2 พ.ค. 2021 เวลา 07:00 • ข่าว
สรุปเหตุการณ์เด่น ในรอบสัปดาห์นี้
ระหว่างวันที่ 26-30 เม.ย. 2564
1️⃣
TMB ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต โดยใช้ชื่อย่อ ‘TTB’ ตั้งแต่ 7 พ.ค. 2564 เป็นต้นไป
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 มีมติอนุมัติการเปลี่ยนชื่อธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) โดยเปลี่ยนชื่อภาษาไทยเป็นธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) และชื่อภาษาอังกฤษเป็น TMBThanachart Bank Public Company Limited
ธนาคารจะใช้ชื่อทางการค้าว่า “ทีเอ็มบีธนชาต” หรือ “TMBThanachart” โดยมีชื่อย่อคือ TTB ซึ่งสื่อความหมายถึงการรวมพลังของสองธนาคารเป็นหนึ่งเดียว โดยอักษร T ตัวแรกคือ TMB (ทหารไทย) และ T ตัวที่สองคือ Thanachart (ธนชาต) ส่วนอักษร B มาจาก Bank (ธนาคาร) รวมทั้งจะมีการเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จดทะเบียนจาก TMB เป็น TTB ต่อไป
พนักงานของทั้งทีเอ็มบีและธนชาตได้รวมกันเป็น ONE Team ที่แข็งแกร่ง และพร้อมที่จะร่วมกันนำพาองค์กรไปในทิศทางเดียวกันตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยหลังจากการรวมกิจการธนาคารเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกรกฎาคมนี้ ธนาคารมีเป้าหมายในการสร้างชีวิตทางการเงิน (Financial Well-being) ที่ดีให้กับคนไทย เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการ
ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. 2564 เป็นต้นไป ธนาคารมีแผนการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ทีเอ็มบีธนชาต” (TTB) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ ทั้งในส่วนของสื่อการตลาดและช่องทางการบริการ ได้แก่ สาขาธนาคาร แอปพลิเคชัน เอทีเอ็ม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ ๆ ที่จะทยอยออกมาสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีให้กับลูกค้าและคนไทยทั้งประเทศ
ทั้งนี้ ลูกค้าของทีเอ็มบีสามารถใช้ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ได้เช่นเดิมภายใต้แบรนด์ใหม่ คือ ทีเอ็มบีธนชาต ด้านลูกค้าของธนชาต ธนาคารขอให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะนำไปสู่การยกระดับประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น โดยธนาคารจะทำการสื่อสารแจ้งรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงล่วงหน้า รวมทั้งขั้นตอนที่แนะนำให้ลูกค้าปฏิบัติเพื่อความต่อเนื่องในการใช้บริการของทีเอ็มบีธนชาต ต่อไป
2️⃣
อังกฤษอนุญาตให้รถยนต์ไร้คนขับวิ่งมอเตอร์เวย์ได้แล้ว โดยจำกัดความเร็วของรถยนต์ไร้คนขับที่ต่ำกว่า 60 กม./ชั่วโมง
เว็บไซต์เดอะ การ์เดียนของอังกฤษ รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษกลายเป็นประเทศแรกที่ประกาศควบคุมความเร็วของรถยนต์ไร้คนขับที่ได้รับอนุญาตวิ่งบนถนนมอเตอร์เวย์ โดยมีความเป็นไปได้ว่ามีรถยนต์วิ่งบนถนนสาธารณะให้เห็นเร็วสุดในปีนี้
กระทรวงคมนาคมของอังกฤษ เปิดเผยว่า กำลังดำเนินการปรับปรุงรหัสทางหลวงเพื่อให้ยานยนต์ไร้คนขับวิ่งอย่างปลอดภัย ซึ่งมีเลนถนนสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และระบบเซ็นเซอร์ควบคุมความเร็วโดยซอฟแวร์ เพื่อให้รถยนต์วิ่งอยู่ในช่องทางเดินรถที่กำหนดไว้
รัฐบาลอังกฤษได้จำกัดความเร็วของรถยนต์ไร้คนขับให้วิ่งบนถนนมอเตอร์เวย์ อยู่ที่ต่ำกว่า 37 ไมล์ (60 กม.) ต่อชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม อังกฤษต้องการเป็นประเทศแนวหน้า ในการเปิดตัวใช้เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งกระทรวงคมนาคม คาดการณ์ว่า ภายในปี 2578 จะมีรถยนต์ใหม่ในอันกฤษที่สามารถขับเคลื่อนอัตโนมัติ ได้ถึง 40% และสร้างงานที่ใช้ทักษะชั้นสูงได้มากถึง 38,000 ตำแหน่ง
3️⃣
ไทย-สิงคโปร์ เปิดให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศแบบเรียลไทม์คู่แรกของโลก
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore : MAS) ได้ร่วมกันเปิดตัวการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินรายย่อยของ 2 ประเทศเป็นครั้งแรกของโลก ได้แก่ ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ของประเทศไทย และระบบเพย์นาว (PayNow) ของประเทศสิงคโปร์
