Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คนคิดดัง
•
ติดตาม
6 พ.ค. 2021 เวลา 07:41 • การตลาด
งานเขียนตัวเดียว มูลค่าหลักแสน
คุณอยากสร้างอะไร? "ระหว่างน้ำเปล่าฟรีในกระติก หรือ น้ำดื่มขวดละล้าน"
ผมเขียนเรื่องนี้ไว้ ในบทนึงของหนังสือ The X Writer ครับว่า....
การเขียน มันคือทักษะนึง ที่สามารถทำเงินได้ และมันจะทำเงินได้ไปอีกยาวๆ หลายยุค หลายสมัยเลยทีเดียว
ซึ่งถ้าใครเขียนได้ เขียนเป็น ก็เรียกได้ว่า มีโอกาสทำเงินได้ไม่ยากละครับ
แต่ถ้าใครเขียนไม่เป็น ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกนะครับ
เพราะจริงๆแล้ว การเขียน มันก็คือทักษะแหละ แล้วอะไรก็ตามที่มันเป็นทักษะ.....มันก็ฝึกฝนกันได้ครับ
ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ว่าจะปล่อยให้ตัวเอง เขียนไม่ได้ไปเรื่อยๆ หรือจะลุกขึ้นมาฝึกฝน จนมันชินมือสักที
ไอ้เรื่องลงมือทำนี่......ผมคงไปบังคับใครไม่ได้จริงๆ ก็ลองพิจารณาดูกันเองนะครับ555
และบทนี้....ผมจะมาขยี้ เรื่องการสร้างงานเขียนของคุณ ให้มันมีราคาหลักหมื่น(หรือหลักพัน) กันดีมั้ยล่ะครับ?? พร้อมแล้ว ลุยยยยย
ผมขอเปิดด้วยคำถาม...ตามสไตล์เลยครับ
คุณเคยกินน้ำเปล่า ฟรีๆ ในกระติก ตามร้านอาหารทั่วไปมั้ยครับ?
แล้วเคยเห็นน้ำเปล่าขวดขุ่นๆ ราคา 5 บาท ตามร้านโชว์ห่วยมั้ยครับ?
แล้วน้ำเปล่าราคา 10 บาท ที่ขายๆกันตามมินิมาร์ทล่ะ?
แล้วน้ำเปล่า ราคาขวดละร้อย ในห้างหรูๆล่ะครับ?
แล้วตามทะเลทรายแล้งๆ ที่มันหาน้ำยากๆล่ะ ราคามันจะขวดละเท่าไหร่ รู้มั้ยครับ?
ข้อสุดท้ายนี่...ผมก็ยังไม่รู้นะครับ ว่าราคาเท่าไหร่ เพราะไม่เคยไปซื้อน้ำดื่ม ที่ทะเลทรายเลย5555555
แต่นี่ครับ....ผมมีอะไรมาให้ดูครับ
มันคือ น้ำเปล่าราคาหลักล้านนนนนน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อละครับ ว่ามีน้ำเปล่า ราคาหลักล้าน อยู่จริงๆ ลองไปดูเล่นๆกันได้ที่นี่เลยครับ https://bit.ly/3j9e1rS
คำถามคือ...ตอนนี้คุณอยากสร้างอะไร ระหว่าง "น้ำเปล่ากินฟรีในกระติก หรือ น้ำดื่มขวดละล้าน"
แล้วทีนี้ เราลองมาเปลี่ยนโจทย์กันสักนิดนึงดูดีมั้ยครับ?
ถ้าผมกำหนดให้สินค้า...ในตัวอย่างรอบนี้ คือ "งานเขียน"ล่ะ คุณคิดว่ามันจะเป็นยังไง?
เคยเห็นโบชัวร์มั้ยครับ?....ราคาเท่าไหร่ล่ะ? หยิบฟรี.....ใช่มั้ยครับ?
ถ้าเป็นหนังสือพิมพ์ล่ะ ก็ราคาประมาณ 20฿/ฉบับ
นิตยสารทั่วไปๆ ราคาก็มีตั้งแต่ ฟรี-100(กว่าบาท)
หนังสือที่เราเห็นวางขายเป็นเล่มๆ ตามร้านหนังสือ เล่มนึงก็ประมาณเล่มละ 100-500 บาท
ถ้าราคาแพงขึ้นมาอีกนิดนึง ก็จะเป็นหนังสือที่นำเข้ามา จากต่างประเทศ ราคาประมาณเล่มละ 400-1,000 (กว่าบาท)
แต่นั่นยังดูธรรมดาไปครับ เพราะมันก็แค่งานเขียน ราคาหลักพัน
แต่ที่ผมจะมาเล่านี่ มันคืองานเขียน ราคาหลักหมื่นเฟ้ยยย ซึ่
งต้องบอกเลยว่า สิ่งที่มันจะทำให้ราคา หรือ มูลค่า ของงานเขียนพวกนี้ มันสูงขึ้น ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่งานเขียนครับ
ยังไงหน่ะหรอ...มาดูคำแก้ตัวของผมกัน!!
ก็อย่างที่เห็นในตอนต้นครับ....
ถ้าเราเอางานเขียนใส่ลงไปในโบชัวร์......มูลค่าของมันก็จะฟรีครับ
ถ้าใส่ในหนังสือพ็อคเกจบุ๊ค ก็จะได้อีกราคานึง....ถ้าใส่ในอะไรก็เถอะ....มันจะมีราคาต่างๆกันไป
ผมสรุปออกมาตามประสาได้ประมาณนี้ครับ
งานเขียน เมื่อเราใส่ลงไปที่ไหน ราคาของมันก็จะถูกกำหนดไปตามรูปแบบ ที่เรานำเสนอไงครับ
ฟังดูเวอร์มั้ยล่ะครับ!!
แล้วทีนี้เราจะมาเริ่มสร้างงานเขียนของเราได้ยังไงบ้างละเนี่ย?
เอาแบบง่ายที่สุดเลยนะ พอมีวิธีมั้ย?
มีแน่นอนอยู่แล้วครับ ถึงมันจะไม่ง่ายซะทีเดียว แต่ก็ไม่ยากเกินมือคุณแน่นอน
ยกตัวอย่างจากหนังสือเล่มล่าสุดที่ผมทำขึ้นมาครับ มันช่วยให้สร้างหนังสือได้โดยที่เราไม่ต้องเขียนเลย แถมยังลงรายละเอียดไปถึงด้านการขายอีก
จากหน้าปก ที่ผมใช้คำโปรยว่า “สร้างสุดยอดหนังสือขายดีของคุณ โดยที่ไม่ต้องเขียน และไม่ต้องขาย”
ซึ่งมันมีสองประเด็นครับ คือ ไม่ต้องเขียน กับไม่ต้องขาย
และบทนี้ผมจะขอพูดถึง การเขียนหนังสือ โดยที่ไม่ต้องเขียนครับ
ต้องบอกเลยว่า ยุคนี้ มันเป็นยุคของดิจิตอลแล้วครับ ทุกอย่างบนโลกไปใบนี้เปลี่ยนไปมากๆ
เมื่อก่อน คนก็เขียนกันด้วยมือ แล้วก็เริ่มใช้เครื่องพิมพ์ดีด ในการเขียน แล้วก็มาเป็นพิมพ์บนคอมพิวเตอร์ครับ
ซึ่งนี่ก็ถือว่าสะดวกกันสุดๆแล้วนะ แต่นั่นก็ยังไม่ว้าวครับ
เพราะในตอนนนี้...มันสามารถพิมพ์ด้วยเสียงได้แล้ว แถมไม่จำเป็นต้องเป็นเสียงเราอีกด้วย งงมั้ยล่ะครับ?
จะเอาเสียงใครมาล่ะ ถ้าไม่ใช่เสียงเรา เดี๋ยวผมมาเฉลยให้แน่นอนครับ แต่ก่อนอื่น...ขอพาคุณไปที่เรื่องที่สำคัญกว่านี้กันก่อนครับ
นั่นคือเรื่องของโครงสร้าง ที่จะทำให้หนังสือในจินตนาการของคุณ ออกมาเป็นรูปร่างกันก่อนครับ
เรื่องนี้สำคัญมากๆครับ เพราะถ้าคุณเห็นภาพหนังสือในฝันของคุณอย่างชัดเจน คุณก็จะทำหนังสือเล่มนั้นออกมาได้ง่ายขึ้นมากๆครับ
เพราะผมถูกปลูกฝังจากครูท่านนึงมาว่า...
ความสำเร็จของคนเรา จะเกิดขึ้นสองครั้งครับ ซึ่งครั้งแรก คุณจะมองเห็นมันได้จากในความคิด หรือ จินตนาการของคุณก่อน
และครั้งที่สอง มันจะเกิดขึ้นอีกครั้งในความจริง ตามภาพที่คุณเห็นมัน ยิ่งคุณเห็นมันในความคิดได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมีโอกาสเป็นจริงได้มากขึ้นเท่านั้นครับ
ดังนั้น ในบทนี้ผมจะช่วยให้คุณ เห็นภาพของหนังสือ(หรือ สินค้าจากความรู้)ในฝันของคุณ ได้อย่างชัดเจน แบบจับต้องได้
แบบนี้...ดีมั้ยครับ? พร้อมแล้วมาเริ่มกันครับ และอย่างแรกที่คุณต้องทำคือ
1.)ระบุกลุ่มเป้าหมาย(คนอ่าน) แบบชัดๆ
เพื่อให้คุณสามารถกำหนดว่า จะสอนหรือแบ่งปันเรื่องอะไรบ้าง ให้กับคนกลุ่มนี้ และก็จะช่วยให้คุณเขียนเนื้อหาออกมาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
มันก็เหมือนกับตอนที่คุณ คิดว่าจะแชทส่งข้อความ หาใครสักคนนึงแหละครับ........
เมื่อคุณรู้ว่าจะส่งข้อความหาใคร คุณก็จะสามารถเลือกใช้ คำพูด,เรื่อง,อารมณ์ของข้อความ ที่เหมาะสม ได้ง่ายขึ้นแล้ว
ฉะนั้นการกำหนดเป้าหมายขึ้นมาได้แบบชัดๆนั้น จะทำให้คุณเขียนได้ง่ายขึ้นเป็นกองเลยครับ
2.)กำหนดทิศทาง งานเขียนของคุณ
ก็ทำโครงสร้าง แบบชัดๆขึ้นมาเลยว่า คุณจะบอกอะไรเค้าบ้าง ในแต่ละบท ถ้าให้พูดภาษาไทย เค้าก็เรียกกันว่า "สารบัญ" ไงครับ
ในข้อนี้ ถ้าคุณร่างสารบัญทั้งหมดขึ้นมาได้ งานเขียนของคุณ ก็พอจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างแบบลางๆได้ละครับ
การเขียนสารบัญเนี่ย ผมมีวิธีง่ายๆมาแนะนำครับ ซึ่งวิธีการนี้เค้าเรียกกันว่า “Milestone” คอนเซปท์ของมันคือ “การพากลุ่มเป้าหมายของเรา จากจุด A ไปสู่ จุด B”
ตัวอย่างการทำสารบัญแบบ Milestone
อธิบายเพิ่มครับ...
จุด A คือ จุดที่กลุ่มเป้าหมายของเรา กำลังอยู่ตรงจุดนั้น ซึ่งมีปัญหาอะไรบางอย่าง ที่ยังไม่ถูกแก้ไข
และจุด B คือ จุดที่กลุ่มเป้าหมายของเราต้องการไปสู่จุดนั้น ซึ่งเป็นจุดที่จะทำให้เค้าหลุดพ้นจากปัญหาที่เค้ากำลังเจออยู่ ในจุด A
มาดูตัวอย่างกันครับ
สมมุติว่า กลุ่มเป้าหมายของเราคือ คนที่อยากมีหนังสือผลงานของตัวเองเป็นเล่มแรกในชีวิต แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง?
ดังนั้นจุด A ก็คือ ทำหนังสือไม่เป็น
และสิ่งที่เค้าต้องการก็คือไปยังจุด B ซึ่งเป็นจุดที่เค้าจะรู้วิธีและทำหนังสือเป็น
ทีนี้เราก็เริ่มเลยครับ
ทำโครงสร้างแบบชัดๆขึ้นมาเลยว่า คุณจะบอกอะไรเค้าบ้าง ในแต่ละบท เพื่อให้เค้าไปถึงจุด B ได้
ตัวอย่างการทำสารบัญแบบ Milestone
จากรูปนี้จะแสดงถึง เป้าหมายหลักของหนังสือเล่มนี้ครับ คือ ช่วยให้ผู้อ่านสามารถทำหนังสือได้
ดังนั้นสิ่งที่เราต้องคิด ขั้นตอนต่อมาก็คือ...
ถ้าจะทำหนังสือได้เนี่ย มันต้องรู้อะไรบ้าง หรือต้องทำอะไรบ้าง เราก็ใส่มันลงไป เป็นสารบัญนั่นเอง ก็จะได้ออกมาตามตัวอย่างประมาณนี้ครับ
ถ้าคุณทำตามตามกรอบของ “Milestone” แล้ว
ก็จะทำให้คุณสามารถคิดหนังสือ หรือสินค้าของคุณ ออกมาได้อย่างมีทิศทาง ไม่สะเปะสะปะแล้วล่ะครับ
ซึ่งที่ผมทำให้ดูเป็นตัวอย่างเนี่ย มันแค่คร่าวๆนะครับ เวลาเอาไปใช้จริง ก็ให้คุณประยุกต์ใช้ ตามความเหมาะสมของคุณเลย
และผมบอกตรงๆว่า ไอเดียนี้ ผมไม่ได้เป็นคนคิดได้เองนะครับ
แต่ผมเรียนรู้มากจาก คอร์สนึงที่ชื่อว่า IMT Finding Dollar ที่สอนโดย พี่ก๊วง IMT ซึ่งเป็นพี่คนนึงที่เก่งด้านการตลาดมากๆเลยล่ะ
แนะนำให้เอาตัวเองไปเรียนรู้กับเค้าให้ได้นะครับ รับรองว่า เปิดโลกการสร้างรายได้ของคุณให้กว้างขึ้นมากกว่าเดิมแน่นอนครับ
3.)ออกแบบหน้าปก
ขั้นตอนนี้อาจจะต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์กันสักหน่อยครับ แต่รับรองว่า ไม่ยากจนเกินมือคุณแน่ๆ ให้คุณลองไปที่เว็บไซต์นี้เลยครับ
https://www.canva.com/
ซี่งเว็บนี้จะช่วยให้คุณออกแบบปกได้ง่ายดาย โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีทักษะการออกแบบอะไรมากมายครับ
เพราะเค้ามีแทมเพลต หรือ ตัวต้นแบบ ให้คุณเอาไว้ปรับเพิ่มเติ่ม เปลี่ยนข้อความใส่ภาพเพิ่ม ได้ตามที่ชอบๆเลย
4.)ทำให้เป็นรูปเล่มแบบชัดๆ จับต้องได้
ขั้นตอนนี้เหมือนจะยากที่สุดครับ แต่สำหรับยุคนี้แล้ว ไม่ใช่เลยครับ ผมว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด ใน 4 ขั้นตอนที่เราได้รู้กันมาแล้วด้วยซ้ำ
เพราะด้วยเครื่องมือในยุคนี้แล้ว มันช่วยให้เรา ทำอะไรได้ง่ายๆ สบายๆ จริง
สิ่งที่เราจะมาทำกันในบทนี้ มันคือ Mockup ครับ หรือแปลบ้านๆก็คือ ตัวต้นแบบก่อนที่จะผลิตจริงๆนั่นเอง
แล้วเราจะทำ Mockup ไปเพื่ออะไร?
ก็ตามหลักการ pre order ที่เราได้รู้กันไปแล้ว คือ หาคนซื้อมาก่อน เพื่อปิดประตูขาดทุนไงครับ
ผมจะยกตัวอย่างให้ดูก่อนเลยละกันครับ จะได้เคลียร์ เจ้า Mockup หรือ ตัวต้นแบบที่ผมบอกไว้ มันก็คือนี่ไงครับ
ผมทำ Mockup ขึ้นมา เพื่อเอาไว้โปรโมท หรือขายล่วงหน้า ให้มียอดสั่งจองก่อนที่จะส่งผลิตจริงๆไงครับ หน้าตามันดูสวยงาม น่าจับจองดีใช่มั้ยล่าา
ทีนี้เราจะเรียนรู้วิธีการที่จะทำให้คุณ ได้มี Mockup แบบนี้เป็นของตัวเองบ้างล่ะครับ ให้คุณเข้าไปที่
https://smartmockups.com/
ได้เลย
ซึ่งในเว็บนี้มันให้ใช้งานฟรีได้ 14 วัน แต่หลังจากนั้นก็จะมีการเก็บเงินเป็นรายเดือนล่ะครับ
ไม่ต้องกังวลไป ถ้าคุณยังไม่พร้อมจ่ายตอนนี้
เพราะเราใช้เวลาแค่เพียง 5-10 นาที คุณก็จะได้ Mockup งามๆออกมาแล้วล่ะครับ จากนั้นพอเริ่มมีรายได้แล้ว ถ้าคิดจะลงทุนจริงจัง ค่อยไปซื้อก็ยังไม่สาย
ในเว็บนี้เค้าจะมีเทมเพลตให้เลือกเยอะมากๆ ไม่ว่าคุณจะทำหนังสือ หรือ คอร์สออนไลน์ หรือแม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์อย่างครีม เครื่องสำอางค์ หรือ แม้แต่เสื้อยืด นามบัตร ก็ยังมีเลยครับ
ผมเล่าได้ไม่หมดจริงๆครับ แต่เอาเป็นว่า..
