7 พ.ค. 2021 เวลา 02:30 • ประวัติศาสตร์
การพิสูจน์สาวพรหมจารีของจีนในสมัยโบราณ
ค่านิยมเรื่องพรหมจารีสามารถพบเจอได้ทั่วโลก ก็เหมือนกับสังคมไทยได้ยึดถือพรมหมจารีเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องรักนวลสงวนตัว ห้ามมีเพศสัมพันธ์กับใครก่อนแต่งงาน เพราะฉะนั้นในจีนเองก็เช่นกัน ในประเทศจีนสมัยโบราณนั้นจึงมีการพิสูจน์สาวพรหมจารีด้วยกันหลายวิธี ส่วนใหญ่ก็เพื่อถวายตัวสาวพรหมจารีแด่จักรพรรดิ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ความเชื่อที่ได้ค่อยๆจางหายไป ดังนั้นจึงมีการบันทึกการพิสูจน์สาวพรหมจารีตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (ค.ศ.220) รวมทั้งพูดถึงยาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหญิงสาว และการตรวจร่างกายที่เปลือยเปล่า ภายหลังจึงเกิดการพิสูจน์สาวพรหมจารีด้วยวิธีประหลาดต่างๆอีกมากมาย ที่เกิดขึ้นมากมายในประวัติศาสตร์จีน
1.ดูเลือดที่ออกจากการเสียสาว
ผู้คนทั่วไปมักเชื่อว่าหากการเป็นสาวบริสุทธิ์ เมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจะต้องมีเลือดออกมาเนื่องจากเยื่อพรหมจารีฉีกขาด เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเจ้าสาวมีเลือดออก เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากแต่งงานแล้ว บ้านฝ่ายชายจะส่งคนไปแจ้งข่าวดีแก่บ้านฝ่ายหญิง สำหรับบ้านฝ่ายหญิงก็จะรู้สึกยินดีมีเกียรติอย่างยิ่ง
ทว่าในยุคโบราณก็จะมีการลวงตาเจ้าบ่าวได้เหมือนกัน ด้วยการเตรียมผ้าขาวที่เปื้อนเลือดจากหงอนไก่ ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืนหลังเสร็จกิจผู้หญิง จะแอบนำผ้าที่เลอะเลือดออกมาเพื่อให้คนเห็น และเข้าใจว่าตนเองเป็นสาวบริสุทธิ์ นอกจากนี้ยังมีการใส่เลือดไก่ไว้ในกระเพาะปลาที่เย็บปิดเข้าด้วยกัน แล้วสอดเข้าไปในอวัยวะเพศก่อนประกอบกามกิจ เมื่อเสร็จกิจก็จะมีเลือดไหลออกมา
2. การดูสรีระ หางตา และการเปลี่ยนแปลงของสีผิว
การสังเกตสรีระก้ช่วยให้ทราบว่าผู้หญิงคนนั้นมีประสบการณ์ทางเพศหรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับความเปลี่ยนแปลงของสรีระก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ อีกหนึ่งจุดสังเกตคือบริเวณหางตา หากมีหางตาที่เป็นสีชมพูอมแดง แสดงว่าพึ่งเสียความบริสุทธิ์ไป แต่หากมีหางตาที่คล้ำก็แสดงว่าเสียความบริสุทธิ์มานานแล้ว วิธีนี้สามารถใช้ได้เฉพาะสาวน้อยหรือสาววัยรุ่นเท่านั้น เนื่องจากสาวแก่หรือสาวใหญ่มักมีริ้วรอยหมองคล้ำตามธรรมชาติ ส่วนผู้หญิงที่ผิวขาวเนียน หลังจากการมีเพศสัมพันธ์ผิว หน้า และผิวกายจะเป้นสีชมพูระเรื่อๆ เพราะเชื่อว่าสาวพรหมจารีจะมีเลือดสูบฉีดแรง
3.ดูคิ้วและเต้านม
จินเซิ่งท่าน (ค.ศ.1608-1661) นักเขียนและนักวิจารณ์วรรณกรรม ปลายสมัยราชวงศ์หมิง ต้นราชวงศ์ชิงเคยเขียนเอาไว้ว่า “ ดูอก ดูคิ้ว สองสิ่งนี้สำคัญที่สุด เป็นการดูหญิงที่เพิ่งเสียสาว ” กล่าวกันว่าขนคิ้วของสาวพรหมจารีนั้นเรียวราบเรียบ เต้านมเต่งตึงชูชัน ส่วนหญิงที่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว ขนคิ้วจะชูชันจากผิวหนัง เต้านมหย่อนยาน ความเชื่อนี้ได้เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายในสังคมจีนสมัยก่อน
4.ผงตุ๊กแกพิสูจน์ความบริสุทธิ์
การแต้ม “โส่วกงซา” บนชีพจรขวาของทารกหญิงแรกเกิดเพื่อแสดงเครื่องหมายของหญิงสาวพรหมจรรย์ เป็นความเชื่อเรื่อยมา และเชื่อกันอย่างกว้างขวางในสมัยราชวงศ์ซ่ง
จากการสืบค้น โบราณว่ากันว่าโส่วกงซาทำจากการจับตุ๊กแกตัวเมียชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนสีได้ ในฤดูสืบพันธ์ สมัยโบราณเรียกว่า “จูกง”( 朱宫) มาตำรวมกับแร่ซินนาบาร์ จะได้สีแดงพรหมจรรย์ดังกล่าว ส่วนได้ผลจริงหรือไม่ เป็นความเชื่อล้วนๆ ภายหลังหลี่สือเจิน หมอสมุนไพรจีนในยุคราชวงศ์หมิง ได้ทำการทดลองใช้ผงตุ๊กแกหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะบันทึกในตำราเภสัชวิทยา “ เปิ้นเฉ่ากังมู่ ” ว่าการใช้ผงตุ๊กแกทดสอบสาวพรหมจารีเชื่อถือไม่ได้
5. หยดเลือดตรวจพิสูจน์
คนจีนโบราณมีความเชื่อว่า หากหยดเลือดของสาวพรหมจารีลงในน้ำแล้ว เลือดจะจับตัวเหมือนไข่มุก และจะไม่กระจายตัวในน้ำ
อย่างไรก็ตาม วิธีพิสูจน์สาวพรหมจารีของจีนที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงความเชื่อส่วนหนึ่งเท่านั้น หลายประเด็นทางด้านวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันได้ยืนยันแล้วว่าไม่เป็นความจริง แม้ว่าค่านิยมเรื่องเหล่านี้ยังมีอยู่ แต่วิธีการในอดีตค่อยๆ จางหายไปกระทั่งถึงทุกวันนี้ การพิสูจน์สาวพรหมจารีก็แทบจะไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป
โฆษณา