9 พ.ค. 2021 เวลา 13:18 • ความคิดเห็น
เมื่อแม่ยังเล็ก ยามค่ำคืน พระจันทร์คือทุกสิ่ง
เอครับ บีลูก …
เมื่อวานไฟดับกว่า 5 ชั่วโมง เราปักหลักบนโต๊ะอาหารเพราะมุมนี้ลมเย็นที่สุด คุยกันจนคอแห้ง ขุดทริปอดีตมาเล่าซ้ำ เล่าไปจนหมดชาไปหลายกา เทียนหมดไปหลายเล่ม
บีเสนอว่าฟังเพลงกันเถอะ แล้วเปิดเพลงคุณ Flank Sinatra มาประกอบ พบว่าได้ฟีลลิ่งไม่น้อย นี่ถ้าได้ฟังผ่านแผ่นเสียงย้อนยุคด้วย คงยิ่งฟิน 🥰
แม่เลยนึกย้อนยาวไปถึงเมื่อยังเล็กมาก คุณตาคุณยายยังทำนาอยู่ที่อำเภอนอกๆออกไปไกลมาก บ้านเราอยู่ริมคลอง เมื่อฤดูน้ำหลาก ใต้ถุนเต็มไปด้วยน้ำ อาหารมาถึงใต้ถุน มีปลาเยอะมาก ที่จริงเมื่อน้ำท่วมถึงนอกชานที่เชื่อมระหว่างตัวบ้านและครัวนั้น แม่ไล่จับเลยก็ยังได้ ปลาเยอะขนาดนั้นเลย
ที่สำคัญคือเดินทางสะดวก ไปไหนมาไหนด้วยเรือ แม่ถึงได้ชอบฤดูน้ำหลาก
ส่วนฤดูแล้งอย่างต้นพฤษภาคมแบบนี้ คุณตาคุณยายเก็บเกี่ยวข้าวกันหมดแล้ว ในนาเหลือเพียงซังข้าวยืนต้นรอวันล้ม เวลาเราเดินตามคันนา ยอดแหลมๆที่เกิดจากการเกี่ยวข้าวคอยมาตำๆขาหรือแขน แสบๆคันๆ เพราะฤดูแล้ง เราเดินทางด้วยเท้า
กลับจากธุระหรืองานวัด เราต้องเดินตามคันนา
เชื่อไหมลูก เมื่อพระอาทิตย์ลับฟ้า ก็เหมือนพาเอาดวงตาเราไปด้วย
กระทั่งฝ่ามือตัวเองยังมองไม่เห็น
คุณตามีไฟฉายไหม ลูกคงถาม
มีสิลูก แต่ต้นทุนแพงด้วยถ่านไฟฉายหลายก้อนที่ต้องใส่ จะเปิดตลอดทางก็ไม่ได้ เลยต้องเปิดเฉพาะเมื่อเริ่มไม่แน่ใจว่าข้างหน้าตรงนั้นมีงูหรือเปล่า
 
จ้ะ งูก็เยอะ
แต่งูเยอะนั้น แม่ไม่กังวล เพราะยังเด็กเกินกว่าจะเที่ยวไปกลัวในสิ่งที่ตาเห็น
เรามักกลัวสิ่งที่มองเห็นในจินตนาการ
ริมป่าที่เป็นเงาเงื้อมแบบนั้นคล้ายตัวอะไร
มีผีไหม
สารพัดจะนึก
แต่ทุกความหวาดกลัวนั่นจะหายไป เมื่อแม่เดินไปตามคันนาในคืนพระจันทร์สาดส่อง
เมื่อมองพระจันทร์ คนรุ่นลูกเห็นเพียงความสวย
แต่แม่นึกขอบคุณ
บางที คุณค่าของสิ่งไหน ก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่สิ่งนั้นมีอยู่
เหมือนเทียนเล่มน้อย กับคืนที่ไฟดับ
โฆษณา