1 พ.ค. 2021 เวลา 14:31 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
“Hells Bells” (ระฆังนรก) ที่คาบสมุทรยูคาทาน
“Hells Bells”
หินย้อยรูปร่างแปลกประหลาดที่ทุกคนเห็นอยู่นี้ มีชื่อว่า “Hells Bells” (ระฆังนรก) ถูกพบในถ้ำใต้หลุมยุบเอล ซาโปเต (El Zapote) ลึกลงไปราว 29-35 เมตร บริเวณคาบสมุทรยูคาทาน (Yukatan) รัฐกินตานาโร ประเทศเม็กซิโก
คาบสมุทรยูคาทาน (Yukatan) รัฐกินตานาโร ประเทศเม็กซิโก
โดยทั่วไปแล้วหินย้อยจะมีลักษณะเป็นรูปทรงแหลมยาวห้อยลงมา แต่หินย้อยที่ถูกพบในถ้ำเอล ซาโปเต กลับมีลักษณะเป็นรูปกรวยคว่ำ ภายในกลวง คล้ายระฆังหรือโคมไฟหน้าตัด 2 แบบ คือ 1.หน้าตัดรูปไข่ 2.หน้าตัดรูปเกือกม้า ซึ่งลักษณะหน้าตัดรูปเกือกม้านั้นเกิดจากการที่หินย้อยหน้าตัดรูปไข่ที่เว้าแหว่งไป ทำให้มันมีหน้าตาเหมือนเกือกม้า โดยมันสามารถขยายตัวได้ยาวถึง 2 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด 1 เมตร และมีผนังของกรวยหนาไม่เกิน 3 เซนติเมตร เกิดจากการสะสมตัวของคาร์บอเนตที่มาจากการระเหยของคาร์บอนไดออกไซด์ที่หลุดออกมาจากน้ำ ส่งผลให้แคลไซต์อิ่มตัวจนตกตะกอนและทับถมกันผ่านกระบวนการทางชีวภาพและเคมีกายภาพจนก่อตัวขึ้นเป็นรูประฆัง อีกทั้ง หินย้อยลักษณะนี้จะเกิดขึ้นใต้น้ำเท่านั้น
ช่างภาพ Rino Sgorbani ที่ได้ดำดิ่งลงไปในโลกใต้น้ำ
ลักษณะภายในของถ้ำ
ทั้งนี้ ระบบน้ำภายในถ้ำเอล ซาโปเต นับว่าน่าพิศวงมาก เพราะมันประกอบด้วย น้ำเค็มที่ไหลซึมมาจากใต้พื้นดิน และน้ำจืดที่เกิดการตกตะกอนของหินปูนที่พังทลายลงในอดีตผสมกันอยู่ด้านบน ซึ่งน้ำทั้งสองชั้นนี้จะไม่ผสมกันสมบูรณ์ 100 % เนื่องจากมันมีความหนาแน่นต่างกัน แต่จะมีบางส่วนที่ผสมเรียกว่า “ฮาโลคลีน” (Halocline) โดยจะพบระฆังนรกได้ที่บริเวณขอบของฮาโลคลีน และชั้นน้ำจืดด้านบน แต่จะไม่พบในน้ำเกลือเพราะจะทำให้แคลไซด์ละลาย
ซากโครงกระดูกที่พบในถ้ำเม็กซิกัน (Tom Poole / Liquid Junge Lab)
สาเหตุที่มันชื่อว่า “ระฆังนรก” เพราะในอดีตชาวมายันเชื่อว่าหลุมยุบเหล่านี้ คือประตูสู่นรก พวกเขาจึงใช้มันในการบูชายัญ หรือส่งคนที่เสียชีวิตลงไปในหลุมนี้ เนื่องจากเชื่อว่ามันจะนำทางผู้เสียชีวิตไปหาเทพแห่งความตาย ดังนั้นที่ก้นของหลุมยุบนี้จึงเต็มไปด้วยซากโครงกระดูกมนุษย์และสัตว์จำนวนมาก อีกทั้ง ในทางวิทยาศาสตร์ ณ พื้นที่แห่งนี้มีสภาพแวดล้อมสุดขั้วที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ดังนั้น นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ Hells Bells นั่นเอง
นักวิจัยพบว่า ปริมาณออกซิเจนในชั้น " halocline " เกือบเป็นศูนย์ ในขณะที่ชั้นน้ำจืดมีออกซิเจนเต็มที่ซึ่ง Professor Dr. Wolfgang Stinnesbeck และทีมงานที่ได้สำรวจโลกใต้พิภพอันน่าอัศจรรย์และตีพิมพ์บทความไว้ว่า การเติบโตของโครงสร้างเหล่านี้ถูกควบคุมโดยเฉพาะทางกายภาพ และเงื่อนไขทางชีวเคมีข้างต้นใน " halocline " ระฆังเก่าแก่ที่ถูกพบอย่างมากมายนี้ จากการวิเคราะห์ทาง Radiometric dating บ่งชี้ว่า พวกมันเริ่มเติบโตขึ้นเมื่อประมาณ 5,000 ปี
อ้างอิง
โฆษณา