Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่องพระ(สมเด็จบางขุนพรหม)ง่ายๆสไตล์ CK
•
ติดตาม
2 พ.ค. 2021 เวลา 06:18 • การศึกษา
3 ที่ควรรู้ก่อนดูพระสมเด็จ(บางขุนพรหม)
รูปภาพที่นำมาแสดงนี้มีทั้งพิมพ์ที่ได้รับความนิยมและพิมพ์ที่ไม่ได้รับความนิยม ผู้ทัศนาโปรดทำการศึกษาเพิ่มเติม
เป็นที่ถกเถียงกันว่า พระสมเด็จองค์นี้สร้างในยุคนั้น องค์นี้สร้างยุคนี้ หาข้อสรุปได้บ้างไม่ได้บ้าง ว่ากันไปตามตำรา ความรู้ ที่แต่ละสำนึกนำมาอ้างอิงเป็นมาตรฐานของตน ตอนที่CKศึกษาใหม่ๆก็บังเกิดความงุนงง อ้าวแล้วแบบไหนล่ะที่ดีและถูกต้อง 100% ซึ่งจนถึง ณ ปัจจุบันนี้ก็หาข้อสรุปให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน ฮ่าๆๆ แต่พอครั้นตัดสินใจว่าเอาล่ะ ขอศึกษาพระสมเด็จบางขุนพรหมก่อนประเภทอื่นๆแล้วกัน เรื่องยุคเรื่องสมัยก็ตัดไปได้ เพราะการสร้างนั้นมีเพียงวาระเดียว
มือใหม่ต้องเคยเจอคำถานี้กันบ้าง แล้วถ้าจะดูพระสมเด็จบางขุนพรหมให้สนุกล่ะ ควรรู้อะไรบ้าง จากประสบการณ์ CKเอง ก็กลั่นกรองออกมาได้ 3 สิ่งหลักๆที่ควรรู้ แล้วจะทำให้คุณดูพระสมเด็จบางขุนพรหมได้เหมือนหลงเข้าไปในเวทมนต์แห่งอดีตอันน่าหลงไหล เหมือนหนังอินเดียน่าโจนส์อย่างไรก็อย่างนั้นเลยทีเดียว มีอะไรบ้าง CKจะร่ายมนต์ให้ฟัง...
1.ประวัติการสร้างและความเป็นมา
ขอกล่าวโดยย่อ เพราะท่านหาอ่านได้ในบทความทางอินเตอร์เนตอย่างดาษดื่น เต็มไปหมด หาอ่านได้ไม่ยาก อ้าว...งั้นจะมาเขียนเพิ่มทำไมล่ะ ก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เกิดการเชื่อมโยงเมื่ออ่านจบนั่นเอง
พระสมเด็จบางขุนพรหมสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ท่านสมเด็จโตฯเป็นเจ้าพิธีสร้างพระ 84,000 องค์ ตามความเชื่อสร้างเท่าจำนวนพระธรรมขันธ์ เพื่อบรรจุในเจดีย์ใหญ่ของวัดใหม่อมตรส เดิมที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดบางขุนพรหมใน (แปลว่าต้องมีบางขุนพรหมนอกด้วยอ่ะเนาะ ซึ่งก็คือวัดอิทรวิหารในปัจจุบัน) ตามที่มีบันทึก ครั้งนั้นเสมียนตราด้วงซึ่งเป็นคหบดีในละแวกนั้น ต้องการบูรณะเจดีย์และสืบทอดศาสนา เป็นผู้กราบนิมนต์สมเด็จโตฯมาเป็นเจ้าพิธีสร้างพระสมเด็จบางขุนพรหม ตรงกับปี พ.ศ.2413 และบรรจุลงเจดีย์ในปี พ.ศ. 2414 มาถึงตรงนี้ ท่านที่ทราบว่า สมเด็จโตฯมรณภาพในปี พ.ศ.2415 ก็เป็นข้อสรุปได้ว่า พระสมเด็จบางขุนพรหมนั้น สร้างทันยุคของสมเด็จโตฯยังมีชีวิต และท่านก็เป็นเจ้าพิธีในการสร้างพระด้วยตัวเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้พระสมเด็จบางขุนพรหมได้รับความนิยม และศรัทธา ไม่น้อยไปกว่าพระสมเด็จวัดระฆังเพราะว่าทันยุคสมเด็จโตฯนั่นเอง
2. ธรรมชาติวิทยาของพระสมเด็จบางขุนพรหม
