Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่องพระ(สมเด็จบางขุนพรหม)ง่ายๆสไตล์ CK
•
ติดตาม
8 พ.ค. 2021 เวลา 11:37 • การศึกษา
เข้าเรื่องส่องพระ(สมเด็จบางขุนพรหม) ตอนที่1 ว่าด้วยวรรณะ(สี) ภาค1
ก่อนที่จะกล่าวถึงวรรณะ(จากนี้ไปขอใช้คำว่าสี เพื่อความเข้าใจง่าย)ต่างๆที่นักส่องพระสามารถพบได้ในพระสมเด็จบางขุนพรหมนั้น CKขอกล่าวถึงลักษณะของผิวพระที่เราสามารถพบเจอได้ก่อน ที่เลือกกล่าวถึงเรื่องนี้ ขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆแล้วกัน เวลาเราไปหาหมอเพื่อทำการรักษาโรคอะไรสักอย่าง หมอก็ต้องทำการซักประวัติก่อน จากนั้นก็ทำการตรวจร่างกาย แล้วถ้ายังวินิจฉัยไม่ได้ ก็ต้องมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติมด้วยวิธีการต่างๆที่พิเศษขึ้นไป การพิจารณาพระสมเด็จบางขุนพรหมก็เช่นกัน ฉันใดก็ฉันนั้น
จากบทความคราวที่แล้ว ได้กล่าวถึงประวัติการสร้างไปพอสังเขป การสร้างพระสมเด็จบางขุนพรหมนั้นได้ต้นแบบมาจากทางวัดระฆัง ดังนั้นมวลสารหลักก็คือปูนเปลือกหอย และในยุคปลายของสมเด็จพระพุฒาจารย์โตฯ การทำพระสมเด็จก็มีการใช้น้ำมันตังอิ๊วเป็นตัวผสานเนื้อปูนแทนน้ำอ้อยที่เคยใช้กันในยุคต้น
ลักษณะผิวมัน(ภาพด้านซ้าย) และลักษณะผิวด้าน(ภาพด้านขวา)
ลักษณะของผิวพระสมเด็จบางขุนพรหมที่พบได้ จะมีสองลักษณะใหญ่คือ ลักษณะผิวด้าน และลักษณะผิวมัน ทั้งนี้ตามการวิเคราะห์ของCKเอง จากประวัติที่มีบันทึกไว้และการทำการทดลอง
มีสาเหตุอยู่3ประการที่ส่งผลให้ลักษณะเนื้อผิว มีความแตกต่างกัน คือ
1.ปริมาณของส่วนผสมในเนื้อพระตอนสร้าง เนื่องจากใช้คนในการทำ ดังนั้นความแม่นยำของสัดส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปูนเปลือกหอย น้ำมันตังอิ๊ว และมวลสารผสมอื่นๆ ย่อมมีความไม่เท่ากัน ยิ่งหากมีน้ำมันมาก โอกาสผิวมันก็มีมากกว่าที่มีน้ำมันน้อย
2.การสัมผัสกับความร้อนภายในองค์เจดีย์ ยิ่งสัมผัสความร้อนมาก โอกาสที่ผิวจะมีความเงามันเหมือนการเผาเครื่องปั้นดินเผาหรือถ้วยชามสังคโลกก็จะมีมากกว่า ดังนั้นตำแหน่งที่อยู่ของพระภายในเจดีย์ ที่ส่งผลต่อการสัมผัสความร้อนนั้นสามารถมีผลกระทบต่อลักษณะพื้นผิวขององค์พระที่ปรากฏได้ ยิ่งอยู่ลึกก็สัมผัสความร้อนน้อยกว่า
3.ความชื้นภายในตัวขององค์พระ อันนี้CKวิเคราะห์จากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ว่าด้วยเรื่องของความชื้น ดินหรือปูนที่มีความชื้นอยู่และแห้งหายไปอย่างช้าๆ จะได้พิ้นผิวที่มีลักษณะของผิวที่ดูมีความฉ่ำวาวมากกว่าวัตถุที่น้ำระเหยไปอย่างรวดเร็ว แต่ข้อนี้ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป ขึ้นอยู่กับปริมาณส่วนผสมเนื้อพระด้วย
ความแตกต่างของระดับความมันวาวของผิวพระสมเด็จบางขุนพรหม
อย่างไรก็ดี CKใช้การวิเคราะห์ที่เกิดจากการอ่านหนังสือศึกษาเรื่องพระสมเด็จบางขุนพรหมบวกกับความรู้และการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่เคยทำมา ดังนั้นCKขอให้ท่านผู้อ่านนำไปพิจารณาอีกครั้งตามลักษณะความรู้ของแต่ละท่านและหากท่านกรุณาก็แบ่งปันความรู้ ความคิดเห็นที่ได้นั้น กลับมาให้กันได้อ่านก็ขอบคุณมาก เพราะการส่องพระสมเด็จให้สนุกนั้น นอกเหนือจากการศึกษาประวัติศาสตร์เราจำเป็นต้องมีจินตนาการที่เชื่อมโยงกับหลักการความรู้ด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วระดับของปัญญาที่เกิดขึ้นจะมีเพียงระดับเดียว คือ เชื่อตามๆกันมา เชื่อตามอาจารย์บอก เชื่อตามตำราเขียน การศึกษาพระสมเด็จนั้นเปรียบเสมือนการแกะลายแทงสมบัติสำคัญที่สมเด็จโตฯท่านได้สร้างไว้ให้ อันที่จริงแล้วความรู้จากการบอกเล่าและบันทึกต่างๆนั้นสำคัญ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้ต่อยอดได้
อย่างไรก็ดี เราๆท่านๆ ต่างไม่มีใครเกิดทันยุคสมัยของสมเด็จโตฯ การพิจารณาพระสมเด็จจึงต้องใช้หลักการ ความรู้ และปัญญาพินิจวิเคราะห์ แล้วท่านก็จะสนุกกับการค้นคว้านี้
แล้วพบกัน ในภาค2ว่าด้วยวรรณะ(สี)ต่างๆที่พบได้ในพระสมเด็จบางขุนพรหม
หากท่านคิดว่าข้อมูลที่CKได้นำมาเล่าให้ท่านได้อ่านนั้นมีประโยชน์ ทำให้ท่านได้ส่องพระสมเด็จบางขุนพรหมได้อย่างสนุกมากขึ้น ก็ขอให้กดชอบ กดแบ่งปัน เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะ ด้วยความเคารพ....
ขอให้ท่านสนุกกับการส่องพระ และขอให้ท่านมีอิสรภาพทางความเชื่อด้วยปัญญาของท่านเอง
1 บันทึก
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย