[ บอลไทยชัดเจน by บุญคำ : ชนาธิปศึกษา... ]
ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวอีกครั้งว่าบทความที่กำลังจะละเลงตัวอักษรอีเล็กทรอนิกส์ชิ้นนี้เป็นความคิดเห็น 'ส่วนตัว' ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้ร้ายใครและใคร เพียงแต่อยากให้...
เรื่องที่ผมจะเขียนในวันนี้คืออาการบาดเจ็บของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลยเมกเกอร์ทีมชาติไทย ที่รู้สึกว่าจะมีก่อกวนอยู่เป็นประจำในระยะหลัง
คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธความเก่งกาจของมิดฟิลด์ร่างเล็กคนนี้ที่พิสูจน์ในญี่ปุ่น แล้วว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดที่ค้าแข้งบนเวที เจลีก
การติดทีมยอดเยี่ยมของลีกในปี 2018 คือเครื่องการันตีชั้นดีว่าคนญี่ปุ่น ให้การยอมรับ ชนาธิป มากเพียงใด
ที่ซัปโปโร กองกลางชาวนครปฐม ก็จัดอยู่ในเลเวลคนดังของเมือง ถึงขนาดที่ว่าถูกเชิญให้ไปร่วมในการขว้างบอลเริ่มเกมการแข่งขัน เบสบอล ลีกของแดนปลาดิบเลยทีเดียว
การถูกเชิญลักษณะนี้นั่นหมายความว่าคุณคือ 'บุคคลสำคัญ' อย่างแท้จริงนะครับ
มันคือความภาคภูมิใจที่เราได้เห็นคนไทย เป็นที่ยอมรับระดับนั้นในประเทศที่พัฒนาไปไกลโพ้นอย่างญี่ปุ่น
ความเป็นที่ชื่นชอบของ ชนาธิป ที่เมืองซัปโปโร ยังมีอีกเพียบ แต่คงสาธยายไม่หมดหรอก
อีกทั้งบทความในวันนี้ อย่างที่บอกไว้ว่าผมจะเขียนเรื่องการบาดเจ็บของเขาที่เริ่มจะเข้ามาก่อกวนขึ้นเรื่อยๆ
เอาแค่ว่าปี 2020 ปีแรกที่มนุษย์โลกต้องเผชิญหน้ากับไวรัส-วายร้าย โควิด-19 จนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ชนาธิป ได้รับบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อถึง 3 ครั้งในปีนั้น
เรื่องการบาดเจ็บเป็นของคู่กันกับนักกีฬาก็จริง แต่ถ้าเรื้อรัง มันคือตัวฉุดรั้งพัฒนาการด้านฝีเท้าอย่างชัดเจนนะครับ
นักฟุตบอลไทย หลายๆ คนที่มีพรสวรรค์สูงต่างก็ไปได้ไม่สุดบนเส้นทางนี้ก็เพราะเรื่องของการบาดเจ็บนี่แหละ
ตัวอย่างชัดสุดคือ เกียรติประวุฒิ สายแวว อดีตเซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติไทย ที่โดดเด่นมาตั้งแต่ยังวัยรุ่น หน่วยก้านดี, ทางบอลเยี่ยม, ทางบ้านก็ซัพพอร์ท (โถ...มุกนี้จะฮาไหม?) และได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นกองหลังตัวหลักของทัพช้างศึกในอนาคต (ตอนนั้น)
ทว่า เกียรติประวุฒิ ถูกอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าเล่นงานจนไม่อาจอยู่ในฟอร์มที่ดีได้ตลอด กระทั่งต้องแขวนสตั๊ดไปแบบเงียบๆ ในปี 2018
ที่ผมจับมาโยงกับ ชนาธิป เพราะว่าล่าสุด ปี 2021 เขาก็เจ็บไปแล้ว 2 หน
หนแรกคือตอนวอร์มก่อนเกมกับ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิมะ ในช่วงต้นเดือน มีนาคม ครั้งนั้นตามรายงานบอกว่าเจ็บน่อง
หนที่สองคือล่าสุด สดๆ ร้อนๆ กับการต้องโขยกเขยกอยู่ในสนาม เพราะตนเองเจ็บเข่าในเกมที่ ซัปโปโร เสมอกับ โชนัน เบลล์มาเร่
ครั้งที่สองนั้นทีมแพทย์ของสโมสรชี้ว่าต้องให้ ชนาธิป พักราวๆ 3 สัปดาห์ ถึงจะกลับมาซ้อมกับเพื่อนๆ ได้
2 ปี กับการเจ็บถึง 5 ครั้ง มันบ่งบอกได้ชัดเจนเลยว่าร่างกายของ ชนาธิป เริ่มแสดงอาการไม่สู้ดีนัก
ในวัย 27 ปี ยังมีเวลาโลดแล่นในฟลอร์หญ้าได้อีกหลายปี แต่ถ้าต้องต่อสู้กับปัญหาบาดเจ็บเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ผมกลัวว่าผลงานของเขาอาจจะไม่พีกไปกว่านี้ได้แล้ว
ข้อสังเกตจากตัวผมเองคือนักตั้งแต่ปี 2018 ที่ ชนาธิป พุ่งทะยานถึงการเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร และติดทีมยอดเยี่ยมของ เจลีก ทว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมาผลงานของเขาตกลงทีละนิด
เหตุผลก็น่าจะมาจากเรื่องของปัญหาบาดเจ็บนั่นแหละ เพราะจำนวนการลงสนามที่ลดลงในแต่ละฤดูกาล
นับเฉพาะ เจลีก เริ่มจากปี 2018 ชนาธิป เล่นไป 30 เกม
ปี 2019 เหลือ 28
ปี 2020 เหลือ 18
ส่วนซีซั่นปัจจุบันก็เพิ่งจากต้องพักอย่างต่ำ 3 สัปดาห์
ที่ผมจะสื่อคืออยากให้เรื่องของ 'วิทยาศาสตร์การกีฬา' เข้ามามีส่วนควบคู่ไปกับการพัฒนาฟุตบอลไทย หรือแม้แต่กีฬาชนิดต่างๆ
ปัญหาบาดเจ็บที่ ชนาธิป กำลังเผชิญอยู่ ในมุมมองของผม ผมคิดว่าน่าจะมาจากการที่เขาไม่ได้รับการดูแลร่างกายอย่างถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬามาตั้งแต่สมัยตนเองยังเป็นเด็กนั่นแหละ
พอไม่ได้เสริมสร้างลักษณะทางกายภาพแบบถูกวิธี มันย่อมส่งผลมายังปัจจุบัน
ทว่าทุกวันนี้ผมเชื่อว่าเขาน่าจะได้รับการถนุถนอมจากทีมแพทย์ของ ซัปโปโร เป็นอย่างดี เพื่อที่เขาจะได้รักษาฟอร์มการเล่นในระดับสูงให้กับสโมสร
แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแล้วล่ะครับ
เรื่องนี้สำคัญนะครับ และผมมองว่ามันสำคัญมากๆ ในอนาคตข้างหน้า
เท่าที่รับรู้มามีเพียง 2 สโมสรในเมืองไทย ที่จริงจังกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ นั่นคือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่้นำหลักวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้กับนักเตะสม่ำเสมอ
ผลที่ออกมาก็สะท้อนได้จากตารางการแข่งขันกับการเป็น 'แชมป์' และ 'รองแชมป์' นั่นแหละ
โดยเฉพาะ บุรีรัมย์ นี่ผมได้ข้อมูลมานานมากแล้วว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโภชนาการ, การหลับ-นอน, การเพิ่มสมรรถภาพร่างกายและหลายๆ อย่างที่ทีมปราสาทสายฟ้าดูแลผู้เล่นเป็นอย่างดีตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา
จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไม บุรีรัมย์ จึงมีผลงานอยู่ในลำดับต้นๆ ของประเทศในทุกๆ ปี
ผมเองก็ไม่ได้เป็นผู้รอบรู้เรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬาแบบลึกซึ้งเท่าไหร่นัก รู้เพียงว่ามันคือศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับจากประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลกว่าสามารถพัฒนานักกีฬาได้แน่นอน
ฟุตบอลไทย ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่องของแท็กติก ก็ควรจะมีเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬามาควบคู่ไปด้วย
ผมอยากให้เรื่องนี้ถูกกระจายออกไปทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ เพราะมันสำคัญจริงๆ ถึงอนาคตของนักกีฬา แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะมีทักษะเป็นเลิศ แต่ถ้าการรักษาสภาพร่างกายของตนเองไม่เป็นไปตามที่ถูกที่ควร
อายุการใช้งานมันก็ถูกลดทอนลง
ดูอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวอย่าง หมอนี่ทุ่มเทจิตวิญญาณให้กับฟุตบอล เขายอมสละทุกสิ่งอย่างเพียงเพื่อรักษาร่างกายของตนเองให้สมบูรณ์ที่สุด
แน่นอนล่ะมันอาจจะน่าเบื่อมากๆ เพราะพี่แกกินแต่อาหารที่ซ้ำๆ ซากๆ หลายปี ซึ่งเมนูที่เขารับประทานเข้าไปก็เป็นของที่อุดมไปด้วยหลักโภชนาการล้วนๆ หรือการนอนของ โรนัลโด้ ก็ต้องตรงต่อเวลาเป๊ะๆ เพื่อที่จะได้ทำตามตารางชีวิตที่ต้องฝึกซ้อมทุกวัน
มันอาจจะน่าเบื่อและดูโหดร้ายไปสำหรับมนุษย์อย่างเราๆ ที่อุดมไปด้วยสุนทรียภาพ
ทว่า โรนัลโด้ ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการทำตามวิทยาศาสตร์การกีฬานั้นยืดระยะเวลาในการค้าแข้งของเขาได้จริง
อย่าลืมนะว่าปีนี้พี่แก 36 ขวบ แล้วนะครับ แต่ยังยิงกระจุยให้ ยูเวนตุส และนำโด่งเป็นดาวซัลโวของ กัลโช่ เซเรีย อา อยู่เลย
วิทยาศาสตร์การกีฬา สำคัญมากจริงๆ นะครับ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
Facebook : www.facebook.com/cheerball
Twitter : www.twitter.com/cheerballth
Website : www.cheerball.com
Youtube : www.youtube.com/cheerballth
ขอบคุณครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