ผมได้จัดทำอีบุ๊ค + คอร์สออนไลน์ ที่คุณจะสามารถไปเรียนรู้เพิ่มเติม ในเรื่องอื่นๆที่จำเป็น ไว้ให้คุณอย่างละเอียดแล้วล่ะครับ
ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย เพราะไม่มีอะไรยากเกินมือคุณแล้วล่ะครับ แนะนำให้ดูแล้วทำตามไปได้เลย ถ้ามีข้อสงสัยอะไร ก็ถามมาได้อีกด้วย
เข้าไปดูรายละเอียดในนี้นะครับ ถ้าอยากเรียนรู้เรื่องนี้ แบบจริงจัง คลิ๊กที่นี่
https://kiddang.com/the-x-writer-book/
เอาล่ะ...ถ้าคุณทำตามขั้นตอนทั้งหมดนี้แล้ว
ก็เท่ากับว่า ตอนนี้คุณก็จะสามารถมองเห็นภาพหนังสือ หรือสินค้าของคุณ ได้ชัดๆ เต็มๆตาแล้ว
ทีนี้ก็เหลือแค่...คุณเอาวิธีการพวกนี้ ไปลงมือทำ เพื่อให้หนังสือ หรือสินค้าในฝันของคุณเหล่านี้ เกิดขึ้นจริงๆได้แล้วครับ
ผมสรุปบทนี้สั้นๆ ให้อีกทีนะครับ
1.)ระบุกลุ่มเป้าหมาย(คนอ่าน) แบบชัดๆ เพื่อให้คุณเลือกใช้ภาษา ตั้งชื่อสินค้า/หนังสือ ให้มันดึงดูดได้แม่นยำ
2.)กำหนดทิศทาง งานเขียนของคุณ และการสร้างสารบัญ โดยใช้แนวคิดแบบ “escape and arrival framework”
3.)ออกแบบหน้าปก ที่เว็บไซต์
https://www.canva.com/
โดยเลือกปรับจากเทมเพลต ที่คุณชื่นชอบ
4.)ทำให้เป็นรูปเล่มแบบชัดๆ จับต้องได้ โดยเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกที่เว็บไซต์
https://smartmockups.com/
แล้วก็ดูวีดีโอที่ผมเตรียมไว้ให้คุณ แล้วก็ทำตามได้เลย
ทำทั้ง 4 ขั้นตอนตามนี้แล้ว คุณก็จะมีหนังสือ หรือสินค้าจากความรู้ของคุณ ที่พร้อมสร้างรายได้กันแล้วล่ะครับ
ถ้าคุณสงสัย หรือ มีคำถามในขั้นตอนไหน สอบถามผมเข้ามาได้เลยนะครับ ถ้าผมตอบได้ จะตอบให้ทันที
แต่ถ้าคำถามไหนที่ผมตอบไม่ได้ จะพยายามหาคนที่มีประสบการณ์จริงมาแชร์ให้ฟังกันครับ
สุดท้ายยย ของบทความนี้...ผมขอความคิดเห็นสักเล็กน้อย จากบทเรียนทั้งหมดที่ผมแชร์ไปหน่อยครับ จะดีร้ายยังไง ขอน้อมรับไว้ เพื่อปรับปรุงพัฒนาให้มันดียิ่งขึ้นครับ
ขอบพระคุณอย่างสูงงง ที่อยู่ด้วยกันมาจนจบคร้าบบบ
ปล.อย่าลืมไปกดรับโบนัสพิเศษ ที่ผมเตรียมไว้ให้ด้านล่างนี้ด้วยนะครับ แล้วพบกันในโอกาสถัดไป^^
***ขอรับโบนัสพิเศษที่นี่
https://kiddang.com/launch-series/
2 บันทึก
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย