เหตุการณ์แบบสุ่มเกิดขึ้นในธรรมชาติเสมอๆ แต่ system 1 จะพยายามลดการสงสัย และหาความเชื่อมโยงของข้อมูลเท่าที่มี (WYSIATS - what you see is all that is) เพื่อรีบสรุป ‘ข้อเท็จจริง’ ให้กับทุกๆเหตุการณ์ เพื่อคงความรู้สึกสบายใจของเราไว้ (ความสบายใจทำให้ไม่ต้องใช้พลังงานเปิด system 2) - การดึงข้อมูลจากความทรงจำที่ดูจะเชื่อมโยงกันได้ขึ้นมารวมกันเพื่อสร้าง ‘เหตุผล’ ให้กับเหตุการณ์ต่างๆนั้นเป็นไปโดยอัตโนมัติ เพราะ system 1 เก็บข้อมูลไว้เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันอยู่แล้ว ทำให้เรามักจะมองเห็นความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ต่างๆ ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วความสัมพันธ์นั้นจะไม่มีอยู่จริง และเป็นเพียงเรื่องบังเอิญก็ตาม
สุดท้าย system 1 และ 2 นั้น นอกจากจะทรงพลัง ก็อ่อนไหวอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าเรายิ้ม หรือใช้กล้ามเนื้อแบบเดียวกับการยิ้ม หรือแม้แต่ผงกหัวซ้ำๆ เรามันจะใช้ system 1 - ในทางตรงกันข้าม เมื่อเราขมวดคิ้ว หรือสะบัดหัวไปทางซ้ายและขวา เราก็มักจะใช้ system 2 [ จากการทดลองให้นักศึกษาทำโจทย์ทางสถิติง่ายๆ ในขณะที่รับการทดสอบกล้ามเนื้อคอ ด้วยการสะบัดหัวไปในทิศทางต่างๆกัน นักศึกษาที่สะบัดหัวไปทางซ้ายและขวา ตอบถูกมากกว่า นักศึกษาที่สะบัดหัวขึ้นลงอย่างมีนัยสำคัญ ]
🍀 [ พาร์ท 2 ]
หลังจากแดนนี่ปูพื้นความรู้ของ system 1 และ 2 เรียบร้อยแล้ว หนังสือจะพาเราไปดูอคติทางการรับรู้ (bias) ที่ถูกสร้างขึ้นโดยระบบทั้งสองกัน
📌 Small Numbers - system 1 มักจะทึกทักเอาเองว่าเหตุการณ์เฉพาะที่เราได้พบเห็น สามารถใช้เป็น ’ตัวแทน’ เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันในครั้งอื่นๆได้ ถึงแม้ว่าเราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ตามหลักสถิติ เพราะถือเป็นกลุ่มตัวอย่างที่เล็กเกินไป