5 พ.ค. 2021 เวลา 12:57 • ประวัติศาสตร์
"ยุทธการเพิร์ลฮาร์เบอร์" ชัยชนะอันยิ่งใหญ่และความผิดพลาดอย่างมหันต์ของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2
1
7 ธันวาคม 1941 ช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังเข้าสู่จุดเดือด สหรัฐอเมริกาถูกท้าทายเป็นครั้งแรก โดยมหาอำนาจแห่งตะวันออกไกลในขณะนั้นอย่างจักรวรรดิญี่ปุ่น ที่ได้นำเอาสงครามมาส่งให้ชาวอเมริกันถึงหน้าประตูบ้าน ณ สถานที่ที่มีชื่อว่า "เพิร์ลฮาร์เบอร์" สร้างทั้งความสูญเสียและโกรธแค้นเป็นอย่างมาก อันเป็นเหตุให้เกิดศึกต่างๆตามมาอีกมากมายหลังจากนั้น บทความนี้จะทำให้คุณได้รู้จักกับเหตุการณ์นี้มากขึ้นครับ
ในยุคที่จักรวรรดิญี่ปุ่นกำลังเรืองอำนาจสูงสุด มีการเมืองที่มั่นคง วิทยาการทันสมัย และกองทัพอันเกรียงไกร ซึ่งได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดแล้วในเอเชียแปซิฟิก ณ ขนาดนั้น และเป็นที่น่าหวาดหวั่นต่อชาติต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก ด้วยนโยบายจักรวรรดินิยมของญี่ปุ่นที่มีมานานหลายสิบปี เพื่อต้องการขยายอิทธิพลและความมั่งคงในการเข้าถึงทรัพยากรของญี่ปุ่นออกไปในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงมีแนวคิดที่จะปลดปล่อยเอเชียซึ่งในขณะนั้นหลายประเทศ ยังคงตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกให้เป็นอิสระ และควบรวบเข้ามาอยู่ภายใต้จักรวรรดิญี่ปุ่น ด้วยแนวคิดที่เรียกว่า "วงไพบูลย์ร่วมแห่งมหาเอเชียบูรพา (Greater East Asia Co-Prosperity Sphere)"
ฟังดูแล้วช่างเป็นแนวคิดที่ตั้งชื่อได้อย่างไพเราะเสนาะหู แต่ถ้าหากจะให้พูดถึงความหมายของมันแบบง่ายๆ ก็คือญี่ปุ่นนั้น ต้องการขยายอำนาจของตนให้ยิ่งใหญ่ และยึดเอเชียคืนจากชาติตะวันตกเพื่อเอามาครอบครองเสียเอง ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชาติแรกๆที่จะได้รับผลกระทบจากแนวคิดอันบ้าคลั่งนี่ คงหนีไม่พ้นประเทศจีน ที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง และกำลังอ่อนแออย่างมากจากความขัดแย้งภายใน อีกทั้งยังเคยพ่ายแพ้แก่ญี่ปุ่นมาแล้วในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ที่ทำให้จีน ต้องเสียดินแดนเกาหลีซึ่งเป็นประเทศราชของจีนในขณะนั้นให้แก่ญี่ปุ่น
2
เสียงปืนได้กลับมาดังขึ้นอีกครั้งในวันที่ 18 กันยายน 1931 เมื่อกองทัพญี่ปุ่นเปิดฉากบุกเข้าสู่ดินแดนแมนจูเรียของจีน โดยได้รับชัยชนะรวมถึงปกครองแมนจูเรียได้สำเร็จ และยังคงเดินหน้ารุกรานจีนต่อไปจนเกิดเป็นสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ วันที่ 7 กรกฎาคม 1937 (บางตำราจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ญี่ปุ่นบุกแมนจูเรีย) ซึ่งสร้างความเสียหายแก่จีนอย่างมหาศาล มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งถูกฆ่า ปล้น ข่มขืน และถูกกระทำการโหดร้ายต่างๆนานา
4
การรุกรานจีนโดยกองทัพญี่ปุ่น
แน่นอนว่าการกระทำของญี่ปุ่นนั้นย่อมได้รับเสียงประณามอย่างมากจากนานาชาติ และเรียกร้องให้ญี่ปุ่นหยุดการกระทำดังกล่าว แต่มีหรือที่จักรวรรดิญี่ปุ่นอันยิ่งใหญ่จะต้องใส่ใจคำพูดเหล่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมีอีกหนึ่งประเทศที่ญี่ปุ่นจะต้องยอมฟังเสียงเรียกร้อง นั่นก็คือสหรัฐอเมริกา
1
กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด การทำสงครามก็ต้องใช้ทรัพยากรฉันนั้น ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะมีกองทัพที่แข็งแกร่งแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ญี่ปุ่นไม่มีและจำเป็นต้องพึ่งพาอเมริกา นั่นก็คือ น้ำมัน ทรัพยากรอันล้ำค่าที่จำเป็นอย่างมากต่อสงครามยุคใหม่ ซึ่งอเมริกามีอยู่เหลือเฟือและเป็นพ่อค้ารายใหญ่แก่ญี่ปุ่นเสมอมานับตั้งแต่เปิดประเทศ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเสียงของอเมริกาถึงมีน้ำหนักต่อญี่ปุ่นมากพอดูเลยทีเดียว
2
การกระทำของญี่ปุ่นที่มีต่อจีนนั้น แน่นอนว่าอเมริกาคือหนึ่งในชาติที่ไม่เห็นด้วยเช่นกัน ฉะนั้นได้ออกมาตรการยกเลิกการส่งออกสินค้าและน้ำมันให้กับญี่ปุ่น พร้อมเรียกร้องว่าญี่ปุ่นจะต้องยุติการยึดครองจีนและถอนกำลังทหารออกไปเสีย
2
การถูกตัดการส่งสินค้าและน้ำมันนั้น สร้างผลกระทบอย่างมากต่อญี่ปุ่น เพราะทำให้มีทรัพยากรไม่พอในการทำสงครามและแผนการขยายจักรวรรดิต้องหยุดชะงักกลางคัน ญี่ปุ่นได้ส่งคณะทูตไปเจรจากับสหรัฐหลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ประสบความล้มเหลว เมื่ออเมริกายังคงยืนกรานในข้อเรียกร้องเดิม ที่ว่าญี่ปุ่นจะต้องยุติการทำสงครามและถอนทหารออกไปสร้างความไม่พอใจแก่ทางญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
เมื่อคุยกันดีๆไม่ได้ก็ต้องใช้กำลัง ญี่ปุ่นจึงวางแผนเปิดการจู่โจมทางทหารต่ออเมริกาทันทีเพื่อเปิดทางในการลำเลียงทรัพยากร และเป็นการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม เนื่องจากญี่ปุ่นมองว่า อเมริกาจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่และเสี้ยนหนามสำคัญ ที่จะขัดขวางการขยายอำนาจของจักรวรรดิญี่ปุ่นในฝั่งแปซิฟิก อีกทั้งในช่วงเวลานั้น ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นแล้ว และญี่ปุ่นตัดสินใจเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ
ฝ่ายกองทัพเรือญี่ปุ่นที่มี จอมพลเรือ อิโซโรกุ ยามาโมโตะ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ ได้วางแผนการโจมตีอเมริกาครั้งนี้มานานแล้ว โดยญี่ปุ่นมองว่าการจะเอาชนะกองทัพสหรัฐที่มีทั้งแสนยานุภาพและทรัพยากรนั้น จะต้องโจมตีอย่างเด็ดขาด รวดเร็วและรุนแรง ทำลายให้สิ้นลงในคราวเดียวให้ได้ เพราะคงไม่ดีแน่หากศึกจะยืดเยื้อ ด้วยเหตุที่ญี่ปุ่นด้อยกว่าในเรื่องของทรัพยากร
อิโซโรกุ ยามาโมโตะ
ญี่ปุ่นได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินจำนวน 6 ลำ ได้แก่ เรือบรรทุกเครื่องบินโซริว, ฮิริว, อะกากิ คากะ, โชคาคุ และซุคาคุ บรรทุกเครื่องบินต่างๆกว่า 400 ลำ เรือประจัญบาน 2 ลำ พร้อมกับกองเรือติดตามอีกนับสิบลำเต็มอัตราศึก มุ่งไปยังสหรัฐอเมริกา เรียกได้ว่าเป็นกองเรือที่ยิ่งใหญ่และเป็นความภาคภูมิใจของราชนาวีญี่ปุ่น
ฝ่ายสหรัฐเองก็สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของกองเรือญี่ปุ่นได้เช่นกัน แต่ไม่อาจทราบถึงจุดหมายที่จะมุ่งไปของกองเรือได้ อีกทั้งอเมริกาเองก็ไม่คาดคิด ว่ากองเรือเหล่านั้นกำลังมุ่งหน้ามายังบ้านของตน เนื่องจากความชะล่าใจที่คิดว่าญี่ปุ่นไม่มีทางจะเดินเรือมาเปิดศึกไกลบ้านขนาดนี้ และคิดไม่ถึงว่ามันจะเป็นที่เพิร์ลฮาร์เบอร์
2
เพิร์ลฮาร์เบอร์นั้นมีความสำคัญต่อกองทัพเรือของอเมริกาอย่างมาก เพราะมันเป็นฐานทัพเรือ ที่เรือรบต่างๆของอเมริกาในแปซิฟิกจะเข้ามาจอดเทียบท่า ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรที่สำคัญต่อกองทัพมากมาย ทั้งเรือ เครื่องบินรบ คลังอาวุธ น้ำมัน ฯลฯ เปรียบเสมือนหัวใจของกองเรือสหรัฐในแปซิฟิกเลยก็ว่าได้ ซึ่งญี่ปุ่นเองก็รู้และต้องการจะยิงตัดขั้วหัวใจนั้นเสีย อีกทั้งด้วยความที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าศึกจะมาถึงหน้าบ้านของอเมริกา ทำให้เพิร์ลฮาร์เบอร์ในตอนนั้นไร้การป้องกันใดๆ
