1 พ.ค. 2021 เวลา 04:56 • ธุรกิจ
เทคจีนเลือดสาดเมื่อรัฐบาลลงดาบด้วยกระบวนท่าใหม่
รัฐบาลจีนสั่งเฉือดกิจการเทคระลอกใหม่ ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม เลือดกระจายเต็มตลาดค้าปลีกแดนมังกรก่อนหยุดยาววันแรงงานแห่งชาติ ...
เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา แบ้งค์ชาติจีนได้จัดประชุมหารือกับ 13 กิจการอินเตอร์เน็ตขนาดเล็กและใหญ่ของจีน อาทิ Tencent, JD.com, ByteDance, Baidu, Trip.com, Lufax, Meituan และ Didi Chuxing และขอให้แต่ละบริษัทเร่งแก้ไขหลายปัญหาสำคัญของหน่วยธุรกิจการเงินที่ไม่เหมาะสม
ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังมีผู้แทนหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลด้านการเงินการธนาคาร หลักทรัพย์ และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่าง China Banking Regulatory Commission, China Securities Regulatory Commission และ State Administration of Foreign Exchange พร้อมอาวุธครบมือ เข้าร่วมประชุมด้วย
โดยหน่วยงานภาครัฐสั่งข้อปฏิบัติ 7 ประการเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเงิน อันได้แก่
1. บริษัทจะต้องจดทะเบียนจัดตั้งหน่วยธุรกิจเพื่อการดำเนินงาน และอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมอย่างเคร่งครัด
2. บริการชำระเงินจะต้องถูกแยกออก และไม่เชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินของบริษัท
3. บริษัทอินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์จะต้องไม่ผูกขาดด้านข้อมูล และจะต้องจดทะเบียนบริการให้คะแนนสินเชื่ออย่างเหมาะสม
4. กิจการจะต้องตอบสนองต่อความต้องการของผู้ถือหุ้น บริหารความเสี่ยง และจัดตั้งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง
5. เมื่อลงทุนในสถาบันการเงินและประกันภัย กิจการจะต้องไม่ลงทุนเกินกว่า 2 บริษัท และควบคุมไม่เกิน 1 ราย
6. บริษัทจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับที่กำหนดขึ้นเมื่อไปลิสต์ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ และจะต้องไม่มีหุ้นหรือเงินทุนในกิจการที่ผู้บริหารระดับสูงอาวุโสเข้าไปมีตำแหน่งในองค์กรเหล่านั้น
7. บริษัทต้องยกระดับการคุ้มครองทางการเงินระดับผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และกิจกรรมการตลาด
3
ข้อปฏิบัติดังกล่าวส่งผลให้กิจการที่เกี่ยวข้องต้องปรับโครงสร้างและระบบการกำกับควบคุมทางการเงินของกิจการให้สอดคล้องกับกฎหมายกฎระเบียบภาครัฐ
ขณะที่ธุรกิจการเงินของบริษัทที่เชื่อมโยงระหว่างบริการชำระเงินที่มีอยู่และผลิตภัณฑ์ทางการเงินจะต้องได้รับใบอนุญาตดำเนินการ
นั่นหมายความว่า หน่วยธุรกิจการเงินของบริษัทที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันมากกว่าที่เป็นอยู่ รวมทั้งในบางกรณีควรต้องยื่นเรื่องเสนอขอจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งทางการเงินต่อไป
1
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังเรียกร้องให้บริษัทที่ลิสต์อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับที่เข้มงวดมากขึ้น
บริษัทจะต้องไม่ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการผูกขาดด้านข้อมูล และยกระดับกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคอีกด้วย
ในทางปฏิบัติ บริษัทเหล่านี้ถูกสั่งให้เปิดเผยข้อมูลของลูกค้า และแยกบริการด้านสินเชื่อส่วนบุคคลไปให้ตัวแทนที่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ดำเนินการ
นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า หลายมาตรการเกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการรายใหญ่อย่าง Tencent, Alibaba และ JD และคาดว่าจะกระทบเชิงลบต่อรายได้และผลกำไรของกิจการเหล่านี้ เพราะการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งจำต้องใช้เงินลงทุนมากขึ้น
