6. การพัฒนาหรือการเติบโตของ Venture Capital ในบ้านเราเป็นยังไงบ้าง
[คุณเหม็ง]
- ในสายของ VC บ้านเราเงินเยอะ ถ้าเราไปดูลิสต์ในตลาดหลักทรัพย์ SET index 400 ตัว เอาแค่ท๊อป 20 Market Cap รวมกันก็มหาศาล แล้วถ้าแบ่งเงินมาแค่ 1% คิดดูว่า capital injection เข้ามาในระบบมหาศาล เยอะกว่า VC เจ้าอื่นๆ ในภูมิภาคด้วยซ้ำ เพราะเงินเราเยอะมากจริงๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็น traditional business บ้านเราเยอะมาก น้ำมัน แบงค์ ปูน เงินปีนึงไม่ต้องพูดถึง เยอะมาก
- VC โตมหาศาล เยอะมาก แล้วเงินเยอะมาก เยอะจนมากไปสำหรับจำนวน startup ที่มีคุณภาพพอจะให้ VC ลง เพราะแต่ละ VC ก็จะมองหาไม่เหมือนกัน บาง VC ก็จะไม่สามารถไปลงทุน startup ที่มีความเสี่ยงมากๆ ไอเดียใหม่ๆ เขาไม่เอา แต่เขาต้องการอะไรที่มัน proof แล้ว เจอล้านคนชอบแล้วต้องการหาสิบล้าน CVC บ้านเราจะชอบแบบนี้ อยู่ที่ช่วงประมาณ Post-Seed หรือ Series A, Series B ขึ้นไป
[คุณมะเหมี่ยว]
- อยากอธิบายว่าจริงๆ VC มีหลายประเภท หลาย stage อย่าง 500 เราจะลงทุนใน Seed stage ส่วนใหญ่อย่าง CVC จะลงทุนอะไรที่โตขึ้นมาจาก Seed อย่าง Series A, Series B ขึ้นไป แล้วหลังจากนั้น Series C, Series D ประเทศไทยอาจจะไม่ได้มี Local Financial VC ที่จะลงทุนได้ถึงรอบใหญ่ๆ ขนาดนั้น นอกจาก CVC ก็จะเป็น Regional VC มากกว่า เป็นการโตด้วยกันไปทั้ง region และเมืองไทยก็ต้องพยายาม keep up ให้ทันกับการโตของ region ด้วย
- Strategy เราคือการแบ็ค entrepreneur ที่กำลังจะ take off สู่ stage ที่โตขึ้นได้ ประเทศไทยมี potential เรามีประชากรค่อนข้างเยอะ ตัว GDP ก็ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของ South East Asia ตอนนั้นจะเริ่มมี startup หลายๆ ตัวที่กำลัง raise fund หรืออีกหลายตัวที่เราเติมเงิน Seed funding เข้าไป เขาจะสามารถพุ่งไปต่อได้อีกยาว เราเลยคิดว่า ณ จุดๆ นั้นเป็น sweet spot เป็น Day 1 ของ Silicon Valley
- แต่ว่ามันอาจจะไม่ใช่ทุกคน ถ้า stage ใหญ่ๆ แล้วก็คงไม่ได้มานั่งดูเรื่องพวกนี้แล้ว Series C Series D ก็จะเป็นเรื่องของ P&L (Profit & Loss) รัวๆ แล้ว revenue เท่าไหร่ expense เท่าไหร่ เดือนนี้จะเติบโตยังไง
11. Value-added ของ VC นอกจากเรื่อง funding
[คุณมะเหมี่ยว]
- ด้วยความที่ VC ไม่ได้ปล่อยกู้ เราเข้าไปลงทุนในบริษัทและเป็นผู้ถือหุ้น การที่จะช่วยให้เขาโตก็เท่ากับเราโตด้วย ไปด้วยกัน หน้าที่หลักคือช่วยให้ startup ที่เราลงทุนเติบโตไปได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนึ่งในวิธีที่เติบโตก็คือการ provide connection ให้เขา ก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่ startup อยากให้ VC ลงทุนมากกว่าการไปกู้แบงค์ เพราะ VC จะ provide ส่วนที่เป็น value added ไม่ใช่แค่คำปรึกษา แต่ช่วย raise fund รอบหน้า เพิ่ม connection ในทั้งทางด้าน business และ fund raising ก็คือ VC อื่นๆ ที่จะมาต่อไม้จากเรา
- อย่างเราก็ต้องส่ง startup จากรอบ Seed ขึ้น Series A ให้ได้ ต้องรู้ว่าใน region นี้ ประเทศนี้ หรือทั้ง global เลย มีใครที่ลงทุนใน Series A ใน startup industry นี้ๆ บ้าง มีลิสต์ยืดยาวว่ามีใครบ้างที่ลงทุน size ประมาณเท่านี้ industry ประมาณเท่านี้ เราจะต้องเป็นคนช่วย connect ให้เขา
- ต้องแยกเป็นสองส่วน แต่ละ VC จะมี industry และ stage ที่จะลงแตกต่างกัน เช่น เคสของ 500 ก็จะเน้น Seed Stage หรือถ้าเป็น CVC ส่วนใหญ่จะเป็น Series A Series B ขึ้นไป
