5 พ.ค. 2021 เวลา 06:10 • ประวัติศาสตร์
ถอดรหัสลับ MV เพลง Apeshit
ถอดรหัสลับใน mv เพลง Apeshit
มันคงเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อถ้าผมจะบอกว่า คนผิวสีคู่สามี-ภรรยาสามัญจะสามารถเช่าพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ที่เก็บงานชิ้นเอกของศิลปินระดับปรมาจารย์ เพื่อใช้เป็นที่ถ่ายทำ mv ของตัวเอง
ถ้าทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ Shawn Carter และ Giselle Carter หรือ Jay-z and Beyonce
คู่รักนักดนตรีที่มีทรัพย์สินรวมกัน 43,000 ล้านบาท ถือเป็นต้นแบบของคนผิวดำสู้ชีวิตด้วยการขายเสียงเพลง จากเด็กเดินยาข้างถนน มาสู่คนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับภาพโมนาลิซ่า
ในบทความนี้เราจะมาย่อยประวัติพร้อมถอดรหัสลับที่ซ่อนอยู่ใน mv เพลง Apeshit ของทั้งสองคน อันมีนัยยะทางประวัติศาสตร์มากมาย พวกเขาพยายามจะสื่ออะไร?
.
.
Jay-z, Beyonce เข้าพิธีสมรสกันอย่างเงียบๆในปี 2008 หลังจากคบหาดูใจกันมา 6 ปี ทั้งคู่พบกันครั้งแรกในการแสดง mv เพลง Bonnie and Clyde ของ Jay-z
จากนั้นจึงเริ่มคบกันแบบไม่ออกสื่อมากนัก มีเฉพาะคนวงในเท่านั้นที่รู้เรื่องความรักของคนทั้งสอง ต่างคนก็ต่างทำงานมีธุรกิจรัดตัว ทำให้กว่าจะตกร่องปล่องชิ้นก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร
เจ้าบ่าว Jay-Z เติบโตมาในย่าน Brooklyn, New York เหมือนเด็กผิวดำทั่วไปที่มีดนตรีในหัวใจ พออายุได้ 16 ปี คุณแม่ก็ซื้อวิทยุเครื่องใหญ่ให้เป็นของขวัญวันเกิด และนั่นเองที่ทำให้ Jay-Z หันมาสนใจดนตรีอย่างจริงจัง
หนุ่มน้อยเริ่มจากการเขียนเนื้อเพลงลงกระดาษและเดินแร็ปไปเรื่อยในละแวกบ้าน เมื่อมีโอกาสก็ส่งเดโม่เทปไปให้ค่ายเพลงต่างๆ แต่ก็ไม่มีใครตอบรับเลย จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเปิดค่ายเพลงเสียเองชื่อว่า Roc-A-Fella Records ปี 1995
เรื่องราวหลังจากนั้นถือว่าเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ของวงการฮิปฮอปโลก Jay-Z ไต่เต้ามาจากไม่มีอะไร ทยอยแต่งและปล่อยเพลงฮิตเขย่าชาร์ตออกมาเรื่อยๆ รวมถึงทำธุรกิจอื่นนอกจากดนตรี อย่างเช่น การเปิดบาร์เพื่อดูกีฬาชื่อ 40/40 club ควบคู่กันไป และด้วยทักษะในการบริหารเงิน ทำให้ทรัพย์สินของเขาเพิ่มพูนจนก้าวสู่จุดสูงสุดของวงการ
ในวันนี้ Jay-Z ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองอีกแล้ว เขาคือศิลปินผู้ขายผลงานได้ถึง 125 ล้านชุด, ได้รับรางวัล Grammy Awards อันทรงเกียรติ 22 ครั้ง ติดชาร์ต 100 ศิลปินยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของนิตยสาร Rolling Stones และผันตัวมาทำงานเบื้องหลัง เป็นโปรดิวเซอร์ผลิตศิลปินชั้นนำของโลกมากมาย (พี่เล็ก ฮิวโก้ของไทยเราก็เคยร่วมงานกับ Jay-Z นะครับ)
ด้านเจ้าสาวก็ไม่น้อยหน้ากัน Beyonce Knowles ชาวเมืองฮุสตัน โด่งดังเป็นพลุแตกจากการเป็นนักร้องนำวงเกิร์ลกรุป Destiny Child ถึงแม้ว่าวงจะยุบไปในปี 2006 แต่จากยอดขายที่ทำเงินได้มากที่สุดในหมู่วงเกิร์ลกรุปด้วยกัน ก็ทำให้เธอมีเงินทุนออกอัลบั้มเดี่ยวได้อย่างสบาย
หลังเข้าพิธีวิวาห์กับ Jay-Z ในปี 2008 Beyonce ก็หันมาจับด้านธุรกิจมากขึ้น โดยลงทุนในสตาร์ทอัพหลายโครงการและเปิดแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง สร้างรายได้มหาศาลให้กับครอบครัว
เธอกวาดรางวัลแกรมมี่ไปถึง 23 ครั้ง, ติดทอป 100 บุคคลทรงอำนาจที่สุดในโลกของนิตยสาร Time และกลายเป็นดาวค้างฟ้าในชาร์ต Billboard ทุกครั้งที่เธอส่งเพลงใหม่ออกสู่ตลาด
และด้วยความสำเร็จอันท่วมท้นของเขาและเธอ จึงเป็นที่มาของ mv เพลง Apeshit ซึ่งจัดเป็นการส่งข้อความให้ทั่วโลกรู้ ว่าพวกเขาคือ "The Carters"
.
วิดีโอ Apeshit ถูกปล่อยลง Youtube ในวันที่ 17 มิถุนายน 2018 มีความยาวทั้งสิ้น 6 นาที 8 วินาที และหลังจากที่มันออนไลน์ก็เกิดกระแสวิพากษ์ในวงกว้าง
ไปใช้สถานที่นั้นได้อย่างไร? ต้องปิดพิพิธภัณฑ์ถ่ายเลยไหม? ถ้าใช่ต้องจ่ายค่าเช่าเท่าไหร่? และใช้เวลาถ่ายนานไหม?
คำถามประดังประเดเข้ามาสู่ลูฟร์ จนทางพิพิธภัณฑ์เองต้องยอมเปิดเผยข้อมูลเล็กน้อยคือ ดีลนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 1 เดือน!
คู่สามีภรรยาติดต่อลูฟร์และหลังจากได้ไฟเขียวพวกเขาก็เริ่มวางแผนกันทันที ถือเป็นงานร้อนระดับไฟไหม้เลยนะครับกับการถ่าย mv สเกลใหญ่แบบนี้ด้วยระยะเวลาการเตรียมตัวเพียงน้อยนิด
แต่ผลที่ออกมาคือศิลปะทางดนตรีอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และประเมินค่ามิได้
.
.
ฉากแรกของ mv เริ่มที่ ชายผิวดำคนหนึ่งนั่งก้มหน้าและมีปีกสีขาวสยายอยู่กลางแผ่นหลัง สื่อให้เห็นเรื่องราวในศาสนาคริสต์เกี่ยวกับ The Fallen Angel หรือเทวดาตกสวรรค์ ตามความเชื่อว่าถูกชักนำโดยซาตานให้ก่อกบฏต่อพระเจ้า จนถูกขับไล่ลงมาที่โลกมนุษย์
.
• 00:52 Jay-Z และ Beyonce ปรากฎตัวครั้งแรกใน mv ทั้งสองเลือกสวมเสื้อผ้าสีพาสเทลสดใสที่ดูตรงข้ามกัน และยืนอยู่หน้ารูปภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก The Mona Lisa
กล้องค่อยๆซูมจากระยะไกลของห้องโถงไปหยุดอยู่ตรงใบหน้าของทั้งสาม ฉากนี้เป็นการแสดงสถานะของทั้งคู่ชัดเจน
ภาพ Mona Lisa เป็นภาพที่คนทั่วโลกต่างอยากมาถ่ายรูปคู่ด้วยเพื่อเป็นที่ระลึกอันงาม เช่นเดียวกับ Jay-Z และ Beyonce ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่ในระดับเดียวกัน เปรียบเสมือนภาพ Mona Lisa ที่มีชีวิต
.
• 01:10 คู่สามีภรรยา ยืนจับมือกันอยู่หน้ารูปปั้น Nike of Samothrace เทพีแห่งชัยชนะในความเชื่อของชาวกรีก
รูปปั้นนี้ถูกสร้างขึ้นในยุคเฮลเลนิสต์ครับ ราวปี ค.ศ.200 เพื่อฉลองชัยชนะในศึก The Battle of Salamis หลังกำราบปโตเลมีแห่งอียิปต์ในยุทธภูมิทางน้ำได้สำเร็จ ฝั่งกรีกจึงได้สร้างรูปปั้นนี้ขึ้นมา
ฉากนี้ Jay-Z และ Beyonce ต้องการสื่อถึงชัยชนะของตนเหนือวงการเพลง จากเด็กในสลัมล่าฝันจนมาถึงจุดยอดของปิรามิด รวมไปถึงเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ร้องซ้ำๆว่า "I can't believe we made it" นับเป็นการส่งข้อความที่ตรง และชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
.
• 01:39 Beyonce และแดนเซอร์ร่ายรำอยู่หน้าภาพวาด The Coronation of Napoleon
วาดโดย Jacques-Louis David ปี 1807 The Coronation of Napoleon ถือเป็นอีกภาพที่มีความสำคัญต่อ mv เพลง Apeshit
ในภาพแสดงพิธีบรมราชาภิเษกของจักรพรรดิ Napoleon Bonaparte จัดขึ้นที่มหาวิหาร Notre-Dame ซึ่งในความเป็นจริงท้องพระโรงมีขนาดใหญ่มาก แต่ Jacques-Louis ได้ทำการย่อสัดส่วนของสถานที่ให้เล็กลง และขยายสัดส่วนของคนให้ดูใหญ่ขึ้นเพื่อให้ภาพนั้นดูเต็ม และมีแขกเหรื่อคับคั่ง
การขยายสัดส่วนของคนดูให้ใหญ่เกินจริงนี่เองทำให้ภาพกลายเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่เกินมนุษย์ Beyonce จึงเลือกภาพนี้เพื่อสื่อถึงฐานะของตนที่อยู่เหนือกว่าคนอื่น ดังสำนวนฝรั่งที่ว่า
"Larger than life"
อีกนัยที่ซ่อนอยู่ในภาพคือการสวมมงกุฎให้จักรพรรดิณี Josephine ตามประวัติศาสตร์ นโปเลียนกระทำการบางอย่างอันขัดประเพณีในภาพนี้ คือการหยิบมงกุฎมาสวมด้วยตัวเอง แทนที่จะให้พระสันตปาปาพีอุสที่ 7 ซึ่งปรากฎอยูในภาพด้วยเป็นผู้สวมให้ และยังเป็นคนสวมมงกุฎให้พระนาง Josephine เองอีกด้วย
เหตุผลเพราะนโปเลียนต้องการส่งสัญญาณ 3 อย่าง
1. เขาคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งฝรั่งเศส และอยู่เหนือพระเจ้าชาร์เลอมาญ ซึ่งมีรูปปั้นอยู่ด้านหน้าของ Notre-Dame
2. นโปเลียนและฝรั่งเศสจะไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติของวาติกัน
3. ต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าท่านคือกษัตริย์ในยุคใหม่ที่ไม่ยึดติดกับราชพิธีเดิมๆ และจะไม่นำพาประเทศกลับไปสู่ยุคก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศส
และด้วยนัยยะอันมีความหมายลึกซึ้งนี้เองทำให้ Beyonce เลือกฉากนี้เป็นฉากสำคัญ โดยแสดงให้เห็นความเป็นใหญ่ของเธอในครอบครัว ที่ Jay-Z จะต้องยอมมอบทุกอย่างให้ สวมมงกุฎ และปฎิบัติต่อเธอราวกับเป็นพระราชินีของจักรวรรดิธุรกิจที่ทั้งคู่ช่วยกันสร้างขึ้น
.
• 03:45 ท่อนแร็พของ Jay-z และภาพ The Raft of Medusa
Jay-Z หวดท่อนแร็พของตนความยาว 35 วินาที เบื้องหน้าภาพ The Raft of Medusa อันแสดงถึงเหตุการณ์บนแพชื่อเมดูซ่า ที่พักพิงของเหล่าผู้โดยสารหลังจากประสบอุบัติเหตุเรือรบฝรั่งเศสชนเข้ากับหินโสโครกจนอับปาง
Gericault ศิลปินผู้ต่อต้านการค้าทาสบรรจงวาดภาพนี้เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวบนแพนรกที่เกิดขึ้นจริงในปี 1816
เรือรบของฝรั่งเศสนำโดย Hugues de Chaumareys กัปตันเรือผู้ขาดความเชี่ยวชาญในการเดินเรือเลียบทวีปอัฟริกา ชนเข้ากับหินโสโครกจนกัปตันต้องสั่งสละเรือใหญ่ไปลงเรือชูชีพ 6 ลำ
มีผู้โดยสารทั้งหมด 400 คน แน่ล่ะว่าเรือเล็กๆ 6 ลำย่อมไม่พอ กัปตัน Hughes จึงสั่งให้ต่อแพเล็กขึ้นใหม่เพื่อจุคนเพิ่ม แต่ก็ไม่มีใครอยากนั่ง การแย่งชิงพื้นที่บนเรือชูชีพจึงเป็นไปอย่างดุเดือดถึงขั้นฆ่าแกงกันเลยทีเดียว
ในที่สุด ผู้โชคร้าย 149 คนก็ถูกบังคับให้ลงไปที่แพเล็กกว้าง 10x15 เมตรและผูกสายจูงไว้กับเรือชูชีพลำหนึ่ง โดยกัปตัน Hughes ให้สัญญาว่าจะลากจูงแพนี้ไปจนถึงฝั่ง
แต่เมื่อออกเรือไปเพียง 2 ชั่วโมง เชือกลากจูงก็ถูกตัด ท่ามกลางเสียงกรีดร้องระงมของคนบนแพที่กำลังจะถูกทิ้งให้ตายอย่างทรมาน เพราะมติบนเรือชูชีพออกมาว่าให้กำจัดผู้เป็นภาระพวกนี้ทิ้งเสีย
สิ้นหวัง ท้อแท้ ลอยคออยู่กลางทะเลอย่างไร้จุดหมาย น้ำและอาหารเสบียงหมดลงตั้งแต่วันแรกยิ่งทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลงไปอีก ด้วยขนาดของแพมันก็พออยู่ได้ แต่คนที่อยู่ตรงขอบแพก็จะเสี่ยงอันตรายจากการตกแพ ทำให้ทุกคนพยายามเบียดเข้าไปอยู่ตรงกลางให้มากที่สุด
ผ่านคืนแรก มีผู้เสียชีวิตจากการตกแพทั้งหมด 20 คน
วันที่สองการต่อสู้แย่งชิงพื้นที่ในแพเข้มข้นขึ้น ทำให้มีการฆ่ากันด้วยปืนและดาบถึง 65 ศพ จึงเริ่มมีที่ว่างมากขึ้นและไม่มีใครตกแพตายอีก
ผ่านไป 1 สัปดาห์ประชากรแพก็ลดลงเหลือเพียง 28 คน และอยู่ในสภาพเดนตายเป็นที่สุด ทั้งหมดเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยการดื่มน้ำปัสสาวะ และกินซากศพของคนตายเป็นหลัก
ถึงแม้จะมีที่ว่างมากพอ แต่ความโลภของชาวแพเมดูซ่าก็หาได้สิ้นสุด จัดการผลักคนที่ป่วยและเริ่มทำตัวเป็นภาระลงทะเลไปอีก 13 ศพ ทำให้ตอนนี้เหลือเพียง 15 คนเท่านั้น
ในภาพคือเหตุการณ์ตอนที่ชาวแพเมดูซ่ามองเห็นเรือกู้ภัยอยู่ไกลๆ แต่ตัวแพอยู่เหนือผิวน้ำไม่มากทำให้ยากแก่การมองเห็น ชาวแพจึงตัดสินใจต่อตัวกันเป็นรูปปิรามิด เพื่อให้สะดุดสายตากะลาสี
Gericault ตั้งใจให้ทาสผิวดำชื่อ Jean Charles เป็นผู้อยู่บนสุดของปิรามิด และหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รับการช่วยเหลือจริงๆ แต่อนิจจา ด้วยความโหดร้ายของโรคภัยมากมายในทะเลสุดท้ายก็มีคนรอดเพียง 2 คนเท่านั้น จากจำนวน 149 คน
สิ่งที่ Jay-Z พยายามจะสื่อในภาพนี้คือสัญลักษณ์ที่คนดำอยู่เหนือทุกคนบนแพ เปรียบได้ดั่งตัวเขาเองที่ดิ้นรนมาตั้งแต่เด็ก ค่อยๆอัพฐานะของตนขึ้นมาทีละนิด จนกระทั่งอยู่บนจุดสูงสุดของปิรามิด
มันคือความยอดเยี่ยมของชายผิวดำที่ทำงานหนัก ถึงแม้จะไม่ได้รับการยอมรับ แต่ก็ยังเป็นผู้ที่ช่วยให้คนบนแพรอด เหมือนตัวเขาเองที่อยู่ในฐานะโปรดิวเซอร์ และมีส่วนผลักดันให้หลายชีวิตรอบตัวเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
.
.
อันที่จริง mv นี้ยังซุกซ่อนสัญลักษณ์ไว้อีกหลายจุด อาทิเช่น ความนัยแห่งอิลลูมินาติ, บทบาทของผู้หญิงในโลกยุคปัจจุบัน หรือการเหยียดผิวในวงการกีฬาสหรัฐ
Apeshit นับว่าเป็น mv ที่สื่อสารได้อย่างมีคลาสและผ่านกระบวนการทางความคิดอันเข้มข้น mv หนึ่งของวงการดนตรีครับ
.
.
เกร็ดเล็ก: Jay-Z และ Beyonce เคยมาเที่ยวที่ลูฟร์เมื่อปี 2014 และถ่ายรูปคู่กับภาพวาด Mona Lisa คาดว่ารูปนั้นเองที่ตราตรึงใจทั้งคู่ จนกลายมาเป็น Apeshit ในอีก 4 ปีต่อมา
เกร็ดน้อย: Jay-z ปฏิเสธโอกาสในการแสดงช่วงพักครึ่งของการแข่งอเมริกันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศหรือ Super Bowl เพื่อประท้วงความอยุติธรรมที่มีต่อนักฟุตบอลผิวสี โดยเขาได้ทิ้งเนื้อร้องอันเจ็บแสบไว้ว่า
I said no to the Super Bowl: You need me, I don't need you.
- Xyclopz
โฆษณา