1 พ.ค. 2021 เวลา 15:47 • ท่องเที่ยว
กรุณาเติม “ความสุข” ในช่องว่างของความรู้สึก
ข้อความหนึ่ง…ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
“ถ้าอยากค้นหาความหมายของชีวิต...จงออกเดินทาง”
รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏบนใบหน้าของผม ก่อนเงยหน้าขึ้นมองก้อนเมฆและท้องฟ้าของเช้าวันนี้ที่กำลังทอแสงประกายจากดวงอาทิตย์ สำหรับผมแล้ว นี่เป็นท้องฟ้าที่สดใสมากที่สุดวันหนึ่งในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
“อีกแป๊ปนึงจะถึงทะเลแหวกแล้ว วันนี้ฟ้าใสมาก รับรองว่าน้องต้องชอบแน่นอน ” เสียงพี่คนขับเรือ ตะโกนด้วยสำเนียงคนใต้แต่พอจับใจความได้ แข่งกับเสียงเครื่องยนต์ของเรือหางยาวที่กำลังแล่นผ่านผืนน้ำของคลองตะเปะท่ามกลางป่าโกงกางอันกว้างใหญ่ไพศาล เนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ ทำให้ผมรู้ว่า อีกสักครู่ เราจะได้พบกับอีกหนึ่งความงดงามของสถานที่ Unseen ของ จ.ตรัง
ผมยิ้มให้กับพี่คนขับเรือ ก่อนจะมองตรงไปข้างหน้าอย่างใจจดใจจ่อ...
 
เจ็ดวันที่แล้ว...
ผมนั่งอยู่ในห้องนอนภายในบ้านที่แสนอบอุ่น ซึ่งมีสมาชิกจำนวนกะทัดรัดเพียงสามชีวิตในบ้านหลังนี้ นาฬิกาแขวนบนฝาผนังบอกเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว พ่อกับแม่คงจะหลับไปแล้ว ปกติแกมักจะหลับเร็วเสมอ ในขณะที่ตัวผมมักจะนอนดึกเป็นประจำตามประสาผู้ชายวัยกลางคนที่กำลังโลดแล่นไปกับหน้าที่การงานที่กำลังรัดตัว ซึ่งเป็นความรับผิดชอบที่มาพร้อมความเต็มใจในฐานะเสาหลักคนเดียวของบ้านที่มีรายได้
เพียงแต่ค่ำคืนนี้...ดูจะไม่เหมือนทุกคืนที่ผ่านมา…
หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยไฟล์งานมากมายนับไม่ถ้วน และเสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดที่ดังเป็นระยะ หาใช่สิ่งที่ผมกำลังค้นหาในเวลานี้ หากแต่เป็นการครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่างเพื่อตอบบางคำถามที่ยังค้างคาภายในใจ หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในกรอบที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ด้วยเหตุผลที่อยากดูแลคนที่รักให้มีความสุขสบาย จนสามารถซื้อบ้านหลังนี้ได้สำเร็จ และจัดการทุกอย่างภายในบ้านเพื่อให้สามชีวิตของเราไม่ลำบาก
จนถึงวันนี้ วันที่ทุกอย่างดูจะลงตัวมากขึ้น การได้เห็นรอยยิ้มของคนที่เรารัก เป็นความสุขที่สุดของคนที่เป็นลูกที่สามารถจะทำได้บนโลกใบนี้ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องแลกมาด้วยเวลาและความทุ่มเทไปกับเรื่องสำคัญๆ ในชีวิตอย่างการทำงานตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมา
แต่นาทีนี้...ดูเหมือนว่า ผมกำลังค้นหาความหมายของชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างออกไป และอาจช่วยให้เรามีพลังในการใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากขึ้น
“ถ้าอยากค้นหาความหมายของชีวิต...จงออกเดินทาง”
พลัน ประโยคนี้ก็ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลังจากที่ตัวเองลองพิมพ์อะไรเรื่อยเปื่อยเช่นคำว่า “ความหมายของชีวิต” ในช่องค้นหาบนเว็บไซต์ยอดนิยมของคนทั้งโลก ผมเพ่งสายตาจ้องมองประโยคนี้อย่างช้าๆ ค่อยๆ สะกดทีละคำ
จนครบทั้งประโยค นั่งจมจ่อมอยู่กับความรู้สึก
นั่นสิ...ถ้าอยากค้นหา...ก็ลองออกเดินทางสิ
ปล. อย่าบอกใครนะ ว่าผมไปคนเดียว (ผมบอกตัวเอง)
 
เจ็ดวันต่อมา...
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมได้มาอยู่บนเรือหางยาวที่กำลังเดินทางไปยังหาดหยงหลำและหาดหยงหลิง ซึ่งเป็นจุดที่จะได้เห็นทะเลแหวก อีกหนึ่งสถานที่ Unseen ของ จ.ตรัง
แล้วทำไมต้อง จ.ตรัง...ไม่รู้สิ ผมแค่รู้สึกว่า ตัวเองเดินทางท่องเที่ยวทีไร ก็มักจะขึ้นเหนือหรืออีสานเพื่อไปชมความสวยงามของธรรมชาติและป่าเขาอยู่บ่อยครั้ง ครั้นจะไปภาคตะวันออกก็ไปบ่อยแล้ว ในขณะที่ภาคใต้กลับไปไม่บ่อยนัก เลยตัดสินใจลงใต้ แต่ก็ต้องมาปวดหัวอีกว่าจะไปไหนดีที่ตอบโจทย์การเดินทางคนเดียวเพื่อค้นหาความหมายของชีวิต ภูเก็ต...ไม่นะ สุราษฎร์ธานีเหรอ...หรือกระบี่ดี...อืม...
จ.ตรัง...อยู่ดีๆ ชื่อนี้ก็โผล่แว่บเข้ามาในหัว ยิ่งพอ search ข้อมูลในกูเกิ้ลแล้วยิ่งน่าสนใจ โดยเฉพาะ อ.กันตัง ซึ่งเป็นสุดสายปลายทางสถานีรถไฟฝั่งอันดามัน ไหนๆจะไปทั้งทีแล้ว ต้องไปให้สุด ที่น่าสนใจมากขึ้นก็คือ จ.ตรัง ไม่ได้มีดีแค่ทะเลอย่างเดียว แต่มีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างที่ชุมชนน้ำราบ อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งชาวบ้านในชุมชนรวมกลุ่มกันส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมล่องเรือชมทะเลแหวก การปืนขึ้น “เขาจมป่า” เพื่อชมภาพมุมสูงแบบพาโนรามาของป่าโกงกางเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ หรือจะเป็นการชิมอาหารซีฟู้ดแบบสดๆ โดยเฉพาะปูม้า ซึ่งขึ้นชื่อ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมได้มาอยู่ที่นี่ เวลานี้...
“ถึงแล้วน้อง” เสียงพี่คนขับเรือตะโกนบอก ทำให้ผมหันกลับมาให้ความสนใจกับภาพที่อยู่เบื้องหน้า นั่นคือหาดทรายขาวละเอียดที่ใหญ่ประมาณขนาดเท่าสนามฟุตบอลเห็นจะได้ และมีขนาดใหญ่มากขึ้นเมื่อหัวเรือหางยาวเข้าเกยหาด
วินาทีที่ตัวเองเอาเท้าเหยียบลงสัมผัสหาดทรายขาวละมุน ความรู้สึกแรกคือความนุ่มละเอียดของเม็ดทรายที่ถูกน้ำทะเลพัดพาจนขึ้นเป็นสันดอนกลางทะเลแบบนี้ ลองถอดรองเท้าและเดินเท้าเปล่า เพื่อให้ร่างกายและจิตวิญญาณของตัวเราได้สัมผัสความละเอียดอ่อนที่ธรรมชาติบรรจงสร้างขึ้น
และไม่ผิดหวังกับผลลัพธ์ เมื่อเม็ดทรายขาวละเอียดได้แทรกซึมไปตามสัมผัสของฝ่าเท้า ทุกย่างก้าวของผมเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของความรู้สึกที่อิ่มเอม ยิ่งท้องฟ้าวันนี้ดูสดใสภายใต้ก้อนเมฆสีขาว แสงแดดที่อบอุ่นกำลังพอดี และเสียงคลื่นที่ซัดเกยหาดอย่างแผ่วเบา
ผมก้าวอย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวเกิดขึ้นพร้อมความรู้สึกที่แตกต่างจากโลกความจริงที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน ความรู้สึกของผมกำลังทำงานอย่างช้าๆ เพื่อละเลียดไปกับการเคลื่อนไหวของโลกใบนี้ ที่น่าแปลกคือ ผมรู้สึกถึงความว่างเปล่าในจิตใจ ไม่มีความทุกข์ ไม่ร้อนรน ไม่โหยหา
แต่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแฮะ...ผมออกเดินไปถึงจุดที่เห็นบริเวณที่เป็นทะเลแหวกได้อย่างชัดเจน เป็นลักษณะหาดทรายเล็กๆ ทอดยาวออกไป เป็นความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น และทำให้รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เป็นสัจธรรมของโลกใบนี้
ขนาดธรรมชาติยังเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างสิ่งที่สวยงามขึ้นบนโลกใบนี้ แล้วตัวเราซึ่งเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆ คนนึงบนจักรวาลที่กว้างใหญ่ ทำไมเราถึงจะไม่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในตัวเรา ยิ่งถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นเรื่องที่ดีกับตัวเราเอง อาจไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่สวยงามและมีค่าต่อการใช้ชีวิต หรือนี่อาจจะเป็นคำตอบของการค้นหาความหมายของชีวิต ที่ผมกำลังตามหา...
โฆษณา