- ถ้าพูดถึง region as a whole ไปดูลิสต์ของ Unicorn (ธุรกิจ Startup ที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ) ที่มาจาก South East Asia จะเห็นว่า B2C เยอะกว่า B2B แต่ประเทศไทยด้วยความที่ economy ประเทศเรามันเป็น corporate ซะเยอะ คิดว่าเมืองไทย B2B อาจจะ more exciting สำหรับเรา
[คุณเหม็ง]
- ทุกวันนี้หลายๆ startup จะเป็น me too เยอะขึ้น หมายถึงที่มีคนทำอยู่แล้ว B2C ทั้งหลาย เรียกรถแท็กซี่ e-commerce เต็มไปหมด แพลตฟอร์มจับคู่ แล้วต่างชาติที่เข้ามาแต่ละเจ้าก็รายใหญ่ๆ ทั้งนั้น อย่าง Fintech ก็ดี พี่ว่าเวฟของเรามันอยู่ในช่วงพีคแล้ว ใครที่จะออกมาทำก็อาจจะเป็น me too ไปแล้ว แต่ถ้ามองเห็นโอกาสก็อาจจะได้ แต่ในทั่วไปคิดว่ากลายเป็น me too ไปแล้ว เทคอเมริกา เทคจีน เจ้าใหญ่ๆ เขาก็กระโดดเข้ามาใน Fintech เยอะ Grab มาทำ GrabPay ปล่อยกู้ GoJek ก็มีอะไรเต็มไปหมด บ้านเราสายแบงค์ก็กระโดดลงมาทำเองเยอะมาก แต่สิ่งที่พี่มองในแง่ของ industry หรือ tech บางตัว อย่าง health tech พี่ว่าน่าจะเป็นเวฟถัดไป น่าจะเป็นจุดที่ดีที่เริ่ม จริงๆ น่าจะเริ่มปีสองปีแล้ว แต่ถ้าใครยังไม่เริ่ม พี่ก็ชักชวน ให้คุณหมอ ใครที่อยู่ในวงการ หรือว่าสาย tech ต่างๆ ที่อยากจะหามุม startup ที่ทำแล้วเราอินกับเรื่องพวก health solution ต่างๆ พวกนี้ถ้าเจาะลึก industry ลงไป และหาอะไรที่เป็น B2B ก็ได้ ทำ solution ให้โรงพยาบาล เป็น B2G ให้รัฐ เกี่ยวกับพวกเรื่องโครงการ รายได้ทั้งหลายที่เกี่ยวกับสุขภาพของประเทศ พวกนี้พี่ว่าเข้าทาง ตามมาติดๆ ก็น่าจะ education tech และไกลๆ หน่อยก็ agriculture tech พี่ว่าพวกนี้เป็นอะไรที่มีโอกาสมาก สามสี่ตัวนี้น่าจะมีโอกาสมากถ้าลง deep ลงไป
- อย่าง startup มีเจ้านึงชื่อ Perceptra ทำ AI Machine Learning สำหรับดูฟิล์มเอกซเรย์ และ predict ได้เลย ความแม่นยำเกิน 90% พี่เพิ่งรู้ว่าประเทศไทยมีหมอรังสีเฉพาะทาง 1 คนต่อ 200,000 ราย ยังไงก็ไม่มีทางทำทัน แล้วความแม่นยำของแพทย์รังสีอยู่ที่ประมาณ 80% แต่แพทย์ปกติที่ไม่ใช่แพทย์รังสีจะต่ำกว่า 60% แล้วยิ่งต่างจังหวัด ยิ่งมีแพทย์เฉพาะทางน้อย การวินิฉัยโรคผิดทำให้เกิดผลกระทบมหาศาลมาก Perceptra เขาก็มองเห็นโอกาสตรงนี้ และมองว่าเขาสามารถเทรนระบบ เทรน AI ให้สามารถทำตรงนี้ได้ เขา partner กับหมอที่ Stanford และทำกับโรงพยาบาลศิริราช ก็คือ data มหาศาลของคนทั้งประเทศ และ CTO ก็จบทางด้านนี้เป็นเบอร์ต้นๆ ของระดับเอเชีย ลงมาดูเรื่องพวกนี้ จับเรื่องนี้เป็น B2B provide service แบบนี้ โรงพยาบาลก็สามารถซื้อ service เขาได้เลย แทนที่จะให้แพทย์ปกติทั่วไปกลายเป็นให้ AI อ่าน ความแม่นยำ 90% เหมือนแพทย์รังสีอ่านเอง 14 คน เอาเวลาของแพทย์รังสีไปทำเคสยากๆ เคสง่ายๆ ก็ให้ AI ทำไป แบบนี้ก็มีโอกาสมหาศาล อย่าง food บริษัท JuiceInnov8 ทำลดน้ำตาลในน้ำส้ม พี่ก็เพิ่งรู้ว่าน้ำตาลในน้ำส้มหนึ่งแก้วแทบจะเท่ากับโค้ก เขาสามารถสกัดยีสต์ไปลดน้ำตาล พอไปกินรสชาติอร่อยมาก หวานเหมือนเดิมแต่ว่าไม่มีน้ำตาลแล้ว แล้วเป็นวิธีทางธรรมชาติ แบบนี้ดูในตลาดโลก โอกาสมหาศาลเป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้าน แบบนี้คือ deep มาก real technology มหาศาล VC ชอบ มันมี scale มี pain point มหาศาลแล้วยังเป็น blue ocean ในโลกใบนี้อยู่ แต่มันก็ยากเรากำลังพูดถึงนักวิทยาศาสตร์ คนเทรน AI มันอาจจะยากกว่าแพลตฟอร์ม แต่มีโอกาส