We’re under construction
ผมไม่รู้ว่าหลังสิ้นเสียงนกหวีดเกมสุดท้ายของฤดูกาล ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล จะยังคงเป็นเจ้านายใหญ่ที่เซาธ์แฮมป์ตันต่อไปหรือไม่ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าเจ้านายใหญ่ชาวออสเตรีย อาจเลือกขึ้นไปรับงานใหญ่ที่เมืองหลวงของอังกฤษ เมื่องานที่ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ กำลังว่างลงพอดี
ไม่มีใครปฏิเสธแน่ๆ ครับว่า งานที่ลอนดอน หอมหวนกว่า ทั้งฐานะทีมที่อยู่ในเมืองหลวง และศักดินาของทีมไก่เดือยทองอยู่เหนือกว่านักบุญแดนใต้หลายขุม
แต่จากบทสัมภาษณ์ของราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล ในช่วงที่เจ้าตัวตกเป็นข่าวพัวพันกับเชลซี เมื่อครั้งปลดแฟรงค์ แลมพาร์ด หมาดๆ ก็พอจะตีความได้ว่า ฮาเซนฮึทเทิล คงไม่ไปไหนในฤดูกาล 2021-22
นั่นจึงทำให้บรรทัดนับจากนี้ลงไป ผมเขียนโดยสมมติฐาน โดยเชื่อว่า ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล จะยังคงนั่งเป็นผู้จัดการทีมที่เซนต์ แมรี ต่อไปนะครับ
ย้อนหลังกลับไปในเดือนธันวาคม 2018 ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล เข้ามากอบกู้สถานการณ์ของทีมที่กำลังหนีตกชั้น และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 16 มีแต้มมากกว่าคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมอันดับ 18 จำนวน 5 แต้ม
ดังนั้นแล้ว ฤดูกาล 2019-20 จึงเป็นการทำงานเต็มตัวของราล์ฟ ผมจำได้แม่นยำเลยว่า การจัดทีมของราล์ฟตอนนั้น ชวนสับสนครับ เขาดูเหมือนไม่มั่นใจว่า แผนการเล่นแบบใด เหมาะสมกับทีมมากที่สุด แผนการเล่นที่ถูกเรียกใช้ มีตั้งแต่ 5-4-1, 3-5-2, 4-2-2-2, 3-4-2-1, 4-3-3, 3-4-3 และสูตรดั้งเดิมอย่าง 4-4-2
กระทั่งฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกต้องถูกระงับไปชั่วคราว ราล์ฟ ตกผลึกทางความคิด ฟันธงตรงประเด็นอย่างชัดเจนว่า แผนการเล่น 4-2-2-2 คือทิศทางที่ถูกต้อง พร้อมกับเขียนไบเบิลขึ้นมาหนึ่งเล่ม เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาทีมเซาธ์แฮมป์ตัน “ทุกระดับ” ในชื่อ SFC Playbook และเข้าป้ายด้วยอันดับที่ 11
พลพรรคเดอะ เซนต์
ก่อนเริ่มฤดูกาล 2020-21 ที่กำลังอยู่ในโค้งสุดท้าย ผมเคยประเมินว่า น่าจะเป็นฤดูกาลที่เซาธ์แฮมป์ตัน มีโอกาสจบด้วยอันดับเลขตัวเดียวได้ หากคำนึงจากผลงานในซีซันก่อน
เอาเข้าจริง มัน “เกือบ” เป็นไปได้แล้วนะครับ เพียงแต่อย่างที่เราทราบและรู้กันได้ เดอะ เซนต์ ไม่ได้มีเงินเยอะแยะมากมายนัก กว่าจะซื้อนักเตะคนหนึ่งได้ ต้องตัดงบ ต้องต่อรอง กว่าที่จะได้มาสักคนหนึ่ง นั่นจึงทำให้ขุมกำลังที่จะใช้เป็นแบ็คอัป จึงมีอย่างจำกัด
เมื่อทีมเจอปัญหาประเดประดัง ทั้งติดเชื้อโควิด-19 ไหนจะมีอาการบาดเจ็บเข้ามาข้องแวะอีก จนห้วงใหญ่ๆ ของปี 2021 ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล ต้องนักเตะเยาวชนขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ชั่วคราว รวมถึงต้องไปเอาผู้รักษาประตูจากชุดบี มานั่งบนม้านั่งสำรอง เพื่อให้เต็มโควตาสำรอง 9 คน
อนาถแท้ๆ
ผลงานจากนั้นเป็นไปตามคาดครับ ทีมค่อยๆ กราวรูด จากจ่าฝูงในเดือนพฤศจิกายน ค่อยๆ ตกลงไปอยู่กลางค่อนท้ายตาราง นี่ยังดีนะครับ ช่วง 3-4 เดือนแรกของฤดูกาลทีมคว้าแต้มมาเป็นกระบุง ไม่งั้นช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้ เป็นอันต้องหนีตกชั้นเหมือนปีก่อนอีก
อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาที่วิกฤต มันก็พอมีแสงสว่างอยู่บ้าง มันทำให้ทุกคนพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำมากขึ้นว่า เดอะ เซนต์ของเรากำลังมีปัญหาเรื่องขุมกำลังนะ Squad Depth ของเราตื้นเกินไป จนไม่สามารถรักษาระดับเพดานของผลงานที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ ซึ่งนั่นจะเป็นงานของทีมผู้บริหารที่จะต้องเร่งทำในช่วงปิดฤดูกาล
พร้อมกันนี้ ทำให้เราได้เห็นว่า นักเตะคนไหนกำลังถูก “ทดสอบ” โดยราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล ก่อนที่จะถูกตัดเกรดในช่วงปิดฤดูกาลต่อไป
อเล็กซ์ แมคคาร์ธีย์
ประเด็นแรก เริ่มที่ตำแหน่งหมายเลข 1 ผู้รักษาประตู เราจะเห็นได้ว่า กว่าครึ่งของฤดูกาล อเล็กซ์ แมคคาร์ธีย์ เป็นเบอร์หนึ่งเฝ้าเสาประตู ส่วนเฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ จะยืนหนึ่งทำหน้าที่เดียวกันในฟุตบอลถ้วย
ผมเข้าใจว่า ราล์ฟ เสียดายในความสามารถของทั้งคู่ เพราะทั้งสองคนมีศักยภาพที่มากพอจะยืนเป็นเบอร์หนึ่งของทีมระดับกลางพรีเมียร์ลีกได้ โดยจุดตัดของความคิดอยู่ตรงที่ราล์ฟ ไม่เคยได้ลองใช้บริการเฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ เพราะในปี 2018 หลังเข้ารับตำแหน่งไม่นาน ฟอร์สเตอร์ ก็เก็บกระเป๋าไปยืมตัวกับเซลติก กระทั่งกลับมาเป็นผู้เล่นของทีมอีกครั้งในปี 2020
ในช่วงเวลา 5 เกมที่เหลือของฤดูกาล เรามีโอกาสได้เห็นทั้งสองคน สลับกันลงเล่น แล้วค่อยไปว่ากันอีกทีว่าใครจะได้เป็นมือหนึ่งในฤดูกาลหน้า
ต่อมาเป็นตำแหน่งของฟูลแบ็กซ้าย ตำแหน่งนี้เป็นสัมปทานของไรอัน เบอร์ทรานด์ มายาวนาน แต่ตำแหน่งนี้ มีเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆ ว่า สัญญาของเบอร์ทรานด์ กำลังจะหมดอายุหลังจบฤดูกาลนี้ โดยการเจรจาเรื่องของสัญญาเงียบกริบ
ผมเองก็จนปัญญาจะเดาเหมือนกันว่า เบอร์ทรานด์จะได้ไปต่อหรือไม่ ในทางตรงกันข้าม ตำแหน่งนี้ จะเป็นตำแหน่งที่ราล์ฟ จะซื้อเข้ามาเสริมเติมแต่งรึเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ หรือจะให้โอกาส เจค โวกินส์ แบ็กซ้ายดาวรุ่งที่ถูกปล่อยยืมไปซันเดอร์แลนด์ ในช่วงตลาดซื้อขายหน้าหนาว
อย่างไรก็ดี ในประเด็นของโวกินส์ ผมก็สงสัยไม่น้อยเหมือนกันว่า ถ้าเราย้อนไปดู Squad Depth ของเซาธ์แฮมป์ตัน คุณจะพบว่า ทีมมีแบ็กซ้ายอาชีพแค่คนเดียว แต่ทำไมราล์ฟ จึงตัดสินใจปล่อยโวกินส์ ไปซันเดอร์แลนด์?
โอเค! จะมองว่าเป็นการให้เด็กได้มีโอกาสลงเป็นตัวจริงในสนามที่เล็กหน่อย (ในลีกวัน) เพราะครั้นจะอยู่กับทีมต่อไปเป็นแบ็กซ้ายสำรอง ก็ใช่ว่าจะได้ลง หรือถ้ามองในแง่ร้ายกว่านั้น ก็คือที่ปล่อย เพราะไม่ได้มีอนาคตกับทีมแต่แรก แบบนี้รึเปล่า?
นี่ผมยังไม่ได้นับด้วยนะครับว่า จนถึงตอนนี้ เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่มีแบ็กขวาสำรอง!
ขยับมาที่เซนเตอร์แบ็ก ตำแหน่งนี้ ไม่เคยเป็นปัญหาใดๆ เลยครับ ถ้าไม่ใช่ฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นของยานนิก เวสเตอร์การ์ด ต้องบอกแบบนี้ก่อนนะครับ ฤดูกาล 2020-21 ราล์ฟ ฮาเซนฮึทเทิล วางเวสเตอร์การ์ด ในฐานะเซนเตอร์แบ็กคนที่ 4 ของทีมนะครับ การซื้อโมฮัมเม็ด ซาลิซู ผมมั่นใจว่า เป็นการซื้อเพื่อมาจับคู่กับแยน เบดนาเร็ก
ยานนิก เวสเตอร์การ์ด
ปรากฏว่า ซาลิซู บาดเจ็บยาว แจ็ค สตีเฟน เซนเตอร์แบ็กคนที่ 3 ผลงานไม่น่าประทับใจเลย สุดท้ายต้องดันเวสเตอร์การ์ดขึ้นมา แล้วไงครับ ดันเกิดอภินิหาร เวสเตอร์การ์ด กลายเป็นกองหลังที่ครบเครื่องที่สุด ประหนึ่งเหมือนได้เห็นเวอร์จิล ฟาน ไดค์ กลับมายืมคุมแนวรับ ไม่ว่าจะเป็นลูกกลางอากาศ เวสเตอร์การ์ดดักเก็บได้เรียบ แถมเวลาขึ้นมาเติมในจังหวะเซ็ตพีซ คู่แข่งประกอบไม่ดี เป็นอันเสียน้ำตากันมาหมดแล้วนะครับ
นอกจากนี้ ยังมีทีเด็ดในด้านการวางบอลจากแนวลึก ถ้าเห็นกองหลังคู่แข่งดันสูง เวสเตอร์การ์ด โยนบอลตู้มเดียว แดนนี อิงส์ หรือเช อดัมส์ ทำเกมบุกได้ทันที ก็มีให้เห็น หรือแม้แต่การวางบอลไปยังพื้นที่ว่างๆ ทางด้านขวาให้กับไคล์ วอล์กเกอร์-ปีเตอร์ ไป Connection People กับธีโอ วัลคอตต์ หรือแดนนี อิงส์ ก็กลายเป็นทีเด็ดที่โคตรอันตรายของเดอะ เซนต์
เพียงแต่ฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงของเวสเตอร์การ์ด ดันมาเกิดขึ้นในช่วงที่สัญญาของเขากับทีมเหลือเพียงแค่ 2 ฤดูกาล ทำให้การเจรจาสัญญาฉบับใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายของเซาธ์แฮมป์ตัน
ในสถานการณ์เดียวนี้ เกิดขึ้นกับแดนนี อิงส์ ด้วย เพราะสัญญาของอิงส์เหลือ 2 ปี เช่นกัน เพียงแต่แฟกเตอร์ของแดนนี อิงส์ มีความยุ่งยากไม่น้อย กล่าวคือ แดนนี อิงส์ ทำผลงานในฤดูกาล 2019-20 ได้เป็นอย่างดี เมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2020-21 อิงส์ ยังรักษาผลงานได้ยอดเยี่ยมด้วยผลงาน 10 ประตู แต่ฤดูกาลนี้ ไม่เหมือนฤดูกาลก่อน เพราะอิงส์ เจ็บเยอะเหลือเกิน ซึ่งส่งผลอย่างหนักต่อผู้ซื้อและผู้ขาย
แดนนี อิงส์
ถ้าหากอิงส์ ฟิตเปรี๊ยะตลอดฤดูกาล 2020-21 เดอะ เซนต์ สามารถคัตลอส ยอมเจ็บแต่ได้เงินก้อนมาสร้างทีมใหม่สัก 25 ล้านปอนด์ แต่พอเป็นอีหรอบนี้ เจ็บถี่เหลือเกิน ก็ขายยากสิครับ เงินที่ควรจะได้ ก็คงเหลือแค่ 15 ล้านปอนด์ และถ้าเซาธ์แฮมป์ตันไม่ขยับในประเด็นของแดนนี อิงส์ จบฤดูกาลหน้า ไม่ได้เงินกลับมาแม้แต่ปอนด์เดียว คงไม่ใช่เรื่องดีต่อทีมแน่ๆ
นั่นจึงทำให้แผนเดิมของเดอะ เซนต์ ที่เคยมีแนวคิดว่า จะสร้างทีมใหม่ ด้วยการผ่องถ่ายนักเตะเก่าๆ อายุเริ่มใกล้เลขสามออกจากทีม แล้วสร้างทีมด้วยนักเตะอายุน้อย ไปๆ มาๆ แผนการสร้างทีมใหม่ อาจต้องคิดใหม่ให้รอบคอบ
จากที่ร่ายมาทั้งหมดนี้ งานของเซาธ์แฮมป์ตันในฤดูกาลหน้า ถือว่า หนักหนามากนะครับ ดูแล้ว โอกาสในการจบอันดับด้วยเลขตัวเดียว คงไม่ใช่สิ่งที่จะได้เห็นในเร็ววัน เพราะสุดท้ายทีมเต็มไปด้วยช่องโหว่รูเล็กๆ เต็มไปหมด
ครั้นหันมาดูทรัพยากรของตัวเองก็มีน้อยนิดเหลือเกิน ทำให้แผนงานการสร้างทีมล่าช้าแน่ๆ
โอกาสที่จะได้เห็นทีมจบด้วยอันดับเลขตัวเดียว ได้ไปเตะยูโรป้า ลีก สั้นๆ คำเดียวครับ “รอยาวๆ”
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
