21 พ.ค. 2021 เวลา 04:07 • ปรัชญา
เรื่องราวในอดีต จดจำไว้ในใจ ขอบคุณทุกคำวิจารณ์และคำชี้แนะด้วยความหวังดี
เมื่อวันที่25 เมษายน 63 Xiaozhanได้อัพลงใน weibo หลังจากที่เขาเงียบหายไปจากโซเชี่ยลนานหลายเดือนมีข้อความว่า
>>เรื่องราวในอดีต จดจำไว้ในใจ ขอบคุณทุกคำวิจารณ์และคำชี้แนะด้วยความหวังดี <<
เซียวจ้าน เล่าว่าเขาเริ่มต้นจากคนธรรมดาเข้าสู่วงการตอนอายุ23การที่ต้องแบกรับกับความรับผิดชอบที่ไม่เคยคิดมาก่อนสำหรับเขาแล้วมันหนักหนามากในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
สำหรับเขาแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจและสิ่งที่เขาคาดหวังในตัวเองมาตลอดคือการที่เขาจะไม่หยุดพัฒนาและไม่หยุดที่จะเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ
ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อพิพาทเกี่ยวกับเขา และเกิดขึ้นในช่วงที่ทุกคนกำลังร่วมมือกันต้านโรคระบาด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขากักตัวอยู่ที่บ้าน เซียวจ้านรู้สึกกังวลและเสียใจเป็นอย่างมาก หากข้อพิพาทที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบและสร้างความลำบากใจแก่เพื่อนๆชาวเน็ต เขากล่าวขอโทษด้วยความจริงใจ
>>ขอบคุณทุกคำวิจารณ์และคำชี้แนะด้วยความหวังดี
สำหรับประโยคนี้เซียวจ้านได้ให้คำอธิบายว่า ตั้งแต่เขาเดบิวท์มาจนถึงตอนนี้คำวิจารณ์และคำชี้แนะต่างๆก็ยังคงมีมาเรื่อยๆจากคนธรรมดาสู่การได้มายืนบนเวทีได้มาเต้นได้มาร้องเพลงจากที่ไม่เคยฝึกซ้อมที่ไหนมาก่อนในตอนนั้นทั้งคนรอบข้างก็ดี รุ่นพี่ก็ดีหรือจะเป็นบรรดาชาวเน็ตต่างๆ ต่างก็หวังดีในการวิจารณ์และให้คำแนะนำต่อเขาและเขายินดีที่จะรับไว้เพราะเขาคิดว่าคำแนะนำเหล่านี้ล้วนทำให้เขาพัฒนาขึ้น แต่สำหรับคำวิจารณ์ที่มุ่งร้ายข่าวลือและใส่ร้าย มันไม่เพียงส่งผลกระทบกับเขาแต่มันรบกวนถึงบรรดาเพื่อนที่อยู่รอบกายของเขาและคนในครอบครัวเขาด้วย เขาไม่เคยน้อยใจแต่มันคือการคิดไม่ตกมากกว่า และเมื่อถามถึงวิธีจัดการกับอารมณ์ของเขาตอนที่คิดไม่ตกอย่างไร เขาเล่าว่าก่อนหน้านี้เขามีเพื่อนคนหนึ่งได้ส่งข้อความมาถึงเขาและพูดกับเขาคำหนึ่งซึ่งทำให้เขารู้สึกดีมากๆ เซียวจ้านเล่าว่าเขาพูดกับเซียวจ้านว่า
>ตอนที่รู้สึกจริงจังให้ทำงาน <
>ตอนที่รู้สึกสับสนให้ไปอ่านหนังสือ<
>ตอนที่รู้สึกโดดเดี่ยวให้ใช้สติพิจารณา<
>ตอนเศร้าใจให้นอนหลับ<
เซียวจ้านบอกว่าแค่คำพูดไม่กี่คำนี้มันบอกถึงสภาพของเขาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ได้ดี เหมือนกับช่วงเวลาที่ได้กล่าวไปข้างต้นและก็เป็นช่วงเวลาที่เขาได้ใช้สติคิดและพิจารณา ทำให้สะท้อนให้เห็นตัวเองเมื่อครั้งยังไม่ประสีประสาว่าตอนนั้นเขาได้แสดงออกถึงอะไรที่ไม่ดีไปหรือเปล่า เหมือนตอนนี้ที่เขานึกออกว่าตอนที่เขาอายุ19-20นั้นเขาเพิ่งเริ่มใช้weiboแรกๆในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ตระหนักถึงอะไรเลยบนพื้นที่สาธารณะนี้เคยไปคอมเมนท์บน weiboของคนอื่น ไปคอมเมนท์ถึงข้อความที่ไม่หมาะสม ซึ่งแน่นอนมันมีผลกระทบและสร้างควมเจ็บปวดให้แก่คนอื่น
ดังนั้นวันนี้เซียวจ้านจึงอยากขอโทษต่อผลกระทบที่เกิดจากความไม่เหมาะสมที่เขาได้ก่อไว้ และอยากบอกคนที่เขาเคยทำให้เจ็บปวดว่า ผมขอโทษ
หลังจากที่เขาได้เป็นศิลปินได้เป็นบุคคลสาธารณะเขาได้รับความสนใจจากทุกๆคนและสิ่งที่เขาตระหนักได้จากการมาอยู่ตรงนี้คือ
ยิ่งได้รับความสนใจมากเท่าไหร่ยิ่งต้องรับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้น ผมพูดจริงๆนะ
ดังนั้นเซียวจ้านจึงหวังว่าตัวเขาเองในอนาคตข้างหน้าจะสามารถแสดงความสามารถและความตั้งใจได้มากขึ้น เพื่อให้คู่ควรกับที่ทุกคนรักและให้ความสนใจในตัวเขา
และต้องรู้สึกขอบคุณ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่บ้านของเขาสอนมาตั้งแต่เด็ก
เขาเล่าต่ออีกว่า มีเรื่องหนึ่งที่เขารู้สึกประทับใจมากๆคือ มีคุณแม่ท่านหนึ่งเธอปล่อยลูกในอ้อมแขนของเธอลงแล้วก็ร้องให้น้ำตาอาบแก้ม แล้วพูดกับลูกว่าแม่ต้องไปต่อสู้กับเจ้าสัตว์ประหลาดแล้วนะ ให้ตายสิ ความงดงามนี้มันช่าง.. อยากจะให้ลูกอยู่บนโลกที่งดงามใบนี้ใช้ความรักของแม่ปิดกั้นเรื่องที่ไม่ดีพวกนี้ ดังนั้นเขารู้สึกว่า ขอบคุณทุกๆคนที่ต่อสู้อย่างยากลำบากในหน้าที่ของตนเองมีความรับผิดชอบอย่างจริงจังหรืออีกในแง่หนึ่ง พูดถึงการเป็นศิลปินของผมการเป็นนักแสดงที่ดี การเป็นนักร้องที่ดีเขาต้องพัฒนาทักษะการแสดงของเขาอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาทักษะการร้องเพลงของตัวเองเพื่อสร้างผลงานที่ดีๆตอบแทนทุกคน ถึงแม้ว่าตั้งแต่ที่เขาเดบิวท์จนถึงตอนนี้เขาจะยังไม่มีผลงานใดได้เป็นที่ประจักษ์แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาจะบอกเขาพูดต่อว่าเขาจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และรับบทที่ท้าทายมากยิ่งขึ้นเขายากจะร้องเพลงให้มันดีขึ้นเพื่อทุกๆคน สำหรับเขาแล้วสิ่งนี้คือความเติบโตบนเส้นทางนี้
หลังจากละครเฉินฉิงลิ่งดังเป็นพลุแตกเพียงข้ามคืนเขาก็มีแฟนคลับเพิ่มเยอะขึ้นมากๆ เขารู้สึกอย่างไร
จากคนธรรมดาสู่การเป็นบุคคที่ผู้คนให้ความสนใจได้รับความรักและชื่นชอบมากมายขนาดนี้เขาว่าเขาเป็นคนที่โชคดีมากๆ การได้มาเป็น นักร้อง นักแสดง ล้วนเป็นความโชคดีทั้งๆที่เขาก็ไม่รู้ว่าคนที่มาชอบเขาเป็นใคร ตัวตนจริงๆของพวกเขาเซียวจ้านก็ไม่รู้จัก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่ไหน หน้าตาเป็นอย่างไร รู้เพียงว่าเขาสนับสนุนและพวกเขายังใช้พลังของพวกเขาทำกิจกรรมการกุศลต่างๆโดยใช้ชื่อของเซียวจ้าน ใช้พลังและความรักของตัวพวกเขาส่งต่อให้คนหลายๆคน เซียวจ้านบอกว่าเขารับรู้ได้ถึงพลังที่พวกเขามอบให้กับเซียวจ้าน
ดังนั้นเซียวจ้านหวังว่าตัวเขาจะทำได้ดียิ่งขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับความรักที่พวกเขามีให้
สำหรับคำที่ว่า ไอดอลควรจะจัดการแฟนคลับของตัวเองให้ดี
