ Kim ยังไม่จบเพียงเท่านี้
เพราะอย่างที่รู้กันว่า เธอยังมีรายได้จากเรียลลิตี Keeping Up With the Kardashians, อสังหาริมทรัพย์ที่ปล่อยเช่า, การลงทุนในหุ้น
รวมถึงรายได้จากการเป็นอินฟลูเอนเซอร์ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ
ซึ่งรู้หรือไม่คะว่า ในการโพสต์รูปลงอินสตาแกรมแต่ละครั้งของ Kim มีมูลค่าเท่าไร ?
จากการรายงานของ Us Weekly ซึ่งเป็นสื่อขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ได้ระบุว่า
ตอนที่ Kim มีผู้ติดตามบนอินสตาแกรม 121 ล้านคน
เธอมีรายได้จากการโพสต์รูป 1 ครั้งอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านบาท
แต่วันนี้เธอมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเป็น 215 ล้านคน
นั่นหมายความว่า รายได้จากการโพสต์รูป 1 ครั้งของคิม ก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งถ้าลองนำรายได้ที่เข้ามาทุกทางของเธอมาคำนวณดู
ก็คงจะพอเห็นภาพแล้วว่า ทำไม Kim ถึงขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีพันล้านได้
และแม้ว่าระยะนี้จะมีข่าวการฟ้องหย่าระหว่าง Kim และอดีตสามี Kanye West
ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะกระทบมาถึงสินทรัพย์จำนวนมหาศาลก้อนนี้
เพราะทั้งคู่ได้เซ็นสัญญาก่อนสมรสแล้วว่า สินทรัพย์จากธุรกิจที่ทำในชื่อของตัวเอง จะยังถือเป็นสินทรัพย์ส่วนตัวที่ไม่ถูกแบ่ง
ซึ่งจะมีเพียง 5% ของมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดที่พวกเขามีเท่านั้น ที่จะต้องแบ่งกัน
และถ้าถามว่า Kim รู้สึกอย่างไรที่มีชื่อติดทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านครั้งแรก
แน่นอนว่า ภายใต้ความดีใจ เธอคงภูมิใจในตัวเองไม่น้อย
ถึงทวีตเพื่อตอกกลับ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เธอได้รับมาตลอดว่า
1
“มันก็ไม่แย่นะ สำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์อะไรเลย”
 
ซึ่งถ้ามองอีกมุม เรื่องราวของ Kim คงสะท้อนให้เห็นว่า
บางครั้งความสำเร็จก็ไม่ได้มาจากพรสวรรค์ล้วน ๆ
แต่การใช้พรแสวงเข้าช่วย ก็ทำให้เราไปถึงจุดหมายได้ เช่นเดียวกัน..
โฆษณา