4 พ.ค. 2021 เวลา 07:27 • ประวัติศาสตร์
เรื่องราวของสงครามดอกกุหลาบ (War of the Roses) หนึ่งในแรงบันดาลใจของเรื่อง Game of Thrones สงครามแย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่างตระกูลจากเรื่องจริง จะดุเดือดมากแค่ไหน อ่านทั้งหมดได้ที่นี่
สงครามดอกกุหลาบ เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1455 ถึง 1485 เป็นสงครามแย่งชิงราชบัลลังก์ของอังกฤษที่ยาวนานถึง 30 ปี โดยเป็นการต่อสู้ระหว่างสองตระกูลใหญ่ของอังกฤษ คือ ตระกูลแลงคาสเตอร์ (House of Lancaster) ซึ่งมีสัญลักษณ์ประจำตระกูลเป็นดอกกุหลาบสีแดง และ ตระกูลยอร์ก (House of York) ที่มีดอกกุหลาบสีขาวเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล
ดอกกุหลาบสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลแลงคาสเตอร์ และ ดอกกุหลาบสีขาวเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลยอร์ก (Credit: https://sites.google.com/site/primaryschoolhistory/tudors/wars-of-the-roses)
เรื่องเริ่มเมื่อพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 (Henry V) เสด็จสวรรณคต พระองค์มีรัชทายาทคือพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 (Henry VI) บุคคลิกของพระองค์เป็นผู้ที่อ่อนแอ มีปัญหาจากสภาพจิตใจที่ไม่ปกติ หัวอ่อน และไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะปกครองอังกฤษ เป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าขุนนางมีบทบาทในราชสำนักเป็นอย่างมาก
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6  (Credit: https://www.npg.org.uk/collections/search/portrait/mw03075/King-Henry-VI)
ขณะนั้นเองอังกฤษกำลังทำสงครามร้อยปีกับฝรั่งเศส ฝ่ายอังกฤษในตอนนั้นเพลี้ยงพล้ำ รวมถึงเสียผลประโยชน์ในยุโรปให้ฝรั่งเศสไปค่อนข้างมาก ทำให้ราชสำนักภายใต้พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ถูกขุนนางฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างหนัก
ขุนนางกลายเป็นตัวละครหลักที่ส่งผลต่อการบริหารอังกฤษในขณะนั้น เมื่อกษัตริย์ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้ ขุนนางจึงผลัดกันแย่งชิงอำนาจภายในราชสำนัก
รวมถึงพระราชินีมาร์กาเร็ต (Margaret of Anjou) แห่งพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ก็ยังไม่มีโอรสที่จะสืบทอดราชบัลลังก์ ทำให้เหล่าขุนนางต่างวิตกกังวล กลัวว่าจะมีผู้อ้างสิทธิในบัลลังก์หากสุดท้ายพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 สวรรณคตและไม่มีรัชทายาท
พระราชินีมาร์กาเร็ต (Margaret of Anjou) (Credit: https://www.queens.cam.ac.uk/visiting-the-college/history/college-facts/foundresses-and-patronesses/margaret-of-anjou)
จนกระทั่งริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์ก อ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ของอังกฤษ และตั้งตนเป็นผู้พิทักษ์อาณาจักรอังกฤษ (Lord Protector) โดยโจมตีพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ว่าไม่มีความสามารถในการปกครองผู้คน ทำให้เหล่าขุนนางบางส่วนและประชาชนหันมาสนับสนุนตระกูลยอร์กมากขึ้น
ริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์ก Credit: https://www.historyextra.com/period/plantagenet/like-father-like-son-richard-plantagenet-and-richard-iii/
แต่ทว่าไม่นานพระราชินีมาร์กาเร็ตก็ได้ให้กำเนิดพระราชโอรส นามว่า เอ็ดเวิร์ดแห่งเวสมินสเตอร์ (Edward of Westminster) ในปีค.ศ. 1453 ซึ่งนั่นทำให้การอ้างบัลลังก์ของริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์ก สูญเสียแรงสนับสนุนไปพอสมควร
ในตอนนี้พระราชินีมาร์กาเร็ตกลายเป็นผู้นำของตระกูลแลงคาสเตอร์ และได้พยายามรวบรวมพันธมิตรของตระกูล เพื่อที่จะเรียกคืนแรงสนับสนุนจากขุนนางให้กับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ทว่าสุดท้ายพระนางก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์ก กลับมีอำนาจเหนือกว่า
การต่อสู้ดำเนินไปโดยฝ่ายแลงคาสเตอร์พ่ายแพ้อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถีงปี ค.ศ. 1460 ตระกูลยอร์กได้รับการพิจารณาจากรัฐสภาเรื่องการอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ (Act of Accord) อย่างไรก็ตามเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ เห็นว่าพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ยังสมควรเป็นกษัตริย์ต่อไป
แต่นั่นก็ได้ทำให้ริชาร์ดแห่งยอร์กเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ต่อจากพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 โดยตัดสิทธิ์การครองบัลลังก์ของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระราชโอรสของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ริชาร์ดแห่งยอร์กยอมรับข้อตกลงดังกล่าว ด้วยเห็นว่านั่นเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดและเขาจะได้ดำรงตำแหน่งเป็น Lord Protector ต่อไปได้
ด้วยเหตุนี้ พระราชินีมาร์กาเร็ตและเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจำต้องเดินทางออกจากราชสำนักไปเวลส์และไปขอความช่วยเหลือจากสก็อตแลนด์ โดยสัญญาว่าจะคืนดินแดนบางส่วนในอังกฤษให้กับสก็อตแลนด์ ทำให้ฝ่ายแลงคาสเตอร์ได้ที่มั่นใหม่เป็นทางตอนเหนือของอังกฤษ
กระทั่งในปี ค.ศ. 1461 กองทัพจากฝ่ายยอร์กขณะที่บุกไปที่มั่นใหม่ของแลงคาสเตอร์ทางตอนเหนือ ได้ปะทะกับกองทัพจากฝ่ายแลงคาสเตอร์ ในสมรภูมิที่ชื่อว่า Battle of Wakefield ที่สมรภูมินี้เอง ริชาร์ดได้ถูกฆ่าและ เสียชีวิตในที่สุด โดยศีรษะถูกตัดและนำไปประจาน โดยให้สวมมงกุฎที่ทำมาจากกระดาษเป็นการเยาะเย้ย
เอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งมาร์ช (Edward, Earl of March) ได้รับช่วงต่อจากริชาร์ด ดยุคแห่งยอร์กผู้เป็นบิดา ในการอ้างสิทธิ์ครองบัลลังก์อังกฤษ โดยเขาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาเป็นผู้นำที่ทำให้บ้านเมืองสงบและช่วยประชาชนจากการถูกปล้นสะดมภ์จากฝ่ายแลงคาสเตอร์มีความพยายามที่จะกลับมายังลอนดอน โดยระหว่างทางก็ได้ปล้นสะดมภ์และ สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน
เอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งมาร์ช ได้ทำสงครามชนะฝ่ายแลงคาสเตอร์ใน Battle of Towton ในปี ค.ศ. 1461 โดยฝ่ายแลงคาสเตอร์สูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้นำทัพฝ่ายแลงคาสเตอร์เสียชีวิตแทบทั้งหมด ที่เหลือรอดก็ได้แปรพักตร์มาฝ่ายเอ็ดเวิร์ด ส่งผลให้พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 และพระราชินีมาร์กาเร็ตต้องหนีเอาตัวรอดขึ้นไปทางเหนืออีกครั้ง
ท้ายที่สุด เอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งมาร์ช ได้ปราบดาภิเษกตนเองเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 (Edward IV) ทำให้พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 หมดความชอบธรรมจากบัลลังก์ และสูญเสียอำนาจในการปกครองอังกฤษในทันที
Edward Earl of March or King Edward IV (Credit: https://www.npg.org.uk/collections/search/portrait/mw02029/King-Edward-IV)
เรื่องราวเหมือนจะจบแต่เพียงเท่านี้ ทว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 กลับไม่ได้ปกครองอังกฤษได้ดีขึ้นนัก การเก็บภาษีอย่างนักทำให้ประชาชนเดือดร้อนและไม่พอใจ ทำให้พระองค์สูญเสียความนิยมไปอย่างมาก
ในตอนนี้เอง ริชาร์ด เนวิล เอิร์ลแห่งวอร์ริค (Richard Neville, Earl of Warwick) ผู้ที่เคยสนับสนุนและช่วยเหลือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ในการทำสงครามชิงบัลลังก์กับแลงคาสเตอร์ ได้แปรพักตร์และหันไปสนับสนุนขุนนางฝ่ายแลงคาสเตอร์ รวมถึงพระราชินีมาร์กาเร็ต เนื่องจากไม่พอใจการบริหารประเทศของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4
แต่ท้ายที่สุดพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ก็สามารถเอาชนะและสังหารริชาร์ด เนวิลได้ พระองค์ได้สังหารเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ส่วนพระนางมาร์กาเร็ตได้ถูกจับไปขังที่หอคอยลอนดอน เป็นอันสิ้นสุดอำนาจทั้งหมดของตระกูลแลงคาสเตอร์
สงครามดอกกุหลาบยังคงดำเนินต่อไป ในปีค.ศ. 1483 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 สวรรณคตอย่างกระทันทัน ทำให้พระโอรสองค์โต พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 ได้ครองบัลลังก์ต่อ
ทว่า ริชาร์ด ดยุคแห่งกลอสเตอร์ (Richard, Duke of Gloucester) น้องชายของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ได้อ้างสิทธิ์การครองบัลลังก์เช่นเดียวกัน โดยประกาศว่า พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 เป็นลูกนอกสมรสและไม่มีสิทธิ์ในการขึ้นครองบัลลังก์
ริชาร์ด ดยุคแห่งกลอสเตอร์ ได้กำจัดพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 และน้องชายชื่อว่า ริชาร์ดแห่งชรูวส์บรี (Richard of Shrewsbury) ที่หอคอยลอนดอน ซึ่งขณะนั้นยังทรงเป็นเด็ก โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ได้เลยว่าชะตากรรมของทั้งสองพระองค์เป็นตายร้ายดีอย่างไร และไม่ปรากฏร่องรอยของพระองค์อีกเลยนับจากนั้น
The Princes: Young King Edward V and Richard of Shrewsbury (Credit: https://www.rachaeldickzen.com/blog/tag/TV)
ริชาร์ด ดยุคแห่งกลอสเตอร์ ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์องค์ใหม่แห่งอังกฤษ โดยใช้ชื่อว่า พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 (King Richard III) ทว่าไม่นานฝั่งของตระกูลแลงคาสเตอร์ก็ได้ยกทัพมา นำโดยเฮนรี่แห่งทิวดอร์ (Henry Tudor) ด้วยความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสและขุนนางมากมาย เขาสามารถรบเอาชนะและสังหารพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 จากตระกูลยอร์กได้อย่างราบคาบ
เฮนรี่แห่งทิวดอร์ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ ใช้พระนามว่า พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ (King Henry VII) พระองค์ยุติความขัดแย้งระหว่างสองตระกูลด้วยการแต่งงานกับเอลิซาเบธแห่งยอร์ก (Elizabeth of York) พระราชธิดาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 รวมถึงการกำจัดบุคคลที่อ้างสิทธิ์ในบัลลังก์อังกฤษหลังจากนี้ทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปซ้ำรอยเดิมได้อีก
Elizabeth of York and King Henry VII (Credit: https://www.historyextra.com/period/medieval/did-the-tudors-invent-the-wars-of-the-roses/)
เรื่องการหายตัวไปของสองพระราชโอรสในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 มีเรื่องที่น่าสนใจ
เนื่องจากมีผู้ที่แอบอ้างว่าตนเองคือ ริชาร์ดแห่งชรูวส์บรี น้องชายของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5
เขามีชื่อว่า Perkin Warbeck เขาปรากฎตัวในภายหลัง โดยอ้างว่าตนมีชีวิตรอดจากการสังหารในหอคอยลอนดอน และเขามีชีวิตรอดและอาศัยอยู่ที่ไอร์แลนด์ตลอดมา โดยในตอนนี้เขาเองก็ได้อ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ด้วยเหมือนกัน เขาสามารถรวมผู้ที่เชื่อและสนับสนุนตระกูลยอร์กได้พอสมควร แต่นั่นก็ไม่มากพอที่จะเอาชนะกองกำลังของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 สุดท้ายแล้วเขาถุกจับและนำตัวเขามาสอบสวน โดยเขาสารภาพว่าเขาไม่ใช่ตัวจริง และถูกตัดสินตัดคอในปี ค.ศ. 1799
Perkin Warbeck (Credit: https://www.art-prints-on-demand.com/a/french-school/portrait-of-perkin-warbec.html)
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 ยุติความขัดแย้งของสองตระกูล และได้รวมสัญลักษณ์ของสองตระกูลทั้งแดงและขาวเข้าด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์ใหม่ในนามกุหลาบทิวดอร์ และสถาปนาราชวงศ์ทิวดอร์อันโด่งดังนับแต่นั้นเป็นต้นมา
Credit: https://www.history.com/news/9-things-you-should-know-about-the-wars-of-the-roses
เขียนและเรียบเรียงโดยทีมงานคิดก่อน
ไม่อนุญาตให้แก้ไข ดัดแปลง และนำเนื้อหาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
Reference:
โฆษณา