โอ้โห...ธรรมชาติวิทยา ดูเป็นคำหรูหรา ต้องปีนกระไดศึกษากันหรือเปล่า ที่จริงไม่ต้องถึงขนาดนั้น การสร้างพระสมเด็จบางขุนพรหมใช้ปูนเปลือกหอยเป็นวัสดุหลัก และใช้ตัวผสานเนื้อพระเป็นน้ำมันตังอิ๊ว ดังนั้นวรรณะ หรือสีผิวขององค์พระที่พบได้เยอะ จึงค่อนข้างเป็นสีเหลืองนวล (วรรณะสีอื่นก็มีนะ แต่สีเหลืองจะพบได้เยอะที่สุด) มีการผสมมวลสารผงวิเศษอันเลื่องลือ 5 ประการของสมเด็จโตฯ แต่ปริมาณน้อยกว่ามาก ดังนั้น เมื่อท่านส่องดู พิจารณาเนื้อของพระสมเด็จบางขุนพรหม โอกาสที่จะพบเจอมวลสารแบบที่เจอในเนื้อของพระสมเด็จวัดระฆังนั้น แทบไม่มี (CKไม่ได้บอกว่าไม่มีโอกาสเจอนะ เพียงแต่บอกว่าโอกาสเจอนั้นมีน้อยมาก)
มีเหตุการณ์โรคอหิวาตกระบาดเกิดขึ้น และมีชาวบ้านแถวอัมพวาฝันว่าสมเด็จโตฯมาบอกให้นำพระของท่านมาทำน้ำมนต์กินแก้โรคได้ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พระสมเด็จวัดระฆังได้รับความนิยม ศรัทธามากจนหมดไปจากวัดระฆังอย่างรวดเร็ว ครั้นโรคอหิวาระบาดครั้งใหม่ในปี 2424 ผู้คนก็ตามหาพระสมเด็จที่ท่านสร้างไว้ แต่เมื่อหาไม่ได้ จึงเกิดการขโมยจากเจดีย์ที่บรรจุพระไว้ที่วัดบางขุนพรหมใน ช่องเจดีย์มีขนาดเล็ก และเพื่อไม่ให้พระเสียหายจึงใช้วิธีการตกพระ โดยติดดินเหนียวที่ปลายด้าย และมีปล้องไม้ไผ่เสมือนเป็นคันเบ็ด วิธีการนี้ทำให้มีดินเหนียวจำนวนมากตกลงไปในกรุ และได้พระน้อยทีละองค์หรือโชคดีก็อาจติดมากกว่าหนึ่งองค์
ตามบันทึกของอ.ตรียัมปวายเล่าว่ามีการเทน้ำเข้าไปในกรุเพื่อล้างดินออกจากพระ และรอให้แห้งเพื่อทำการตกพระใหม่
จากประวัตินี้ถ้าเราคิดตาม จะประมวลได้ว่า พระส่วนใหญ่ก็จะจมลงในน้ำที่มีทั้งดิน โคลน และดินเหนียวที่ตกค้างอยู่ข้างในเจดีย์ รวมถึงความร้อนภายในเจดีย์เองก็จะทำให้ปูนพระนั้นเดือด ประทุ คราบน้ำมันที่ใช้ผสานเมื่อร้อนจัดก็ไหลออกมาจากองค์พระ ยิ่งทำให้จับกับคราบดินต่างๆเป็นก้อนมากขึ้น ดังนั้นเมื่อผ่านกาลเวลาหลายสิบปี น้ำแห้งหายไป คราบน้ำมันตังอิ๊ว ปูนเดือดที่แห้งแล้ว ดินเหนียวหรือโคลนที่ละลายจนแห้งกรัง ก็จะเกาะติดกับองค์พระ โดยเฉพาะองค์ที่อยู่บริเวณฐานล่าง บางองค์ก็อาจมีตราบกรุจับหนาจนดูรายละเอียดไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว ในขณะที่บางองค์ที่อยู่ด้านบนๆ ก็แทบไม่มีคราบกรุ หรือมีก็น้อยมาก ยังคงเห็นรายละเอียดขององค์พระได้ 80-100% ซึ่งคราบกรุของพระสมเด็จบางขุนพรหมก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไว้CKจะเขียนบทความเรื่องคราบกรุในโอกาสต่อไป
3.ศิลปะพิมพ์ทรงต่างๆขององค์พระ
หากท่านได้ไปศึกษาประวัติการสร้าง ท่านจะพอทราบว่า การสร้างพระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นการสร้างในวาระเดียวเพื่อสืบทอดศาสนา ประเพณีแบบนี้ จะมีการรวมตัวของชาวบ้านมากมาย มาช่วยกันในงานบุญซึ่งก็สืบทอดกันมาจนปัจจุบัน ตามบันทึกมีว่า สมเด็จโตฯท่านอนุญาตให้ใช้แม่พิมพ์เก่าของวัดระฆัง (แปลว่าเราสามารถพบพระสมเด็จบางขุนพรหมที่พิมพ์เหมือนวัดระฆังแต่เนื้อเป็นบางขุนพรหมได้) และมีการสร้างแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่โดยให้ช่างชาวบ้านแกะขึ้นมา มีแม่พิมพ์วัดระฆังเป็นต้นแบบ (แปลว่าเราสามารถพบเจอทั้งแบบวิจิตรฝีมือช่างหลวงและแบบชาวบ้านที่อาจไม่ได้สวยงามได้สัดส่วนมากนัก) หนังสือบางเล่มเล่าว่า เนื่องด้วยการสร้างจำนวนพระเสร็จไม่ทันบรรจุเจดีย์ สมเด็จโตฯท่านจึงให้พระสมเด็จวัดระฆังมาร่วมบรรจุกรุบางส่วนด้วย ซึ่งเป็นที่มาของพระสมเด็จสองคลอง คือ พิมพ์ทรงและมวลสารเป็นของวัดระฆัง แต่มีคราบกรุแบบวัดบางขุนพรหม ตามบันทึก พระพิมพ์ต่างๆของพระสมเด็จบางขุนพรหม มี 9 พิมพ์ ดังนี้
