- ตัว K เป็นคู่ตัวอักษรกับตัว C และตัว K ปรากฏในฐานะเป็นตัวอักษรใช้แทนตัว C ในคำบางคำ
- ตัว I เป็นได้ทั้งสระและพยัญชนะ เมื่อเป็นพยัญชนะจะออกเสียงเป็นตัว J ในภาษาอังกฤษ การใช้ I เป็นพยัญชนะมีมาจนถึงเมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อน
- ตัว V เป็นได้ทั้งสระและพยัญชนะ เมื่อเป็นสระจะออกเสียงเป็นตัว U ในภาษาอังกฤษ ซึ่งตัว U เริ่มเขียนแยกจากตัว V ในช่วงยุคกลาง แต่ตำราเรียนภาษาละตินที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษหลายเล่มจะใช้ตัว U แทนตัว V ตอนเป็นสระ (บทความที่มีคำภาษาละตินของผมจึงใช้ตัว U ตามตำราเรียนภาษาละตินส่วนใหญ่)
- ตัว Y และ Z ปรากฏเฉพาะในคำยืมที่ภาษาละตินได้รับจากภาษากรีกโบราณ ซึ่งรับเข้ามาใช้ในอักษรละตินคลาสสิก หลังโรมันยึดครองกรีซได้ในช่วงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล
จากนั้น ถึงเกิดการเขียนแยกกันเป็นอักษรโรมันตัวใหญ่กับตัวเล็กอย่างชัดเจนในภาษาละตินยุคกลาง พร้อมกับนำตัวอักษร W เพื่อแทนเสียงในกลุ่มภาษาเยอรมานิก ซึ่งไม่มีในเสียงภาษาละตินยุคกลาง เมื่อถึงช่วงประมาณยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ถึงได้เริ่มแยกตัว U ในฐานะสระจากตัว V และตัว J ในฐานะพยัญชนะจากตัว I
แผนภาพสรุปวิวัฒนาการและความสัมพันธ์ของฟอนต์ต่าง ๆ ของอักษรโรมันตั้งแต่อดีต เริ่มต้นที่อักษรโรมันตัวใหญ่แบบจารึก (ต้นแบบของฟอนต์ Trajan ในปี ค.ศ.1989) และอักษรโรมันตัวใหญ่แบบรุสติค การวิวัฒนาการเกิดอักษรโรมันตัวเล็กและการเพิ่มตัวอักษร J U W ในภายหลัง [Credit แผนภาพ : User ‘Squidonius’ @ Wikimedia.org]