ในระยะแรก ผู้ใช้บริการของธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมให้บริการ จะสามารถโอนเงินระหว่างประเทศไทยและประเทศสิงคโปร์ได้ในจำนวนไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 25,000 บาทต่อวัน ผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมให้บริการ โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของผู้รับโอน และไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลอื่นเหมือนบริการโอนเงินระหว่างประเทศทั่วไป เช่น ชื่อ-นามสกุล และรายละเอียดของบัญชีผู้รับโอน
บริการนี้จะช่วยให้ผู้โอนสามารถโอนเงินได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และทำได้ทุกที่ทุกเวลาเสมือนกับการโอนเงินภายในประเทศด้วยหมายเลขโทรศัพท์ผ่านพร้อมเพย์หรือเพย์นาว โดยการโอนใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที เร็วกว่าการโอนเงินระหว่างประเทศส่วนใหญ่ในปัจจุบันซึ่งใช้เวลาเฉลี่ย 1-2 วัน
นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการ ได้ตกลงร่วมกันให้ค่าธรรมเนียมการโอนเงินและอัตราแลกเปลี่ยนของพร้อมเพย์ – เพย์นาว ถูกกว่าการโอนเงินในรูปแบบปัจจุบันและแข่งขันกับบริการโอนเงินระหว่างประเทศอื่นในตลาดได้ โดยผู้ใช้บริการจะเห็นค่าธรรมเนียมและอัตราแลกเปลี่ยนก่อนตัดสินใจโอนเงิน
พร้อมเพย์-เพย์นาว ยังถือเป็นหนึ่งในผลงานสำคัญภายใต้ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินของประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน ซึ่งริเริ่มจากการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนในปี 2562 และสอดคล้องกับแนวทางของประเทศในกลุ่ม G20 Financial Stability Board และองค์กรที่ออกมาตรฐานสากลอื่น ๆ ที่ส่งเสริมการชำระเงินระหว่างประเทศให้มีความสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงได้ง่าย และโปร่งใสมากขึ้น
ธนาคารที่ให้บริการพร้อมเพย์ – เพย์นาว ในช่วงแรก มีดังนี้
ธนาคารที่ให้บริการในประเทศสิงคโปร์
1.DBS Bank Limited (DBS)
2.Oversea-Chinese Banking Corporation, Limited (OCBC)
3.United Overseas Bank Limited (UOB)
ธนาคารที่ให้บริการในประเทศไทย
1.ธนาคารกรุงเทพ (BBL)
2.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)
3.ธนาคารกรุงไทย (KTB)
4.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
4️⃣
กระทรวงการคลังหั่นคาดการณ์ GDP ปีนี้โตเหลือ 2.3% สาเหตุจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในไทยและโลก
กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2564 เติบโตน้อยลงเหลือ 2.3% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.8% สาเหตุหลักมาจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ที่เกิดขึ้นในไทยและโลก ซึ่งคาดกว่าจะกระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยหลายด้าน
ทั้งนี้ปี 2564 ยังปรับลดคาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยเหลือ 2 ล้านคนจากก่อนหน้าที่คาดว่าจะอยู่ราว 5 ล้านคน และคาดว่ารายได้นักท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 170,000 ล้านบาท ลดลง 49% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่อยู่ 260,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น เพราะ สศค. คาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากมาตรการทางการคลังและการเงินที่ประเทศต่างๆ ดำเนินการ เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ส่วนตัวเลขการนำเข้าที่ดีขึ้นก็มาจากการนำเข้าเพื่อผลิตและส่งออกที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า 15 ประเทศ GDP ปี 2564 จะโต 6.0% ดีขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ 5.2%
ขณะที่ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปปี 2564 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.4% โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.9 ถึง 1.9) โดยระดับ 1.4% ถือว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่อยู่ราว 1.3% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานยังมองทรงตัวที่ 0.4%
5️⃣
จีนสั่งคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีอีก 13 แห่ง โดยใช้มาตรการเดียวกับที่ใช้ก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมแอนท์ กรุ๊ป
ทางการจีนที่ทำหน้าที่กำกับดูแลทางการเงิน ซึ่งนำโดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เรียกพบตัวแทนบริษัทเอกชนชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศรวมทั้งสิ้น 13 แห่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริษัทเหล่านี้ปรับปรุงแนวทางการทำงานให้สอดคล้องกับกฎหมายของจีน ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนต่อไป รวมถึงช่วยป้องกันพฤติกรรมการผูกขาดตลาดของบริษัทเหล่านี้
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางการเดินหน้าตรวจสอบบริษัทเอกชนด้านเทคโนโลยีสัญชาติจีน โดยเฉพาะบริษัทด้านฟินเทคที่ให้บริการทางการเงินแก่บุคคลทั่วไปในชีวิตประจำวัน ซึ่งการตรวจสอบดังกล่าวทำให้จนถึงขณะนี้มีบริษัทเอกชนรายใหญ่รวม 34 แห่ง ได้รับจดหมายเตือนจากทางการให้ปฏิบัติตามคู่มือต่อต้านการค้าผูกขาดเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทที่ถูกเรียกพบ เช่น เสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่อย่าง Baidu, บริษัทเกม Tencent, เจ้าของแอปพลิเคชันยอดนิยม TikTok อย่าง ByteDance, อีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง JD.com, แพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร Meituan, ธุรกิจบริการรับส่งผู้โดยสาร DiDi และแพลตฟอร์มการท่องเที่ยงเที่ยว CTrip
ซึ่งถูกเรียกให้เข้าประชุมร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่งของจีนซึ่งรวมถึงธนาคารกลางจีน โดยได้มีการกำหนดกฎระเบียบที่มีความเข้มงวดกับกลุ่มบริษัทดังกล่าว อาทิ ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจดทะเบียนในต่างประเทศ และควบคุมด้านการผูกขาดตลาดข้อมูล รวมถึงการรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน
แถลงการณ์ร่วมจากธนาคารกลางจีน, หน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารและประกันภัย, หน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานกำกับดูแลตลาดปริวรรตเงินตราระบุว่า บริษัททั้งหมดจะต้องปรับโครงสร้างธุรกิจการเงินให้เป็นบริษัทโฮลดิ้ง เพื่อให้บริษัทเหล่านี้อยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งตัดความเชื่อมโยงที่ไม่เหมาะสมระหว่างบริการชำระเงินและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีอยู่
6️⃣
สหรัฐเผย GDP ไตรมาส 1/2564 พุ่ง 6.4% ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในช่วง 6.1-6.5%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1 ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในช่วง 6.1-6.5% และเป็นตัวเลขการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546 หลังจากที่เติบโต 4.3% ในไตรมาส 4/2563
นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 33.4% ในไตรมาส 3/2563 ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือมากกว่า 70 ปี จากการที่สหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และมีการเปิดเศรษฐกิจ หลังจากหดตัว 31.4% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์ และหดตัว 5% ในไตรมาส 1 ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัวมากกว่า 7.0% ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2527 หลังจากหดตัว 3.5% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 74 ปี
ส่วนปัญหาเรื่องจำนวนคนว่างงานยังสูงกว่าช่วงก่อนโควิดระบาดถึง 3 เท่า ส่วนตลาดงานลดลง 8.4 ล้านตำแหน่ง แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจพลิกฟื้นได้อย่างดีเมื่อไบเดนอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจและส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เดือนที่ผ่านมามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 9.1 แสนคน อัตราการว่างงานก็ลดลง 6% มีการจ้างงานมากขึ้นในระดับจูเนียร์ไปจนถึงตำแหน่งระดับกลาง
ฝากติดตามเพจ Cashury - เพจความรู้พื้นฐานด้านการเงินการลงทุน
ติดตาม Cashury ผ่านช่องทางอื่นๆ ได้ที่
#Cashury #Investment #FinancialAdvisor #Finance #ลงทุน #การเงิน #กองทุน #หุ้น #มือใหม่เริ่มต้นลงทุน #พื้นฐานการลงทุน #ข่าว #สรุปข่าว #เหตุการณ์เด่น #ข่าวสาร #เศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ
โฆษณา