ขณะที่การกำหนดให้แอปการชำระเงินและการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ถูกแยกออกจากผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้ Ant Group ที่เป็นเจ้าของแพล็ตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์ Alipay ต้องแยกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน อาทิ บริการสินเชื่อยอดนิยมอย่าง Jiebei และ Huabei ออกไปจากธุรกิจเดิม
มาตรการนี้ยังจะทำให้กิจการด้านอีคอมเมิร์ซขยายธุรกิจสู่ฟินเทคยากขึ้นในอนาคต และส่งผลให้กิจการเหล่านี้ประสบกับความยากลำบากในการขึ้นทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
จึงไม่น่าแปลกใจที่ตลาดหุ้นก็ตอบสนองในเชิงลบทันที เพราะเปิดตลาดในเช้าวันศุกร์ ราคาหุ้นของ Tencent, Meituan และ JD ในตลาดหุ้นฮ่องกงก็ลดลงระหว่าง 1-3%
โชคดีมีช่วงหยุดยาววันแรงงานมาขั้นไว้ ก็ต้องติดตามดูว่าเมื่อตลาดหุ้นฮ่องกงกลับมาเปิดเทรดอีกครั้งหลังหยุดยาวนี้ ราคาหุ้นเหล่านี้จะเป็นอย่างไร
อันที่จริง นับแต่ปลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ขันน็อตกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับกิจการอินเตอร์เน็ตในจีนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการเติบโตที่รวดเร็ว และการเข้าถึงแหล่งข้อมูลจำนวนมหาศาลจากธุรกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ เกมส์ออนไลน์ การแช็ต และการใช้บริการพาหนะผ่านแอป
รวมทั้งพฤติกรรมที่มีลักษณะของการผูกขาด ซึ่งผลกระทบต่อกิจการค้าปลีกมากมายในหลายระดับ
ลองจินตนาการดูว่า เฉพาะลูกค้าในจีนของ Tencent และ Ant รวมกันก็ปาเข้าไปถึงกว่า 1,000 ล้านคนในปัจจุบัน และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต
หรือเฉพาะ Tencent ซึ่งมีสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมในจีนอย่าง WeChat ก็เชื่อมต่ออยู่กับบริการโอนเงินออนไลน์ WeChat Pay ที่มีลูกค้าทั่วโลกกว่า 800 ล้านคนในแต่ละเดือน
จนกระทั่งมีกระแสข่าวว่า ธนาคารกลางของจีนได้ร่างกฎระเบียบใหม่ที่ระบุว่า กิจการชำระเงินที่ไม่ใช่ธนาคารที่มีสัดส่วนตลาดตั้งแต่ครึ่งหนึ่งของตลาดโลกรวม หรือธุรกิจจำนวน 2 รายมีสัดส่วนทางการตลาด 2 ใน 3 ของทั้งหมดขึ้นไปก็ให้เข้าข่ายการตรวจสอบการผูกขาด
ซึ่งหากตรวจพบว่าผูกขาดจริง แบ้งค์ชาติจีนสามารถเสนอแนะให้คณะรัฐมนตรีออกมาตรการบังคับให้แยกกิจการได้
อนึ่ง นับแต่ทางการจีนเริ่มขันน็อตกฎระเบียบธุรกิจอินเตอร์เน็ตนับแต่ปลายปีที่ผ่านมา ก็ได้นำไปสู่ควันหลงมากมายตามมา อาทิ Ant Group ต้องเลื่อนการขึ้นทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
Alibaba และ Sherpa ก็เคยเป็นแพะ โดนลงโทษปรับเงินและคุมเข้ม และหลายกิจการที่เกี่ยวข้องก็ต้องเร่งยกเครื่องวิธีการดำเนินธุรกิจกันเป็นแถว
จากนี้ไป เราน่าจะเห็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐประสานงานกับกิจการอินเตอร์เน็ตและฟินเทคเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามข้อกำหนดใหม่ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ในจีน คำแนะนำของหน่วยงานภาครัฐเป็นเสมือนคำสั่ง แล้วนี่ภาครัฐกำหนดเป็นข้อปฏิบัติ กิจการที่เกี่ยวข้องคงดิ้นไม่ออก มิฉะนั้นก็คงโดนบทลงโทษในระดับที่สูงยิ่งขึ้นอีกในอนาคต
ในด้านหนึ่ง การเติบโตและสยายปีกของธุรกิจอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็วส่งผลดีในหลายส่วน
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคและกิจการอื่นในวงกว้าง
รัฐบาลจีนจึงต้องตัดสินใจกระโดดเข้ามาจัดระเบียบใหม่ก่อนที่จะยากต่อการควบคุมและส่งผลเสียในภาพรวม
นี่จะไม่ใช่มาตรการสุดท้ายที่รัฐบาลจีนจะออกมาจัดระเบียบธุรกิจนี้เป็นแน่ คอยติดตามกระบวนท่าใหม่กันนะครับ ...
#อินเตอร์เน็ต
#ฟินเทค
#Alibaba
#Alipay
#Tencent
#WeChat Pay
โฆษณา