5 พ.ค. 2021 เวลา 01:00 • คริปโทเคอร์เรนซี
ใครถือ Bitcoin ต้องอ่าน !
เพราะตอนนี้ Bitcoin กำลังอัพเกรดครั้งใหญ่ในรอบหลายปี
ในวงการ Cryptocurrency นั้นการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวเหรียญแต่ละตัวมีความน่าสนใจและมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เพราะการพัฒนาหรืออัพเกรดหมายถึงการเพิ่มลูกเล่นหรือ features ใหม่ ๆ ให้กับตัวเหรียญ
และในตอนนี้มันก็กำลังเกิดขึ้นกับ Bitcoin สกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด !
โดยการอัพเกรด Bitcoin ในครั้งนี้เรียกชื่อว่า “Taproot”
5
ซึ่งก่อนจะเข้าเรื่องของ Taproot แอดขออธิบายประเภทการอัพเกรดของตัว Blockchain กันก่อน
ตามปกติแล้วการพัฒนาของ blockchain นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ Hard fork และ Soft fork
#HardFork คือ การสร้าง blockchain ตัวใหม่ที่ไม่สามารถใช้งานร่วมกับ Chain เดิมได้ เช่น Ethereum Classic (ETC) ที่แยกตัวจาก Ethereum (ETH) ภายหลังจากการโดน hack ครั้งใหญ่ในปี 2016
ส่วน #Softfork นั้นเป็นการเข้าไปแก้ไขการตั้งค่าอะไรบางอย่างในตัวของ blockchain เช่น การเพิ่มขนาด block ซึ่งหลังจากแก้ไขเสร็จแล้วก็ยังเป็น chain ตัวเดิม ซึ่งตัว Taproot ที่แอดกำลังจะพูดถึงก็เป็นการ Soft fork ครับ
7
#ทำไม Bitcoin ต้องอัพเกรด
ปัญหาอย่างหนึ่งของ Bitcoin ที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้คือเรื่องของ ความเป็นส่วนตัว หรือ #Privacy เพราะ Bitcoin นั้นถือเป็น blockchain สาธารณะที่มีความโปร่งใส่มากจนกระทั่งเกิดผลเสียและข้อกังวลมากมาย
เช่น หากเราทำการโอน Bitcoin จาก Address A ไป Address B ผ่าน Lightning network เราจะปกปิดได้เฉพาะตัวตนของเรา แต่เราจะปิดยอดการโอน Bitcoin หรือวิธีการทำธุรกรรมไม่ได้เพราะทุกธุรกรรม(Transaction) ที่เกิดขึ้นจะถูกเปิดเผยบน blockchain ทั้งหมด นั้นจึงทำให้นักพัฒนา Bitcoin ต้องการขจัดปัญหาตรงนี้ทิ้งไป
3
#Taproot
โดยในเดือนมกราคมปี 2018 นักพัฒนาชื่อว่า Greg Maxwell ได้ทำการเสนอวิธีการแก้ปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของ Bitcoin ด้วยเทคโนโลยี Taproot
โดย Taproot เป็นการ Soft fork เครือข่ายของ Bitcoin เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและปรับปรุงการธุรกรรมในด้านอื่น ๆ ที่จะทำให้ Bitcoin สามารถใช้งานได้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นในอนาคต ซึ่งนั้นรวมไปถึงการตั้งเวลาโอน bitcoin แบบ Time-lock และการรองรับ multi-signature อีกด้วย
Taproot ทำให้ธุรกรรมทั้งหมดบน blockchain ของ Bitcoin ถูกปิดเป็นความลับ ไม่ให้ทราบความเคลื่อนไหวของธุรกรรม จนแยกไม่ออกเลยว่าธุรกรรมที่เกิดขึ้นนั้น มีการใช้ bitcoin script, ทำธุรกรรมผ่าน Lightning network หรือโอนผ่านกันแบบ Peer-to-Peer กันแน่
แต่ถึงยังไง #Taproot ก็ปิดบัง Address ที่ทำธุรกรรมกันไม่ได้
นี่จึงทำให้ Bitcoin ก็ยังแก้ปัญหาความเป็นส่วนตัวได้ไม่ทั้งหมด
โดยหลังจากเปิดตัวมาได้พักใหญ่ Taproot ก็เริ่มได้รับการยอมรับในชุมชนของ Bitcoin โดยคาดกันว่า Taproot จะถูกนำไปใช้พร้อมกับการอัพเกรดอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า Schnorr signatures
7
ปัจจุบันการอัพเกรด Taproot นั้นกำลังอยู่ในขั้นตอน Speedy Trial ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องรอให้ Miner หรือนักขุด Bitcoin ทั่วโลกทำการอนุมัติการอัพเกรดของ Taproot โดยการโหวตลงคะแนนเพื่อยอมรับการอัพเกรด โดยจะมีระยะเวลาตั้งแต่การปรับค่า difficulty ครั้งล่าสุดไปจนครบ 2016 block หรือการปรับค่า difficulty หลังจากนั้น
2
ซึ่งทุกคนสามารถติดตามการลงคะแนนในครั้งนี้ได้ทาง https://taproot.watch/
หากจำนวน Miner มากกว่า 90% ยอมรับการอัพเกรด Taproot การ Soft fork ของตัว bitcoin ก็จะเริ่มดำนเนินการและถือเป็นการเริ่มยุคใหม่ของ Bitcoin โดยทันที
แอด EFUNDA .
1
โฆษณา