30 เม.ย. 2021 เวลา 08:36 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
จักรวาลคู่ขนาน...🌎
จักรวาลคู่ขนาน ในความคิดของใครหลายๆคยก็คงจะจิตนาการภาพต่างๆในภาพยนต์ Sci-Fi หรือไม่ก็คงเป็นภาพยนต์แนวข้ามมิติไปสู่อีกโลกหนึ่ง แต่นั้นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนต์อันเกิดจากการใส่จินตนาการของผู้สร้างเข้าไปเพื่อให้มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ผู้คนบางส่วนอาจคิดว่าเรื่องจักวาลคู่ขนานนั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระ แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันในทางฟิสิกส์ควอนตัม ก่อนอื่นเราคงจะต้องมาทำความรู้จักกับคำว่า"มิติ"ในความหมายทางฟิสิกส์กันก่อน ในทางฟิสิกส์และคณิตศาสตร์คำว่ามิติ จะตรงกับคำว่า "Dimension" ในภาษาอังกฤษซึ่งมีความหมายโดยทั่วไปว่า สิ่งที่บอกคุณสมบัติของวัตถุ ได้แก่ ความกว้าง ความยาว และความสูง ในส่วนทางฝั่งของคณิตศาสตร์"มิติ"จะหมายถึงจำนวนตัวเลขที่ต้องการเพื่อจะระบุตำแหน่งและคุณสมบัติของวัตถุใดๆ
ส่วนมิติทั่วไปที่มนุษย์เราเห็นกันและจำกัดอยู่แค่สามมิติถ้านับถึงการเคลื่อนที่ของวัตถุที่ขึ้นกับเวลาแล้วในทางฝั่งฟิสิกส์และคณิตศาสตร์จะนับว่ามีมิติที่สี่เกิดขึ้นซึ่งจะเรียกกันว่า กาลอวกาศ หรือ Space-time นั่นเองซึ่งนักคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ชาวเยอรมันชื่อ ทีโอดอร์ คาลูซา เคยทำการสันนิษฐานใว้เมื่อปี ค.ศ.1921 ว่ากาลอวกาศนั้นมี5มิติโดยมีมิติที่เพื่มเข้ามาเรียกว่ามิติพิเศษ หรือ Extra-dimesion นั่นเอง ในส่วนของจักวาลคู่ขนานที่เราจะพูดถึงนั้นมีความเกี่ยวข้องกับมิติของเวลา นั่นหมายถึงว่าในระดับมิติเวลาเรามีเส้นเวลาที่ขนานกันในโลกอื่นๆที่ซึ่งอาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่มิสิตปัญญาอื่นๆอยู่เช่นกัน แต่เมื่อถูกนำมาพิจารณาถึงความเป็นไปได้แล้วจากทฤษฎีคีย์ของเสียงจักวาลโดย ดร.วอลเทอร์ บิชอป ได้ระบุเอาใว้ว่าสิ่งของในโลกที่เราอาศัยอยู่ในคีย์ C ในขณะที่โลกคู่ขนานอีกโลกที่ใกล้เราที่สุดนั้นอยู่คีย์ G จึงทำให้การที่จะเดินทางไปยังโลกคู่ขนานนั้นยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ในระดับวิทยาการของเรานั้นเอง
ในส่วนของทฤษฎีอื่นๆที่ได้อธิบายเกี่ยวกับจักวาลคู่ขนานเอาใว้นั้นก็มี อย่างเช่นทฤษฎีสตริงที่ใช้ในการอธิบายการกำเนิดจักวาลว่าโลกคู่ขนานนั้นสามารถแบ่งได้หลายอย่าง อย่างแรกคือโลกคู่ขนานแบบควอนตัม ซึ่งอธิบายได้โดยใช้เรื่องของความน่าจะเป็น โดยอาจจะเป็นการทอดลูกเต๋าที่เปรียบเหมือนการวัดตามทฤษฎีนี้จะมีโลกคู่ขนานอยู่6โลก
ต่อมาคือประเภทโลกคู่ขนานแบบ String theory multi-universes คือแนวคิดที่ได้มาจากทฤษฎีเส้นเชือกหรือ String theory ซึ่งสร้างมาเพื่ออธิบายธรรมชาติของแรงโน้มถ่วงในระดับพลังงานสูงๆ สำหรับทฤษฎีสตริงนี้ อนุภาคได้ถูกอธิบายว่ามีลักษณะเป็นแบบเส้นเชือกหนึ่งมิติ โดยที่เมื่อมีการสั่นเส้นเชือกจะทำให้เกิดเป็นตัวโน้ตต่างๆ ซึ่งตัวโน้ตหนึ่งสามารถแทนอนุภาคใด้หนึ่งตัว ตัวโน้ตที่มีคีย์ต่างกันก็จะให้อนุภาคที่ต่างชนิดกัน ทฤษฎีนี้จะมีความคล้ายกับทฤษฎีของเสียงจักวาลโดย ดร.วอลเทอน์ บิชอป นั่นเอง
และแนงคิดสุดท้ายเกี่ยวกับจักวาลคู่ขนานนั้นก็คือ Inflation multi-universes ที่ได้พัฒนามาจากการศึกษาจักวาลวิทยา หรือที่เกี่ยวกับการกำเนิดและวิวัฒนาการของเอกภพ โดย ดร.อรรถกฤต ได้มีการอธิบายว่าภายหลังเหตุการณ์บิ้กแบง และที่มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่เช่นนี้ได้นั้น เป็นเพราะความโชคดีที่เกิดในเอกภพที่มีค่าความคงที่ทางฟิสิกส์ อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องจักวาลคู่ขนานนั้นในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ก็ยังคงเป็นเพียงทฤษฎีที่ใช้ในการอธิบายความเป็นมาของจักวาลและธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งจักวาลคู่ขนานนั้นอาจจะมีอยู่จริงหรือไม่ก็ได้เพราะนักฟิสิกส์และนักวิทยาศาสตร์นั้นสนใจเพียงว่าจะอธิบายธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้อย่างไรเท่านั้นเอง แต่ถ้าเป็นในมุมของคนที่ชื่นชอบในเรื่องราวของจักวาล หรือภาพยนต์ Sci-Fi ที่เกี่ยวข้องกับจักวาลนั้นก็คงอยากจะหาคำตอบความเป็นไปได้ และรอการพิสูตจน์เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
โฆษณา