1.พิมพ์ใหญ่
2.พิมพ์ทรงเจดีย์
3.พิมพ์เส้นด้าย
4.พิมพ์ฐานแซม
5.พิมพ์ฐานคู่
6.พิมพ์สังฆาฏิ
7.พิมพ์เกศบัวตูม
8.พิมพ์อกครุฑเศียรบาตร
9.พิมพ์ปรกโพธิ์
2
มาถึงตรงนี้ หลายท่านที่อ่านอยุ่ก็อาจถามว่า อ้าวแล้วเรื่องตราปั๊มวัดล่ะ อะไรยังไง CKขอเล่าต่ออีกหน่อย ตราปั๊มนั้นเกิดจากการเปิดกรุอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2500 (ไปหาอ่านเอานะ มีให้อ่านเยอะเลยเรื่องการเปิดกรุ) ซึ่งที่มาที่ไปของการเปิดกรุอย่างเป็นทางการเกิดจากการที่พระถูกขโมยออกจากเจดีย์เป็นปริมาณมากถึงสองครั้ง(ใหญ่ๆ ยังไม่รวมเล็กๆน้อยๆอีกมากมาย) เมื่อเปิดกรุแล้วตามบันทึกบอกว่า พบพระที่สมบูรณ์สวยงามเพียง 2,950 องค์ เลขช่างลงตัวสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ใจ พระที่ออกมาจากการเปิดกรุอย่างเป็นทางการนี้ จะได้รับการประทับตราวัด เรียกกันว่ากรุใหม่ ส่วนที่ไม่ได้ประทับตราก็ถือว่าเป็นกรุเก่า ซึ่งจริงๆแล้วก็คือกรุเดียวกัน เพียงต่างวาระกันในการออกสู่สายตาโลกนั่นเอง
CKชวนคิด...
ถ้าพระสร้าง 84,000 องค์ เปิดกรุเจอที่สมบูรณ์ 2,950 องค์ เหลืออีก 81,050 องค์ คิดเลขกลมๆ เสียหายในกรุที่เปิดสัก 20,000องค์ เหลือ 61,050 องค์ ที่ว่าถูกขโมยถึงสองครั้งใหญ่พระสูญหายไปมาก ตีว่าสัก 50,000 องค์ ที่ขโมยตกกันก่อนหน้านั้น ก็น่าจะสัก 3000-5000 องค์ คิดว่า 3,000องค์ก่อนแล้วกันเพราะการตกคงได้ไปไม่มาก ยังมีเหลืออีก 8,050 องค์ ที่ไม่รู้จะจัดอยู่ในหมวดไหนดี งั้นขอเอาไปใส่ในการขโมยก็แล้วกันนะ เป็นถูกขโมยไป 58,050 องค์ โดยปกติแล้วงานบุญก็มักจะมีพระเครื่องที่ระลึกให้บรรดาเจ้าใหญ่นายโต และชาวบ้านที่มาร่วมงานอยู่บ้าง ถ้าตอนบรรจุเจดีย์ ยังสร้างไม่ครบจำนวนดี อาจแห้งไม่ทัน หรือไม่เรียบร้อยพร้อมบรรจุ ทำให้ต้องนำพระสมเด็จวัดระฆังมาเสริมก่อน ก็มีความเป็นไปได้ที่พระสมเด็จบางขุนพรหมที่สร้างไว้นั้น เมื่อไม่ได้บรรจุลงเจดีย์ ก็อาจนำมาเป็นพระของขวัญในงานบุญแทน อีกทั้งตอนเปิดกรุ บรรดาเจ้านายต่างๆจะไม่ได้รับพระเครื่องระดับตำนานเป็นที่ระลึกเลยหรือสักองค์ คิดคร่าวๆแล้วพระสมเด็จบางขุนพรหมที่หมุนเวียนอยู่ทั้งในวงการเช่าหาบูชา และในความครอบครองของบุคคล ก็น่าจะมีจำนวนราวๆ 61,000-70,000 องค์ได้เลยทีเดียว แต่ตอนนี้เราพบว่าที่หมุนเวียนจริงๆนั้นกลับมีเพียงแค่หลักพันองค์แล้วที่เหลือ หายไปอยู่ที่ไหนนะ
ท่านล่ะคิดอย่างไร สามารถแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้ ในคอมเม้นท์ จะได้สนุกๆและทำให้การดูพระสมเด็จบางขุนพรหมนั้นเหมือนการแกะรอยสมบัติทางพระพุทธศาสนาอันล้ำค่าอีกด้วย
ขอให้ทุกท่านมีอิสรภาพทางความเชื่อด้วยปัญญาของท่านเอง และขอให้ทุกท่านมีความสุข สนุกกับการส่องพระสมเด็จบางขุนพรหมยิ่งๆขึ้นไป
1 บันทึก
6
1
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย