5 พ.ค. 2021 เวลา 04:02 • ท่องเที่ยว
ธรรมาสน์ที่สวยที่สุดในอีสาน ที่ วัดศรีนวลสว่างอารมณ์ … อุบลราชธานี
ภาคอีสานยามหน้าฝน เขียวขจีท้าทายสายตา … พืชพรรณที่หมกตัวอยู่ใต้พื้นดินมานานแรมเดือนในช่วงหน้าแล้ง แก่งแย่งกันขานรับสัญญาณแห่งวสันตฤดูอย่างพร้อมเพรียง ผุดใบอ่อนสีเขียวแทรกผ่านรอยระแหงของผืนดินราวผืนพรมธรรมชาติ ชีวิตความเคลื่อนไหวของผู้คนในภาคเกษตรกรรมที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของธรรมชาติก็พะเยิบขึ้น แอก ไถ ถูกปลดจากใต้ถุนเรือนมาเทียมเข้ากับความทุยที่ร้างการลากไถมาหลายเดือน
ระหว่างทางบนถนนที่เชื่อมอำเภอเมือง และอำเภอเขื่องในเข้าด้วยกัน เมื่อมองผ่านกระจกของรถยนต์คันเล็กๆที่ฉันนั่งมา ภาพที่ปรากฏต่อสายตา เป็นสีเขียวลออตาของต้นข้าวในทุ่งนาเขียวโล่งทอดยางขนาบไปไปตลอดเส้นทางที่รถของเราแล่นผ่าน รายเรียงไปด้วยเถียงนาหลังเล็กๆที่ปลูกสร้างอย่างง่ายๆไม่ซับซ้อน วางตัวอยู่เป็นระยะ … ให้ความรู้สึกของการหยุดพักเพียงชั่วครู่ชั่วยาม
ภาพที่ฉันใช้เป็นที่พักสายตาปรากฏแจ่มชัดมากขึ้น เมื่อสายฝนห่างเม็ด ทิ้งไว้เพียงความร่มรื่นแก่ผืนแผ่นดิน .. ภาพที่ฉันเห็นยังคงเป็นความเขียวขจีของทุ่งนาทีสามรถมองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ลมชายทุ่งกระทบยอดข่าวให้เอนลู่ไปตามแรงลมอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
ภาพของทุ่งนา .. แท้จริงเป็นภาพธรรมดาๆของผู้คนที่ใช้ชีวิตผูกพันอยู่กับผืนนา บ้างหลบฝนอยู่กับเถียงนาง่ายๆที่สร้างด้วยมือ เป็นที่พักพิงชั่วครู่ยาม กินข้าวเที่ยงเมื่อพักจากการลงนา หรือเป็นที่สำหรับผู้ล้าเหนื่อยจากการรอนแรม
คนเรามีความต้องการหยุดพักและพึ่งพิงอยู่โดยสัญชาตญาน และหลายครั้งเป็นสิ่งผลักดันให้ผู้คนสร้างสรรค์คุณค่าและความงดงามให้กับมวลหมู่มนุษย์มาช้านาน ด้วยการพึ่งพาของมนุษย์มีการร้อยโยงอยู่กับศรัทธาและความดีงาม และภาพท้องทุ่ง เถียงนา วัดวาอาราม จึงเป็นสัญลักษณ์ง่ายๆที่โยงใยความคิดและการเดินทางของฉันมาที่นี่ … บ้านชีทวน
ฉันเดินทางมาเพื่อต้องการจะพบเห็นโบราณวัตถุสายสกุลช่วงญวนที่ซุกซ่อนอยู่ในมุมเมืองเล็กๆอย่างบ้านชีทวนแห่งนี้
ธรรมาสน์สิงห์เทินบุษบก ... ตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญ วัดศรีนวลแสงสว่างอารมณ์ บ้านชีทวน อำเภอเขื่องใน อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 26 กิโลเมตร
การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 23 (อุบลราชธานี-ยโสธร) ประมาณ 24 กิโลเมตร จะถึงบ้านท่าวารี (กม.268) มีทางแยกเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านอีก 5 กิโลเมตร
ธรรมาสน์สิงห์เทินบุษบก ... เป็นธรรมาสน์ที่แตกต่างจากธรรมาสน์โดยทั่ว มีรูปลักษณะท้องถิ่น เป็นรูปสิงห์ยืนเทินปราสาท สร้างด้วยอิฐถือปูน ยอดปราสาทเป็นเครื่องไม้เป็นชั้นลดหลั่น บนตัวธรรมาสสิงห์ประดับประดาด้วยกระจกสีต่าง ๆ อย่างสวยงาม
สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2468-2470 โดยพระอุปัชฌาวงศ์ พรหมฺสโร เจ้าอาวาสในสมัยนั้นได้ให้ช่างชาวญวน (ชาวเวียดนาม) ชื่อ เวียง หรือชาวบ้านเรียกว่า แกวเวียง ซึ่งมาขออาศัยอยู่ภายในวัดเป็นผู้สร้างธรรมมาสสิงห์ในส่วนฐานจนถึงยอดธรรมมาส
ศิลปกรรมที่ใช้ในการตกแต่งธรรมมาสสิงห์ .. แม้ว่าจะไม่มีศิลปะไทยผสมอยู่ แต่แนวความคิดก็ได้รับจากคติความเชื่อในเรื่องสิงหาสน์รัตนบัลลังก์ หรือคติฐานสิงห์แบบไทย
กล่าวคือ มีลักษณะเป็นรูปสิงห์ยืนเทินปราสาท (ตัวธรรมาสน์) ซึ่งถือว่าเป็นการไหลหรือการถ่ายทอดของวัฒนธรรมร่วมสมัยกัน สร้างด้วยอิฐถือปูน ยอดปราสาททำด้วยไม้แกะสลักเป็นชั้นลดหลั่นกันลงไป
ศิลปกรรมที่ใช้ในการตกแต่งธรรมมาสสิงห์ .. ประดับตกแต่งลายปูนปั้น และลายเขียนสีแบบศิลปะญวนทั้งหลัง
ใช้ภาพที่มีความในเชิงสัญลักษณ์แบบพุทธศาสนานิกายมหายานแบบจีนผสมกับเรื่องราวในไตรภูมิและชาดกประกอบกัน หล่อหลอมจนเป็นประติมากรรมที่มีคุณค่ายิ่งทางด้านศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านของอีสานที่มีเอกลักษณ์และมีแห่งเดียวในโลก
วัตถุประสงค์ในสร้างธรรมมาสสิงห์นี้คือเป็นที่สำหรับให้พระสงฆ์นั่งเทศน์มหาชาติในงานบุญเดือน 4 หรือบุญผะเหวด หรือบุญมหาชาติเท่านั้น ซึ่งจะจัดขึ้นปีละครั้งตามประเพณีฮีต 12 ของชาวอีสาน
เคยมีผู้อธิบายเกี่ยวกับธรรมาสน์ไว้ว่า การที่ให้พระขึ้นไปนั่งในที่สูงนั้น คงเป็นอุบายของคนโบราณ เพราะคนที่ไปวัดส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ควรอยู่ห่างๆกัน
ธรรมมาสน์หลังนี้มีเกริน หรือบันไดนาคขึ้นลงทางด้านหลัง เกรินนี้ภาษาอีสานจะออกเสียงว่า เกิน … ธรรมาสน์นี้ปกติจะใช้ปีละครั้ง เป็นงานใหญ่ๆ โดยพระจะขึ้นไปนั่งบนปราสาทเวลาเทศน์ และเวลามีงานชาวบ้านจะประดับธรรมาสน์นี้ด้วยตุง แต่ทางอีสานจะเรียก ทุง ทำจากข้าวตอกใหม่ๆ
งานบันไดนาค รั้วกั้น พร้อมกับเสาหงส์เป็นฝีมือของพระอุปัชฌาวงศ์ พรหมฺสโร และนายคำหมา แสงงาม ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (การปั้นแกะสลัก) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่มาเรียนวิชาศิลปะกับพระอุปัชฌาวงศ์
บนเพดาน จะมีภาพจิตรกรรม ทราบมาว่าชาวบ้านเขียนขึ้นเองเมื่อนานมากแล้ว แต่สีสันยังคงสวยมากๆ น่าทึ่งในความสามารถของผู้คนที่นี่ค่ะ
นอกจากธรรมาสน์ชิ้นนี้แล้ว ศาลาอันเป็นที่ตั้งของธรรมมาสก็น่าประทับใจมาก เพราะเพดานของศาลาวาดไว้ด้วยดวงดารา หลายดวง บั้งหัวเสา บัวเชิงเสา ชั้นเชิงกลอน (ตอนระหว่างชั้นหลังคา) ลวดลายฉลุต่างๆในศาลาธรรมาสน์แห่งนี้ดูสวยงามไปหมด
ฉันถือโอกาสเดินดูรอบๆวัด พบสิ่งของเครื่องใช้พื้นบ้านที่น่าสนใจมากๆอยู่จำนวนหนึ่ง หลายชิ้นได้รับการบริจาคจากคนในท้องถิ่นเพื่อให้วัดแห่งนี้จัดแสดง คล้ายๆเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านขนาดย่อม สะท้อนวิถึชีวิต และความศรัทธาของผู้คนในที่นี่
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปกับ พี่สุ
ท่องเที่ยวทั่วโลก กับพี่สุ
ซีรีย์เที่ยวเจาะลึก ประเทศนอร์เวย์
Iceland ดินแดนแห่งน้ำแข็งและเปลวไฟ
Lifestyle & อาหารการกิน แบบพี่สุ
สถานีความสุข by Supawan
โฆษณา