8 พ.ค. 2021 เวลา 04:35 • กีฬา
🏆The Battle of England🏆.
🏆ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2020/21 ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
🏆เป็นการโคจรมาพบกันของสองทีมจากอังกฤษ คือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เข้าชิงครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ต้องดวลกับ “สิงห์บลูส์” เชลซี ที่เข้าชิงรายการนี้เป็นหนที่ 3 ของสโมสร
🏆เป๊บ กวาร์ดิโอล่า สามารถพาทีมเข้าชิงรายการนี้เป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่ที่เขาทำหน้าที่เป็นกุนซือ
🏆2 ครั้งแรกคือการพา “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ทั้ง 2 สมัยในปี 2009 และ 2011 ด้วยการปราบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทั้ง 2 ครั้ง
🏆หลังจากนั้นเขาย้ายไปทำงานกับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค แทนที่ของ จุปป์ ไฮย์เกส แต่ไม่ประสบความสำเร็จในถ้วยยุโรป
1
🏆ดีที่สุดคือการพาทีมทะลุเข้ารอบตัดเชือกได้ 3 ฤดูกาลติด แต่ก็ต้องตกรอบด้วยน้ำมือของทีมจากสเปน อย่าง เรอัล มาดริด (2013-14), บาร์เซโลน่า (2014-15) และ แอต มาดริด (2015-16)
🏆มาในปีนี้สิ่งที่เขาอยากจะประสบความสำเร็จกับต้นสังกัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากที่สุดคงหนีไม่พ้นรายการนี้ หลังจากพาทีมกวาดมาทุกแชมป์ในประเทศ ตั้งแต่เข้ามาทำงานเมื่อปี 2016
🏆นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ แมนฯซิตี้ เข้าชิงในรายการนี้ด้วย พวกเขาเคยทำได้ดีที่สุดคือการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฤดูกาล 2015-16 ในยุคของ มานูเอล เปเญกรินี่ คุมทัพ
🏆ส่วนทางฝั่ง เชลซี ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากออกสตาร์ทได้ไม่ดีนัก ทีมมีปัญหาในมุ้งจนนำมาสู่การปลด แฟร้งค์ แลมพาร์ด ออกจากการทำหน้าที่กุนซือและให้ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาคุมทีมเมื่อ 26 มกราคม ที่ผ่านมา
🏆ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา.. ผลงานของ เชลซี พลิกจากหลังตีนเป็นหน้ามือทันที ฟอร์มดีขึ้นทันตาเห็น พวกเขากลับมามีลุ้นคว้าอันดับท็อปโฟร์ในลีก
🏆แถมยังทะยานเข้าชิงบอลถ้วย เอฟเอ คัพ เจอคู่แข่งที่ไม่ได้ห่างอย่าง “สนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ สำคัญที่สุดคือการล้ม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 3-1
🏆นับว่าเป็นการเข้าขิงในรายการนี้หนที่ 3 ของพวกเขา ครั้งแรกคือการดวลจุดโทษพ่ายให้กับ แมนฯยูไนเต็ด ที่มอสโกว์ ในฤดูกาล 2007-08 ที่มีเหตุการณ์สำคัญคือ จอห์น เทอร์รี่ ลื่นในการยิงจุดโทษลูกตัดสิน
🏆ส่วนครั้งที่สองคือการไล่ตามตีเสมอ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค 1-1 ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 88 จากลูกโขกของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา จนท้ายต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษครั้งนี้พกดวงมาด้วย แม่นกว่าชนะไปได้ 4-3 คว้าแชมป์ถ้วยนี้หนแรกของสโมสร
🏆การเข้ามาทำงานของ โธมัส ทูเคิ่ล ได้เปลี่ยนโฉมของ เชลซี ทันทีด้วยระบบการเล่น 3-4-2-1 หรือบางครั้งก็ปรับเป็น 3-4-3 ตามสถานการณ์
🏆พวกเขาเป็นทีมที่เสียประตูน้อยมาก สถิติที่น่าสนใจนับตั้งแต่ที่ ทูเคิ่ล เข้ามาคุมทีมคือลงเล่นไป 24 เกม เก็บคลีนชีตได้ถึง 18 นัด เรียกได้ว่าเกมรับแข็งแกร่งทั่วแผ่นจริง ๆ
🏆เขาทำให้ เชลซี กลายเป็นทีมที่เล่นเน้นผลการแข่งขันและมีประสิทธิภาพสุด ๆ ราวกับล็อคสกอร์ได้ สังเกตดูผลสกอร์ของเชลซี มักจะจบลงด้วยการชนะ 1-0, 2-0 ซะเป็นส่วนใหญ่
🏆นอกจากนี้ เชลซี ในฤดูกาล 2020-21 ยังมีความคล้ายคลึงกับทีมในซีซั่น 2011-12 ที่ปลด อังเดร วิลาส-โบอาส ออกจากตำแหน่งกุนซือ และให้ โรแบร์โต้ ดิ มัตติโอ เข้ามาคุมทีม
🏆ในปีนั้นทีมสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ อังกฤษ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองชนิดที่ไม่มีใครคาดคิด
🏆ส่วนปีนี้ทุกอย่างราวกับเขียนบทเดิม คือการปลด แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล เข้าชิงเอฟเอ คัพ อังกฤษ Vs (เลสเตอร์) และเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก Vs (แมนฯซิตี้)
ความเหมือนของเชลซี ฤดูกาลนี้กับซีซั่น 2011-12
🏆เชลซี 2011-12🏆
4 มีนาคม 2012 ปลด อังเดร วิลาส-โบอาส ตั้ง โรแบร์โต้ ดิ มัตติโอ
5 พฤษภาคม 2012 คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ (ชนะ ลิเวอร์พูล 2-1)
19 พฤษภาคม 2012 คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (เสมอ บาเยิร์น มิวนิค ในเวลา 1-1 ดวลจุดโทษชนะ 4-3)
🏆เชลซี 2020-21🏆
26 มกราคม ปลด แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล
17 เมษายน เข้าชิงเอฟเอ คัพ อังกฤษ (ดวลกับ เลสเตอร์ ซิตี้).
5 พฤษภาคม เข้าชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ดวลกับ แมนฯซิตี้)
🏆น่าสนใจว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยเดิมหรือไม่ ?
🏆โธมัส ทูเคิ่ล จะกลายเป็นฮีโร่ที่มาถูกที่ถูกเวลา หรือจะเป็น เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ที่เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
🏆นัดชิงชนะเลิศ 29 พฤษภาคมนี้ ที่ อตาเติร์ก อิสตันบูล ประเทศตุรกี สังเวียนแห่งนี้ ลิเวอร์พูล เคยสร้างปาฏิหาริย์พลิกนรกใส่ เอซี มิลาน มาแล้ว
อีกไม่นานเกินรอ.. เราจะได้รู้กัน 🏆🏆🏆
#goalstorm #โกลสตรอม #แมนซิตี้ #เซลซี #ชิงยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก
โฆษณา