Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Infinity
•
ติดตาม
5 พ.ค. 2021 เวลา 10:30 • ไลฟ์สไตล์
ตลอดการใช้ชีวิตสามสิบกว่าปีที่ผ่านมาผมเคยได้ยินมาตลอดว่า “เราอยากจะเป็นอะไรก็ได้ในชีวิตนี้” ซึ่งแน่นอนว่าประโยคปลุกใจแบบนี้ช่วยทำให้ผมรู้สึกอยากเรียนให้หนักขึ้นพยายามดูแลตัวเองให้ดี ใช้เวลาเพื่อเรียนรู้และพัฒนาความสามารถเพื่อสร้างงานและความสำเร็จให้กับชีวิตตัวเองความเชื่อที่ว่า “เราทุกคน” คุณผมเราท่านสามารถเป็นอะไรก็ได้นั้นช่างสวยงามและน่าดึงดูดใจแต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป
อีกอย่างหนึ่งที่เรามักได้ยินบ่อย ๆ คือ
“เราเป็นคนเขียนบทให้กับหนังชีวิตของตัวเอง!”
ประโยคนี้เป็นการกระตุ้นให้เราเป็นคนกุมบังเหียนชีวิตเป็นกัปตันของเรือที่คอยกำหนดว่าต้องไปทางไหนแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ดีและน่าสรรเสริญ แต่เอปิชตีตูส (Epictetus) นักปรัชญาลัทธิสโตอิก (Stoic) กลับมีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตที่แตกต่างออกไปเขาบอกว่า
“จินตนาการว่าคุณเป็นนักแสดงในละครสักเรื่องหนึ่งไม่ว่าสั้นหรือยาว การดำเนินไปของละครนั้นถูกกำหนดโดยผู้กำกับซึ่งก็จะเป็นคนมอบบทบาทให้คุณว่าจะเล่นเป็นคนจน, คนรวย, คนพิการ, ราชา หรือแค่ตัวประกอบทั่วไปคุณซึ่งเป็นนักแสดงนั้นไม่สามารถเลือกตรงนี้ได้เหมือนกับการเป็นนักแสดงมืออาชีพ คุณก็ต้องเล่นบทบาทที่ชีวิตมอบให้อย่างสุดความสามารถส่วนการตัดสินใจว่าบทบาทอะไรที่คุณจะเล่นนั้นอยู่ในมือของคนอื่น”
ครั้งแรกที่อ่านตรงนี้มันทำให้รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก (แถมยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจอีกด้วย) เพราะเคยเชื่อมาตลอดว่าเราเองเป็นคนกำหนดบทบาทในชีวิตเป็นผู้กำกับของละครเรื่องยาวที่ตัวเองเป็นนักแสดงในนั้นแต่เอาจริง ๆ ถ้าลองหยุดแล้วไตร่ตรองถึงสิ่งที่เอปิชตีตูสพูดด้านบนช้า ๆ อย่างไร้อคติแล้วมองโลกอย่างที่มันเป็นจริง ๆ
มันก็จริงที่มีหลาย ๆ อย่างในชีวิตที่เราไม่สามารถกำหนดได้ถูกหยิบยื่นยัดเยียดให้เราแม้เราอาจจะไม่อยากได้และเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้มีครั้งหนึ่งวอร์เรนบัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ถูกถามว่าเขากลายมาเป็นนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่และประสบความสมเร็จที่สุดคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์โลกได้ยังไงสิ่งที่เขาตอบได้ตอกย้ำแนวคิดของเอปิชตีตูสเป็นอย่างดีว่าความสำเร็จส่วนใหญ่มาจากการที่เขาถูกรางวัลในการเกิดมาในครอบครัวที่พร้อมเขาเรียกมันว่า “Ovarian Lottery” เขารู้ดีว่าเขาโชคดีที่เกิดเกินมาเป็นชายผิวขาวในอเมริกาในช่วงเวลาเดียวกันที่หนึ่งในบิดาแห่งการลงทุนแบบ VI (Value Investor) อย่าง Benjamin Graham ยังมีชีวิตอยู่
แน่นอนว่าสิ่งที่บัฟเฟตต์พูดอาจจะเป็นการถ่อมตน
เพราะไม่มีใครเถียงหรอกว่าความสามารถในการลงทุนของเขาไม่มีส่วนให้เขามาถึงจุดนี้ได้
เขาเป็นนักลงทุนที่เก่งกาจและรอบรู้อย่างหาคนเทียบได้ยากแต่คำถามที่เราสนใจคือถ้าเกิดว่าเขาเกิดในประเทศอื่นอย่างประเทศไทยในยุคอื่นเช่นตอนนี้หรือเป็นผู้หญิงจริงอยู่ว่าเขาอาจจะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตแต่จะยังสามารถเป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียงก้องโลกแบบนี้ไหม? มันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับแต่เขาคงไม่ใช่บัฟเฟตต์ที่เรารู้จักในตอนนี้
เราอาศัยอยู่ในยุคสมัยที่ความเชื่อเรื่อง “Limitless Potential” ที่ทุกคนสามารถเป็นอะไรก็ได้ถ้าต้องการทุกคนมีศักยภาพเพียงพอที่จะเปลี่ยนโลกด้วยสองมือเราเห็นคนอื่นบน Facebook, Tiktok, Instagram ที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา เราเห็นคนหนุ่มคนสาวที่เพิ่งจบใหม่กลายเป็นหัวหน้างานเจ้าของธุรกิจร้อยล้าน พันล้าน แต่กลับมามองที่ตัวเองรู้สึกว่าต่ำเตี้ยเรี่ยดินคนรอบข้างมองอย่างตั้งคำถามว่า “ทำไมเรายังทำได้แค่นี้ ไม่มีอะไรให้โชว์เลยเหรอ หรือแค่ห่วยแตกเท่านั้น?”
เราอาจจะคิดว่าเราปลุกใจตัวเองหรือสร้างความหวังเมื่อบอกตัวเองว่า
“เฮ้ย...มึงทำได้มึงจะเป็นอะไรก็ได้ที่ต้องการ”
แต่ความจริงคือเราทุกคนมีลิมิตที่ทำได้ด้วยกันทั้งนั้นบางทีสถานการณ์รอบข้างไม่ได้เป็นใจ บางครั้งหลาย ๆ อย่างรุมเร้าและเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือทำอะไรกับมันได้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลายเป็นเจ้าของบริษัท ไม่ใช่ทุกคนจะต้องเป็นนายของตัวเอง ไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องเป็นผู้ชนะในการแข่งขันอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่ทุกคนที่จะขึ้นไปอยู่บนยอดหอคอยงาช้างแล้วชี้นิ้วสั่งงานนั้นคือสิ่งที่เรียกว่า “ชีวิต” และมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดอะไรเลย
เรามักหลงลืมเรื่องนี้ปัญหาคือว่าเราใช้ชีวิตทุกวันไปกับความคิดที่เต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจชีวิตอาจจะไม่ได้ห่วยแตก เราอาจจะคิดแบบนั้นและคาดหวังให้มันสวยงาม สุข สมหวัง ไร้ขีดจำกัดและแสนพิเศษ ซึ่งเมื่อเกิดช่องว่างของความความคาดหวังที่ไม่มีทางถมได้เต็มความทุกข์กลายเป็นสิ่งที่ตามมาอย่างช่วยไม่ได้
บัฟเฟตต์และเอปิชตีตูสต่างชี้ให้เห็นว่าในชีวิตเราหลายอย่างมันอยู่เหนือการควบคุมมันอาจจะฟังดูแย่และหดหู่ไปสักหน่อย แต่ถ้าคิดให้ดี ๆ ช้า ๆ อีกสักครั้ง ประเด็นที่ทั้งสองคนกล่าวถึงนั้นแม้ว่าชีวิตอาจจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มีหลาย ๆ อย่างที่เราเลือกไม่ได้ แต่มันไม่ได้หมายว่าเราจะทำสิ่งที่เรามีนั้นให้ดีที่สุดไม่ได้ซะหน่อยนี่คือข้อดีของยุคนี้ที่เรามีโอกาสมากกว่าเมื่อก่อนมีโอกาสที่จะยกระดับชีวิตของตัวเอง ในยุคของเอปิชตีตูสนั้นถ้าเกิดมาจน ก็จะจนจนวันตาย แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น
เรื่องความโชคดีหรือสภาพแวดล้อมสังคมต่าง ๆ ที่สร้างโอกาสอย่าง Ovarian Lottery นั้นยังคงเป็นจริงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงครอบครัวที่เราเกิดมา ยุคสมัย สถานะทางสังคมของครอบครัวคนรู้จักและคอนเนคชัน สภาพร่างกาย หรือแม้แต่ความสามารถพิเศษที่มี ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกเขียนเอาไว้ตอนที่คุณเกิด แต่เรายังสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของเราไม่ว่ามันจะมาในรูปแบบไหน เราอาจจะเป็นเพียงนักแสดงคนหนึ่งที่ถูกมอบบทบาทให้ก็จริงแต่เราก็จะเล่นใหญ่จัดเต็มให้โลกเห็นตราบใดที่ยังมีบทให้เล่น
อ้างอิง:
https://ichi.pro/th/epictetus-chiwprawati-doy-yx-khxng-thas-nak-prachya-s-to-xik-236898533114738
https://faithandbacon.com/stoicism/
https://medium.com/darius-foroux/on-doing-what-life-expects-of-you-f4e52982b3c1
https://www.cnbc.com/2018/10/16/warren-buffett-says-being-a-white-man-helped-him-succeed.html
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย