Watermelon radish
เรดิชแตงโม เป็นหัวไชเท้า daikon(ไช้เท้าขาว) มีที่มาจากเมืองจีน มีผิวสีขาวครีมหรือสีเขียวอ่อน ภายในสีชมพูอมม่วงและแดง มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย มีความฉ่ำและกรอบ จึงนิยมใส่ในสลัดและแซนวิช โดยเฉพาะแซนวิช *Banh mi
เรดิชแตงโม เป็นอีกทางเลือกสุขภาพที่ช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินและแร่ธาตุได้ เนื่องจากหัวไชเท้าอุดมไปด้วย ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมแมกนีเซียม แคลเซียม วิตามินเอและวิตามินซี
การกินเรดิชแตงโมมีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมหลายประการ ผักตระกูลกะหล่ำเช่นหัวไชเท้ามีสารประกอบชีวภาพเช่น **กลูโคซิโนเลต ***ไอโซไทโอไซยาเนต และฟีนอล
สารประกอบเหล่านี้สัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ การบริโภคหัวไชเท้าเป็นประจำมีผลป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความดันโลหิต มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
กินหัวไชเท้าช่วยเสริมสุขภาพตับ ซึ่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวถึงคุณประโยชน์ข้อนี้ก็พอมีอยู่บ้าง ดังตัวอย่างการทดลองหนึ่งที่หยดสารสกัดจากหัวไชเท้าลงบนเซลล์ตับของคน แล้วพบว่ามีฤทธิ์ช่วยปกป้องตับจากสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ตับ อีกทั้งเมื่อนำมาทดสอบกับหนูซึ่งตับได้รับสารพิษอย่าง ****คาร์บอนเตตราคลอไรด์ ผลแสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากหัวไชเท้าช่วยลดความเสียหายของตับที่เกิดจากสารพิษชนิดนี้ได้
ด้านงานวิจัยที่เกี่ยวกับโรคตับชนิดอื่นก็มีปรากฏให้เห็นเช่นกัน การทดลองชิ้นหนึ่งกล่าวว่าหัวไชเท้าอาจเป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ เนื่องจากเมื่อทดลองให้หนูที่เป็นโรคนี้กินสาร ที่สกัดจากหัวไชเท้าเป็นเวลา 9 สัปดาห์ ผลลัพธ์ชี้ว่าสารดังกล่าวช่วยให้ไขมันในตับลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
*บั๊ญหมี่ (bánh mì) เป็นคำภาษาเวียดนามที่แปลว่า "ขนมปัง" แต่ในตำรับอาหารเวียดนามยังหมายถึง "บาแก็ต" หรือขนมปังฝรั่งเศสทรงสั้นชนิดหนึ่งที่มีผิวบางกรอบและเนื้อนุ่มโปร่ง ที่ถูกนำมาผ่าตามยาวแล้วนำส่วนผสมต่างๆ มาใส่ระหว่างกลาง ผสมผสานวัถุดิบจากอาหารเวียดนามพื้นเมือง เช่น
Banh mi:แซนวิชเวียดนาม
หมูยอ ผักชี แตงกวา แคร์รอตดอง หัวไชเท้าดอง กับเครื่องปรุงรสแบบฝรั่งเศส (เช่น ปาเต) ร่วมกับพริกและมายองเนส และยังนิยมใส่ส่วนผสมอื่นหลากหลายตั้งแต่ไข่ดาว เนื้อหมูปั้นก้อน หมูแดง หมูหย็อง แฮม ปลากระป๋อง เนย แยม ไปจนถึงไอศกรีม ในเวียดนามนิยมกินบั๊ญหมี่เป็นอาหารเช้าหรือเป็นของว่าง ของเวียดนาม
**“กลูโคซิโนเลตส์” (Glucosinolates) เป็นสารที่เกิดจากน้ำตาลและกรดอะมิโนซึ่งจะมีอะตอมของซัลเฟอร์และไนโตรเจนในโมเลกุล เมื่อสารนี้สลายตัวแล้วจะได้สาร isothiocyanate ซึ่งระเหยได้ และมีกลิ่นฉุน แหล่งที่พบมาก ได้แก่ ผักตระกูลกะหล่ำ
กลูโคซิโนเลตส์ มีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ และปอดลงได้ถึง 60%
***(Isothiocyanate)ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ช่วยป้องกันและช่วยยับยั้งการรุกรามของมะเร็งได้อีกด้วย
****คาร์บอนเตตระคลอไรด์จัดเป็นสารในกลุ่มสารอินทรีย์ระเหยง่าย เป็นของเหลวใสไม่มีสี มีกลิ่นหอมอ่อนๆ สามารถได้กลิ่นแม้มีความเข้มข้นในบรรยากาศต่ำ
สารนี้เกิดจากการสังเคราะห์ ปกติไม่พบตามธรรมชาติ ในอดีตมีการใช้กันอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ใช้เป็นตัวทำละลาย ชะล้างคราบมัน เป็นน้ำยาทำความสะอาด ใช้เป็นสารตัวกลางในการผลิตสารเคมีอื่นๆ สารเคมีชนิดนี้ปัจจุบันมีการนำมาใช้ลดลง เนื่องจากมีอันตรายอย่างรุนแรงต่อตับและไต มีรายงานทำให้คนทำงานเสียชีวิตหลายรายในอดีต นอกจากนี้ยังเป็นสารที่สงสัยว่าอาจจะก่อมะเร็งในมนุษย์ได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในผู้ที่แพ้ผักตระกูลกะหล่ำ รวมถึงผู้มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการทานผักตระกูลกะหล่ำแบบดิบ ควรปรุงสุกก่อนและไม่ควรทานในปริมาณที่มาก เพราะอาจให้ผลเสียต่อร่างกายได้
ขอบคุณภาพและข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
สุดท้ายนี้ผู้เขียนขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่ให้ความสนใจและเข้ามาอ่านบทความนี้ ครั้งหน้าจะยังมีบทความใหม่ๆมาเขียนเล่าสู่กันฟังอีก หากเห็นว่าบทความนี้น่าสนใจหรือเป็นประโยชน์ ฝากกดไลค์ แชร์ หรือติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะคะ^^ ขอบพระคุณมากค่ะ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
