28 เม.ย. 2021 เวลา 12:03 • ปรัชญา
ผมเคยสงสัยกับตัวเองครั้งหนึ่งว่า ทำไมยิ่งเราใช้ชีวิตนานไปเรื่อยๆ
ความทุกข์ใจ ความเครียด ความเจ็บปวด ความขมขื่นในชีวิตก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆตามๆกัน
3
รอยยิ้มและความสบายใจจากจากสิ่งที่พบเจอกลับลดลงอย่างมาก หากเทียบกับในวัยเด็ก ในวัยเด็กเรายิ้มออกมาได้ง่ายมาก
1
แต่ทำไมยิ่งโตขึ้น รอยยิ้มเรายิ่งลดลง แต่กลับมีเรื่องเข้ามากระทบจิตใจของเราเพิ่มมากขึ้น
1
แต่พอลองมองให้กว้างไปกว่านั้น มันอาจจะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่ต้องเสียบางอย่างเพื่อได้รับบางอย่าง
4
เราเสียเงินในการซื้อของ เพื่อได้รับสินค้าที่เราต้องการ
1
เราเสียความสุขบางขณะในการเผชิญกับความทุกข์ เพื่อจะได้รู้ถึงคุณค่าของความสุข
1
เราเสียพลังงานของสมอง เพื่อใช้ในการเรียนรู้และการตัดสินใจ เพื่อประโยชน์ของเราในอนาคต
2
เราเสียสละเวลาของตัวเอง เพื่อทำในสิ่งที่เราชอบทำหรือการค้นหาตัวเอง
ด้วยสัจธรรมที่ว่า เราต้องเสียบางอย่าง เพื่อให้ได้รับบางอย่าง เราจึงต้องเสียใจ สละรอยยิ้ม และเสียความสบายใจในบางครั้ง
เพื่อให้ได้มาซึ่งความแข็งแกร่งที่มากขึ้น ให้ได้มาซึ่งบทเรียนต่างๆในชีวิต หรือให้ได้มาซึ่งความมั่นคงในเรื่องต่างๆในชีวิต
1
หรือหากมองในอีกมุมมองหนึ่ง ในการออกกำลังกายในแรกเริ่ม เราจะเริ่มปวดที่กล้ามเนื้อ
ซึ่งความเจ็บปวดนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่ากล้ามเนื้อของเรากำลังมีพัฒนาการและจะแข็งแรงขึ้น
2
ซึ่งหากเราได้ฝึกฝนและเจ็บปวดที่ตรงไหน เมื่อเวลาผ่านไปและความเจ็บปวดนั้นหายไป
1
เราจะรู้ได้ทันทีว่าตรงจุดนั้นกำลังมีพัฒนาการและกำลังจะมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น
เช่นเดียวกัน เปรียบเทียบกับชีวิตของเรา หากเราต้องทุกข์ใจหรือปวดใจกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เข้ามากระทบ
ไม่ว่าจะเป็น คำพูดของบุคคลรอบข้าง ปัญหาต่างๆในชีวิต หรือการตัดสินใจที่ผิดพลาด
1
เมื่อเราผ่านมันไปได้ และมองกลับไป เราจะรู้สึกว่าตนเองได้พัฒนามาอีกขั้นแข็งแกร่งมากขึ้น
2
ผมมีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่จะนำมาเล่าทุกคน
เพื่อให้ทุกคนในเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังจะสื่อมากขึ้นครับ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์ของตัวเองครับ
ในสมัยมัธยม ผมรู้สึกว่าจิตใจของผมอ่อนแอมาก หากมีสิ่งใดมากระทบจิตใจผมจะคิดมากจนถึงขั้นนอนไม่หลับเลย
ในตอนนั้นผมต้องออกจากบ้านเพื่อมาอาศัยอยู่ในหอพัก ซึ่งไกลจากบ้านพอสมควร ได้กลับบ้านเดือนละสองครั้ง
ซึ่งเป็นอะไรที่ลำบากใจมากครับ เพราะผมเป็นคนติดบ้านและติดครอบครัวมากๆ ผมไม่ค่อยไปนอนอื่นหรือไปอาศัยในที่ไกลๆคนเดียว
ซึ่งในตอนที่รู้ว่าต้องออกจากบ้านเพื่อเข้าหอพักนั้น ผมรู้สึกเครียดและลำบากใจมาก นอนไม่หลับอยู่หลายคืนเหมือนกันครับ
และเมื่อถึงเวลาของย้ายของย้ายทีอยู่จริงๆ บอกได้เลยครับ ไม่ได้แย่เหมือนที่คิด แย่กว่าที่คิดอีกครับ 55555
รู้สึกเงียบเหงามาก เนื่องจากยังปรับตัวไม่ได้ และในช่วงแรกๆยังปรับตัวไม่ได้บวกกับเป็นคนที่ขี้คิดมาก ทำให้มีปัญหาเข้ามาเยอะและเสียใจอยู่บ่อยเลยทีเดียว
แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก ทั้งร่างกายและจิตใจเริ่มปรับตัวได้ ผมเริ่มจะรู้สึกเฉยๆกับการอยู่หอพักคนเดียว
1
รู้สึกรับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้มากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นมาพอสมควรเลยครับ
บางที จริงๆแล้ว ชีวิตเราอาจะมอบความเจ็บปวดมาให้เราเพื่อให้เราแข็งแกร่งขึ้นและยอมรับกับเรื่องทุกข์ใจต่างๆให้ได้
ซึ่งเมื่อเราเป็นแบบนั้นแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตเราคือ ความปล่อยวางและความสุขนั่นเองครับ
สิ่งที่ผมอยากจะสื่อเพื่อนๆคือ สัจธรรมของชีวิตคือเราต้องยอมเสียบางอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ
เราต้องยอมเสียใจ เสียรอยยิ้มและความสบายใจบ้าง เพื่อให้เราได้เข้าใจชีวิตมากขึ้นและแข็งแกร่งมากขึ้นนั่นเอง
3
ในตอนแรกเราอาจจะยังเจ็บปวดอย่างมาก เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย
เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดนั้นหายไป ตรงไหนที่เคยเจ็บปวดของเราต้องได้รับการพัฒนาและแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างแน่นอน
ช่วงนี้ขอให้เพื่อนๆดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเข้าไว้นะครับ ใส่แมสก์ ล้างมือ พยายามเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้คนไว้
เดี๋ยวมันก็ผ่านไปอย่างแน่นอนครับ บางทีเมื่อวิกฤตนี้ผ่านไปแล้ว เราอาจจะมีพัฒนาการและแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นไม่มากก็น้อย ผมเชื่ออย่างนั้นครับ
4
ขอบคุณกำลังใจของทุกคนมากๆเลยครับ
ขอขอบคุณจากใจจริงครับ
ปุ๋น
โฆษณา