6 พ.ค. 2021 เวลา 08:17 • ท่องเที่ยว
...ในปัจจุบันมีจำนวนผู้มีรสนิยมชื่นชมในธรรมชาติและมีกลุ่มชอบวิถีกลางแจ้งประเภคเดินป่า-พักแรม campingในป่าจริงๆ ซึ่งจะอยู่ในส่วนของการขออนุญาต " เพื่อศึกษาธรรมชาติ " ซึ่งสามารถขออนุญาต ตามระเบียบ เงื่อนไข ข้อกำหนดของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลอุทยานแห่งชาติหรือแม้แต่หน่วยงานอื่นๆเช่นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพิ่มมากขึ้น
...ถึงแม้สัดส่วนผู้นิยมจะเพิ่มขึ้นโดยจำนวนแต่ก็มีคนอีกส่วนที่ใจอยากแต่ก็ยังกลัว และโดยส่วนใหญ่ที่กลัวๆก็จะกลัวพวกสัตว์ป่า จะเป็นงูพิษ ช้างป่า ก็สุดแท้แต่จะจินตนาการกลัว ซึ่งถ้าเป็นคนไม่เคย หรือไม่มีคนท้องถิ่นนำทาง ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้มีประสปการณ์อยู่ร่วมด้วยตามระเบียบก็ถือว่ามันอันตราย ดังนั้นการคึกคะนอง ฝ่าฝืนกฎระเบียบที่ทางราชการกำหนดไว้มันจึงเป็นความอันตรายอย่างมีเหตผลรองรับ
...แต่ต่อให้ปฏิบัติตามระเบียบถ้าหากเกิดความบกพร่องผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ไปตายง่ายๆในป่าได้ ซึ่งคงจะเศร้า ผมเคยเจอสถานการณ์ที่เพื่อนร่วมทางคนหนึ่งหวุดหวิดจะตายในป่าลึกเพราะความสะเพร่าของเธอเอง
...เพื่อนผมเป็นผู้หญิงอยู่ในวัยแข็งแรง สภาพร่างกายโดยรวมสุดแข็งแรงเพราะเป็นนักกีฬาเทนนิสแถมเล่นกีฬาอื่นๆแทบทุกชนิดเป็นหญิงแกร่งระดับสตรีเหล็ก แต่คนเราก็มีจุดด้อยไม่ว่าจะใหญ่เล็ก เพื่อนของผมก็มีจุดด้อยเพียงจุดเล็กๆนันคือเป็นโรคภูมิแพ้
...ครั้งที่เกิดเหตุเป็นครั้งที่เธอตามผมไปเดินป่า ซึ่งเป็นกิจกรรมปกติที่พวกผมทำๆกันมาในทุกๆวันหยุดยาว
...ท่ามกลางสายฝนปรอยๆในป่าลึก ระหว่างที่เราต้องเดินทั้งลุยน้ำ ลงห้วย หลบหนามไหน่ มุดเถาวัลย์ดั้นด้นในป่าดิบทึบ สลับทางโล่งช่วงที่เป็นทางด่านของสัตว์ป่า เป้าหมายจะไปแค้มป์ที่น้ำตกใหญ่ข้างหน้าซึ่งน้อยคนที่จะเคยเข้าไปได้ พวกเราลุยๆกันอยู่ก็ไม่รู้ว่าเธอไปโดนมด แมง แมลง หรือไปสัมผัสกับต้นอะไร รึตัวอะไรเข้าให้ ซึ่งคนอื่นๆที่เดินตามๆกันไปไม่มีใครโดน ไม่พบเจอ ไม่เห็นสิ่งแปลกประหลาดแมลงมีพิษอะไรเท่าที่ประสปการณ์ผ่านป่ามามากมายหลากหลายของพวกผมมี
...เพื่อนผมมีอาการคันตามผิวหนังแล้วเริ่มออกอาการเห่อขึ้นผื่นลมพิษ พวกเรารีบหาลานโล่งริมลำธารแล้วหยุดเพื่อปลดเป้ให้เธอหายาแก้แพ้อันเป็นยาแก้โรคภูมิแพ้โรคประจำตัวของเธอที่เธอต้องพกประจำตัวไป ระหว่างนั้นอาการบวม ขึ้นเห่อ หอบ หายใจไม่ได้ แขนขาอ่อนล้า กะปลกกะเปลี้ย เรี่ยวแรงหมด ออกอาการขยายลุกลามอย่างรวดเร็ว
...จากคนที่ดูปกติๆอยู่เมื่อตะกี้ ไม่ถึง 10 นาทีเธอขึ้นอืดบวมฉึ่งกลายเป็นคางคกนินจา แต่เป็นคางคกนินจาที่อยู่ในท่านอนแผ่นิ่งไม่ไหวติงไม่ขยับ
.. จากสาวสปอร์ตแข็งแกร่งผู้ลุยแหลก อึดถึก บึกบึนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ กลายเป็นคนที่ตอนนี้แค่จะขยับเพื่อรื้อเป้ควานหาแพคยาเธอยังหาไม่ไหว จึงเป็นหน้าที่ของเพื่อนๆคนอื่นๆช่วยปลิ้นเป้รื้อหาให้แต่จะรื้อค้นสักเท่าไหร่ก็กลับไม่เจอ
...เธอลืมยา !!!
...เธอลืมยาก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะทุกๆคนก็พกแพคยาชุดปฐมพยายาบาลฉุกเฉินกันมา ในนั้นก็มียาแก้แพ้อยู่ด้วยแต่มันเป็นยาแก้แพ้ ลดน้ำมูกทั่วไปที่เราเห็นๆกันตามร้านขายยาที่กฎหมายและร้านขายยาสามารถขายได้ในบ้านเรา จึงเอาให้เธอกินด้วยคิดว่าถึงแม้จะไม่หาย มันก็คงจะช่วยได้ในระดับบรรเทา แต่เธอไม่ได้เป็นภูมิแพ้แค่เท่ห์ๆธรรมดาๆ เธอเคยบอกกับผมว่าเธอเคยแพ้หนักถึงขั้นเกือบตาย ต้องเข้า ICU
...ยาก็กินแล้ว แต่กินเข้าไปแล้วดูอาการก็เหมือนว่ายาจะสูญเปล่าไม่มีผลช่วยให้อาการกระเตื้องขึ้นแต่อย่างใด
...จากอาการผื่นเห่อ ตัวบวม หายใจไม่ออก ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับแขนขาอะไรเธอทำได้แค่พูดได้แบบติดๆขัดๆ และตอนนี้ไขว่คว้ามาจับมือเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่ใกล้สุดแล้วบีบเกร็งแน่น ท่ามกลางหมู่เพื่อนๆที่คอยช่วยนวด ช่วยวีพัด บ้างช่วยเอาเสื้อกันฝนกางกันฝนเพราะฝนก็เริ่มตกหนัก เธอทำปากขมุบขมิบ พะงาบๆ พยายามคั้นคำพูดบอกเพื่อนเหมือนคนที่กำลังจะขาดใจตาย ผมซึ่งนั่งช้อนหัวเธออยู่ใกล้ๆก็ได้ยินเสียงแผ่วโผยนั้นได้ ว่า
..." ปวดขี้ "
...เหยยย!!!เธอปวดขี้อะไรกันในตอนนี้ ในหน้าสิ่วหน้าขวานนาทีที่เธอหมดแรงแบบนี้!!! จากการสอบถามเพื่อนที่เป็นหมอในภายหลังเค้าบอกว่าร่างกายทุกอย่างไม่สามารถควบคุบอะไรได้ เพื่อนที่แพ้จะเกิดอาการขี้ไหลถ้าอาการมันหนักได้ที่ เพื่อนผู้หญิงที่อยู่ดูแลอยู่ใกล้ๆก็ตะโกนบอกว่า " พวกผู้ชายหลบไปไกลๆ พี่เปียจะขี้!!!"
...คือเธอไม่มีแรงแม้แต่จะขยับแต่เธอจะต้องขี้ ในชั่วโมงนี้ นาทีนี้ เพื่อนๆผู้หญิงที่รายล้อมก็มีหน้าที่ต้องช่วยกัน ผมน่ะหลบมาตั้งแต่ได้ยินคำแผ่วๆจากปากเธอในตอนนั้น แต่พอจะเดาๆนึกภาพเอาได้ว่าเพื่อนๆผู้หญิงก็ต้องช่วยเธอถอดกางเกงพยุงร่างกายหิ้วปีกเพื่อให้เธอสามารถขี้ได้ในสภาพที่สุดแสนจะทุลักทุเล ส่วนขี้เสร็จใครจะช่วยเช็ดผมก็ไม่กล้าถาม
...พักใหญ่ๆผู้หญิงก็ตะโกนเรียกให้พวกผมกลับไปที่จุดปฐมพยาบาลได้ ซึ่งตอนนี้ย้ายที่ใหม่คนป่วยได้ถูกพยุงกึ่งๆหามย้ายห่างออกมาจากจุดเดิมพอสมควร และไม่รู้ว่าเป็นเพราะยาแก้แพ้ของคนอื่นๆอันเป็นยาแก้แพ้ธรรมดาๆ หรือเป็นเพราะเธอขี้ออกมาจึงทำให้อาการของเธอค่อยๆ ซาๆ ทุเลาลงๆ เริ่มจากหายใจได้มากขึ้น แขนขาค่อยขยับได้มากขึ้น แล้วตามมาด้วยผื่นเห่อ บวมตามร่างกาย และใช้เวลาร่วมๆ 3 ชั่วโมงเธอถึงพอที่จะเดินต่อตัวเปล่าได้ ส่วนเป้สัมภาระก็เพื่อนๆช่วยกันแบ่งข้าวของกระจายๆเฉลี่ยแบกกันคนละชิ้น คนละอัน
...ถึงแค้มป์เธอก็นอนพักฟื้น เราแค้มป์กันที่จุดสุดท้าย 1 คืนในทริปเดินป่า 4 วัน 3 คืน เช้ามาเธอก็ตื่นเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งอาการของคนหมดสิ้นแล้วทุกอย่างขนาดต้องให้เพื่อนร่วมทริปต้องช่วยหิ้วปีกหามไปขี้ และเกือบตายเอาชีวิตไปทิ้งไว้ข้างหลัง มันเป็นบทเรียนที่เกือบต้องแลกด้วยชีวิต ผมยังจำภาพเหตุการณ์ทุกอย่างได้ติดตา โดยเฉพาะตอนเธอรวบรวมเสียงเปล่งวาจา ผมเห็นความเวิ้งว้าง เหมือนคนสิ้นหวังในสายตาตอนที่เธอพูดกับเพื่อนออกมาว่า...ปวดขี้!!!
...บทเรียนที่สอนให้เธอต้องจำเอาไว้ว่า
..." อย่าลืมยาประจำตัว "
...ลืมพกยา เท่ากับฆ่าตัวเอง
โฆษณา