เซียวจ้านเล่าว่า ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ คำนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอด ทั้งคิดและปรึกษากับทีมงานของเขาเกี่ยวกับคำนี้ด้วย เซียวจ้านเขาบอกว่าเขาไม่เห็นด้วยกับคำนี้เพราะเขาคิดว่าสำหรับคนที่รักและสนับสนุนเขาแล้วเราไม่ได้เกี่ยวข้องกันในรูปแบบเจ้านายกับลูกน้องเขาคิดว่าเราอยู่ในความสัมพันอยู่ในระดับเดียวกัน เซียวจ้านบอกว่าในฐานะศิลปินและบุคคลสาธารณะ สิ่งที่เขาควรทำคือการทำหน้าที่ในอาชีพของเขาให้ดีที่สุด แสดงละครให้ดี ร้องเพลงให้เก่ง จริงจังกับการสร้างผลงานของตัวเองพาตัวเองไปทำในสิ่งที่สร้างพลังบวกเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับคนที่รักและชื่นชอบในตัวเขาและมันก็เป็นสิ่งที่เขาควรทำและต้องทำจริงๆและมันก็เป็นสิ่งที่เขาอยากทำและกำลังทำอยู่ ดังนั้นสำหรับคนที่รักและสนับสนุนเขาแล้ว เซียวจ้านหวังว่าพวกเขาจะไม่ไปทำอะไรที่มันสุดโต่งไม่ไปทำร้ายคนอื่นและที่สำคัญคือไม่ทำร้ายตัวเอง หวังว่าพวกเขาจะรักและดูแลตัวเองให้ดีและใช้ชีวิตได้อย่างดี และหากว่ามีโอกาส นอกเหนือจากการเรียนและทำงานที่เราจะได้มีโอกาสช่วยเหลือผู้อื่นร่วมกัน ไปทำในสิ่งที่มีความหมายต่อสังคม
ถ้าถามว่าจะชี้นำแฟนคลับให้ไปทำอะไรที่จะทำให้โลกใบนี้สวยงามมากยิ่งขึ้น
เซียวจ้านกล่าวว่า การทำกิจกรรมการกุศล คนทั่วไปสามารถทำได้ เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ดังเช่น บุคคลสาธารณะเช่นผมที่มีคนให้ความสนใจยิ่งต้องแบกรับความรับผิดชอบที่มากขึ้น เพราะตอนที่เซียวจ้านกักตัวอยู่ที่บ้านนั้นเขาก็เหมือนกับทุกคนที่คอยติดตามข่าวสารเกี่ยวกับโรคระบาดเสมอ ในช่วงเวลานี้เขาก็ส่งมอบพลังเล็กๆของเขาอยากที่จะช่วยเหลือและมอบพลังให้แก่คนอื่น ทุุกคนอาจจะเห็นกิจกรรมการกุศลที่แฟนคลับริเริ่มทำกันเองและมีทีมงานของเซียวจ้านคอยช่วยเหลือคอยช่วยโปรโมทเล็กๆน้อยๆเขาอยากที่จะใช้พื้นที่เล็กๆนี้ส่งมอบน้ำใจอันเล็กน้อยของตัวเขาและคิดว่าการทำกิจกรรมการกุศลเป็นสิ่งที่ต้องทำพยายามทำไปอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ แน่นอนว่าเซียวจ้านจะเข้าร่วมกิจกรรมด้วยหากว่าจะทำให้คนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมมากยิ่งขึ้น
ทุกๆคนก็มาทำด้วยใจให้มันกลายเป็นเรื่องปกติด้วยกันนะครับ เซียวจ้านกล่าว
หลังจากได้อ่านบทสัมภาษณ์เชียวจ้านจบ เราคิดว่าเชียวจ้านมีพลังบวกในตัวมากๆเขามีสติและวิธีคิดที่ดี เขาอ่อนโยนแต่ทรงพลัง เชื่อว่าหลายๆคนที่ได้รับรู้เรื่องนี้จะยิ่งรักเซียวจ้านเพิ่มขึ้นทวีคูณ และฉันเชื่อว่าพลังบวกสามารถเปลี่ยนโลกที่แสนจะธรรมดาหรือกำลังแย่ให้สวยงามมากยิ่งขึ้นได้ มาเติมพลังบวกให้กับชีวิตในทุกวันให้มันเป็นเรื่องปกติเพื่อความงดงามในใจของตัวเราเองนะคะ
ขอบคุณผู้แปลบทสัมภาษณ์หลายๆท่านให้เราได้อ่านและได้เข้าใจเซียวจ้านมากยิ่งขึ้นนะคะ
ขอบคุณผู้อ่านที่อ่านจนจบ หวังว่าโลกของหลายๆท่านจะสวยงามมากยิ่งขึ้นด้วยพลังบวกนะคะ
และสุดท้ายขอบคุณเซียวจ้าน #Xiaozhan ที่มีพลังบวกและส่งต่อพลังบวกนั้นออกมาพลังบวกมันทำให้โลกสวยงามมากยิ่งขึ้นจริงๆค่ะ
โฆษณา