ภายหลังการซักซ้อมและเตรียมการนานนับเดือน วันที่ 7 ธันวาคม 1941 เวลา 07.45 น. ฝูงบินโจมตีระลอกแรกของญี่ปุ่นทะยานขึ้นฟ้าจากเรือบรรทุกเครื่องบินทั้ง 6 และมุ่งตรงไปยังจุดหมายเดียวกัน คือบดขยี้กองทัพเรือสหรัฐให้สิ้นซาก ณ เพิร์ลฮาร์เบอร์ โดยมุ่งเป้าโจมตีไปที่สนามบิน และเรือรบต่างๆที่ลอยลำอยู่
4
กว่าที่ฝ่ายสหรัฐจะรู้ตัว มันก็สายไปเสียแล้วเมื่อฝูงบินของญี่ปุ่นได้มาถึง และเริ่มทำการโจมตีทิ้งระเบิดและตอร์ปิโดอย่างหนัก โดยที่ทหารอเมริกันไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่ระลอกที่สองจะตามมาโจมตีติดๆสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่กองเรือของอเมริกา
1
เรือรบสำคัญของสหรัฐหลายลำถูกจมลงสู่ก้นทะเล เช่น USS Oklahoma, USS Arizona ฯลฯ และอีกหลายลำที่เสียหายอย่างหนักจนแทบใช้ปฏิบัติการไม่ได้ ยังไม่นับรวมเครื่องบินและยุทโธปกรณ์ต่างๆที่ถูกทำลายแทบทั้งหมด เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับของอเมริกาที่มีต่อญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 และทำให้การทหารในมหาสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐแทบจะล่มสลายลงเลยทีเดียว
ศึกครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของฝ่ายจักรวรรดิญี่ปุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่ยิ่ง
ความผิดพลาดประการแรกนั้น คือการที่ญี่ปุ่นยังไม่สามารถระเบิดทำลายคลังเก็บน้ำมัน รวมไปถึงสถานที่ที่สำคัญอื่นๆ เช่น อู่ต่อเรือ ท่าเทียบเรือ หรือแม้แต่โรงซ่อมบำรุง ที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นฟูกองทัพของสหรัฐลงได้ และประการที่สองซึ่งถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่สุด นั่นคือในบรรดาเรือรบจำนวนมากของอเมริกา ที่ถูกญี่ปุ่นจมลงไปนั้น ไม่มีเรือบรรทุกเครื่องบินรวมอยู่ด้วย โดยถือเป็นความโชคดีของสหรัฐที่ ณ ขนาดนั้น เรือบรรทุกเครื่องบินที่ถือเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ และเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีในครั้งนี้ไม่ได้จอดเทียบท่าอยู่ที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นเองก็คาดการณ์ผิดไป จึงทำให้ไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ
1
ความผิดพลาดนี้เองทำให้ความเสียหายที่ทัพเรืออเมริกาได้รับนั้น ถึงแม้จะหนักหนาสาหัสอย่างมาก แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในพิสัยที่จะฟื้นฟูกลับมาได้ อีกทั้งการบุกเข้ามาโจมตีอย่างอุกอาจของญี่ปุ่น ส่งผลให้มีทหารเสียชีวิตกว่า 2,335 นาย หายสาบสูญกว่า 1,143 นาย ซึ่งคาดว่าติดอยู่ใต้ท้องเรือประจัญบานขณะจมลงสู่ทะเล อีกทั้งยังมีพลเรือนเสียชีวิต 68 คน และสูญหายอีก 35 คน เป็นการสุ่มไฟแค้นอย่างแรงกล้าให้แก่ชาวอเมริกัน และกล่าวได้ว่าญี่ปุ่นได้ไปปลุกยักษ์ที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมาแล้ว เพราะหลังจากนั้นสหรัฐอเมริกาซึ่งแต่เดิมอยากจะอยู่อย่างสงบและเป็นกลางได้ประกาศสงครามต่อจักรวรรดิญี่ปุ่นชนิดที่จะเอาให้ตายกันไปข้าง และได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเต็มตัว ทำให้เกิดศึกหลังจากนั้นตามมาอีกมากมายที่จะก่อให้เกิดการนองเลือดและสูญเสียชีวิตของทั้งสองฝ่าย ก่อนที่ญี่ปุ่นและฝ่ายอักษะจะเพลี่ยงพล้ำและพ่ายแพ้สงครามไปในที่สุด
อนุสรณ์สถานเหตุการณ์เพิร์ล ฮาร์เบอร์ รัฐฮาวาย สหร
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก
โฆษณา