15 พ.ค. 2021 เวลา 02:30 • การเกษตร
• 93 Army Coffee •
MAKE COFFEE NOT WAR
พื้นที่แห่งประวัติศาสตร์ของกองทัพ 93 ทหารจีนคณะชาติ ก๊ก มิน ตั๋ง เดินทางข้ามผ่านกาลเวลาและถ่ายทอดเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่นมาถึงปัจจุบัน และถูกนำเรื่องราวของประวัติศาสตร์นี้สู่แบรนด์กาแฟ “93 Army Coffee Farm” บนดอยผาตั้ง ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
เรื่องราวของ 93 Army เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1949 ปีที่คอมมิวนิสต์ขึ้นมามีอำนาจในประเทศจีน โดยผู้นำเหมาเจ๋อตุง ทำให้กองกำลังทหารจีนคณะชาติก๊กมินตั๋ง นำทัพโดย เจียง ไค เช็ค พ่ายแพ้จากสงครามกลางเมือง จึงต้องอพยพหนีออกจากประเทศ ส่วนหนึ่งถอยทัพเข้ามาในประเทศไทยและส่วนหนึ่งหนีไปที่ประเทศไต้หวัน
จึงทำให้มีกองกำลังทหารพรรคก๊กมินตั๋ง อาศัยอยู่ทั้งในประเทศไทยและประเทศไต้หวัน ซึ่งทั้งสองกลุ่มก็จะคอยให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่ตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีการจัดสวัสดิการสำหรับลูกหลานทหารกลุ่ม เชียง ไค เช็ค ระหว่างไทยและไต้หวัน เช่น สวัสดิการด้านการศึกษาให้ลูกหลานชาวไทย สามารถเดินทางไปเรียนต่อที่ไต้หวันได้ และนำความรู้กลับมาที่ประเทศไทยเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ มีการนำเมล็ดพันธุ์พืชเมืองหนาวจากไต้หวันเข้ามาปลูกในพื้นที่ และทางไต้หวันยังได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ทั้งเรื่องภาษาและการเกษตรอีกด้วย
ฝั่งทหารที่ถอยทัพมาจนถึงประเทศไทยในครั้งนั้น ต่อมารวมตัวกันเป็นกองกำลัง 93 และเริ่มตั้งรกรากอยู่ตามหมู่บ้านบนพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทยกว่า 100 หมู่บ้าน ในสมัยนั้นคอมมิวนิสต์ได้แผ่ขยายอิทธิพลมาถึงดินแดนไทย นายพลเสิ่น เจีย เอิน ผู้บังคับบัญชาการสูงสุด ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่ทัพของพรรคก๊กมินตั๋ง ได้รับการร้องขอจากรัฐบาลไทยให้ทำหน้าที่เป็นกองกำลังหนุนให้กับทหารไทย ร่วมสู้รบหน้าด่านที่ดอยผาตั้ง จ.เชียงราย และได้ทำการยึดพื้นที่กลับคืนได้อีกครั้ง แต่โชคร้ายที่นายพลเสิ่น เจีย เอิน เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับได้รับการขนานนามขั้นสูงสุดว่าเป็นการเสียชีวิตเพื่อปกป้องประเทศไทย มีธงชาติไทยคลุมร่าง และส่งมายังฐานทัพเพื่อทำพิธี ถือเป็นเกียรติอันสูงสุดแด่ชาวกองพล 93 เป็นอย่างยิ่ง
ในสมัยนั้นพื้นที่บริเวณดอยผาตั้งและบนดอยสูงแห่งอื่นๆ มีปัญหาเรื่องการปลูกฝิ่นและการทำไร่เลื่อนลอย ในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ปลูกพืชเมืองหนาวขึ้นทดแทน เช่น ท้อ บ๊วย ชา พลับ และส่วนหนึ่งเป็นพืชที่มาจากประเทศไต้หวันด้วย ซึ่งกาแฟถูกนำมาปลูกในภายหลัง เมื่อพบว่าการปลูกส้มไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร เกษตรกรจึงเดินทางไปดูงานที่ดอยอื่นๆ ทั้งที่โครงการหลวงดอยตุงและดอยช้างซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟอยู่ก่อนแล้ว จึงนำต้นกล้ากาแฟกลับมาปลูกในพื้นที่ดอยผาตั้ง และกลายมาเป็นอาชีพหลักของหลายครอบครัวบนดอยแห่งนี้
93 Army Coffee Farm
บนพื้นที่กว่า 38 ไร่ ของ 93 Army Coffee Farm บนดอยผาตั้ง ถูกแบ่งออกไปเป็นแปลงปลูกกาแฟกว่า 30 ไร่ และอีก 8 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกอะโวคาโด กาแฟที่นี่ปลูกมาแล้วประมาณ 12 ปี โดยการเริ่มต้นจากทายาทรุ่นที่ 2 ของนายพล เสิ่น เจีย เอิน คือ คุณสมชาย เจริญทั้งสมบัติ ซึ่งเรียนจบด้านการเกษตรจากไต้หวัน แล้วนำความรู้ที่ได้กลับมาพัฒนา ส่งเสริมการเกษตรที่ดอยผาตั้ง ทั้งให้ความรู้แก่ชาวบ้าน ส่งเสริมด้านการเกษตร พร้อมกับพัฒนาการปลูกกาแฟที่ได้ต้นกล้ามาจากโครงการหลวง มีคุณลิซ ชไมพร เจริญทั้งสมบัติ ลูกสาวคนโต ดูแลด้านการตลาดและการเพิ่มมูลค่า ภายใต้แบรนด์ 93 Army ที่มีโลโก้เป็นภาพนายพล เสิ่น เจีย เอิน เพื่อเป็นการระลึกเกียรติถึงคุณปู่ ซึ่งก็คือนายพล เสิ่น เจีย เอิน ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่บนพื้นที่แห่งนี้นั่นเอง
“ตอนที่ลูกสาวไปเรียนที่ไต้หวันก็ต้องเรียนไปด้วยและทำงานไปด้วยเหมือนกัน เพราะงบประมาณด้านการศึกษาที่ไต้หวันช่วยสนับสนุนนั้นน้อยลง ไม่เหมือนสมัยก่อน ลิซก็เลยได้ไปทำงานที่ร้านกาแฟ พอปิดเทอมแล้วกลับมาที่บ้าน ก็เห็นต้นกาแฟ เห็นเมล็ดกาแฟ บวกกับประวัติศาสตร์ของคุณปู่และพื้นที่แห่งนี้ จึงมีแนวคิดที่จะเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง
ตอนนั้นเราห้ามมากๆ ไม่อยากให้ทำ เพราะเราคิดว่าเขายังไม่มีประสบการณ์ที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ลิซก็ไม่ฟัง พอเรียนจบเขาก็กลับมาทำร้านกาแฟนี้เลย ล้มลุกคลุกคลานอยู่ 4 ปี กับการทำร้าน 93 Army Coffee” คุณแม่ มะลิวัลย์ แซ่หย่าง เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของ 93 Army Coffee
คุณลิซเปิดร้าน 93 Army Coffee ร้านแรกขึ้นย่านเอกมัย เมื่อปี 2016 และหลังจากนั้นก็ไม่เคยหยุดพัฒนาความรู้ทางด้านกาแฟ ไปสอบได้ Arabica Q grader เพื่อนำความรู้มาพัฒนาคุณภาพกาแฟให้เป็นไปตามมาตรฐานโลก จนส่งออกกาแฟจากดอยผาตั้งไปยังหลายประเทศ และล่าสุดคุณลิซยังคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการแข่งขัน Thailand National Brewer Cup 2020 มาอีกด้วย
กาแฟของ 93 Army Coffee Farm เป็นกาแฟอราบิกาสายพันธุ์คาติมอร์ ที่ปลูกอยู่บนความสูงประมาณ 1,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล หันไปทางทิศตะวันตก อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 20 - 24 องศาตลอดทั้งปี บนดอยผาตั้งจึงเหมาะมากสำหรับการปลูกกาแฟ ซึ่งจะทำให้กาแฟมีบอดี้ รสชาติดีและหวาน ประกอบกับการดูแลเอาใจใส่ที่ดี ใส่ปุ๋ย มีการตัดแต่งกิ่ง และการเก็บผลเชอร์รีที่แดงสุกเท่านั้น ก่อนที่จะไปสู่กระบวนการแปรรูป 2 แบบ คือ Washed Process และ Honey Process
“เพราะเชอร์รีกาแฟของเราได้รับการดูแลเอาใจใส่มาอย่างดีอยู่แล้ว แค่ทำ Process ให้สะอาด ก็สามารถโชว์คาแรคเตอร์ของแหล่งปลูกและสายพันธุ์ที่แท้จริงได้ ดังคำกล่าวที่ว่า Coffee is a fruit so treat them like a fruit ซึ่งท้ายที่สุด พอคนทานกาแฟรสชาติฉูดฉาดมามากๆ แล้วก็อยากกลับมามองหากาแฟที่มีรสชาติสะอาด หวานธรรมชาติ สบายคอ กันบ้าง ซึ่งก็ต้องมาจากเชอร์รีกาแฟที่มีคุณภาพเท่านั้น”
ระบบการทำตลาดที่คุณลิซเข้ามาดูแล ทำให้กาแฟของ 93 Army มีช่องทางในการจำหน่ายกว้างมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ 70% ของผลผลิตจะนำมาใช้เอง โดยส่งลงมาคั่วที่โรงคั่วของ 93 Army ที่กรุงเทพฯ และขายให้กับร้านกาแฟต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการขายผ่าน Platform อย่าง Facebook และ Shopee ทั้งในไทยและไต้หวัน ภายใต้แบรนด์ 93 Army Coffee
“สารกาแฟเราขายภายในประเทศให้กับหลายๆ โรงคั่ว และส่งออกไป อเมริกา ไต้หวัน มาเลเซีย ฮ่องกง มาเก๊า ซึ่งเราจะใช้วิธีการโปรโมทหลักคือการเข้าร่วมงานกาแฟต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ และกาแฟของเรายังเป็นที่สนใจของสื่อโดยเฉพาะสื่อในไต้หวัน เพราะเรื่องราวของ 93 Army มีความเกี่ยวโยงกับไต้หวันค่อนข้างมาก อีกทั้งผู้คนที่ไต้หวันสนใจว่าชีวิตความเป็นอยู่ของลูกหลาน 93 Army จะเป็นอย่างไร ทำมาหากินอย่างไรบ้าง ก็เลยกลับมาโยงเข้าสู่กาแฟ”
นอกจากนี้ยังทำการตลาดอีกหลายช่องทางอย่างต่อเนื่อง เช่น มีการจัดงานกาแฟเล็กๆ หรืองาน Hand brew จัด Workshop ในราคาที่สามารถจับต้องได้ เพราะคุณลิซเชื่อว่าธุรกิจกาแฟจะเติบโตขึ้นได้ต้องมีการเพิ่มพูดความรู้ให้แก่ทุกฝ่าย ทั้งบาริสต้า ผู้ผลิต รวมถึงผู้บริโภคด้วย นอกจากนี้ ยังมีการอัปเดตข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆ ผ่านทาง Facebook อยู่ตลอดเวลา
“เช่นเมื่อตอนโควิด 19 ช่วงต้นปี เราก็ Live ให้คนรักกาแฟร่วมกันบริจาคของ และมีการเปิดประมูลของ รวบรวมเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาล หรือช่วยเหลือในช่วงที่เกิดไฟป่าลุกลามที่เชียงใหม่เมื่อต้นปี”
เมื่อการปลูกกาแฟ ทำร้านกาแฟ และการตลาดของ 93 Army เริ่มลงตัวแล้ว ทางครอบครัว 93 Army ยังกลับมาโฟกัสที่สวนกาแฟมากขึ้นอีกครั้ง โดยต้องการให้ผู้ดื่มกาแฟได้ใกล้ชิดกับกาแฟมากขึ้น จึงเปิดพื้นที่สำหรับการแคมป์ปิ้ง จัดจุดลานกางเต็นท์ 3 จุด ในไร่กาแฟ ให้บุคคลภายนอกสามารถเข้ามากางเต็นท์และสัมผัสกับสวนกาแฟได้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับได้ดื่มกาแฟดีๆ จาก 93 Army Coffee Farm มีกิจกรรมให้ความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับวิธีการชงกาแฟ มีอาหารจีนยูนนานให้บริการ และในอนาคตกำลังจะมีบ้านพักอีก 3 หลัง ให้บริการอีกด้วย
ร่วมเดินทางท่องโลกไปกับเราทั้งรูปแบบนิตยสารและออนไลน์
ติดตามข้อมูลข่าวสารความรู้ด้านกาแฟได้ตามลิงก์ด้านล่าง
โฆษณา