12 พ.ค. 2021 เวลา 03:31 • หนังสือ
อ่านมาแล้วขอเล่าให้ฟัง ครั้งที่ 2
จบไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย สำหรับนวนิยาย เพชรพระอุมา 48 เล่ม ของท่านพนมเทียน ใช้เวลาอ่าน 1 ปีกว่า ความยาวเกือบๆ 2 หมื่นหน้า แต่ให้ตายเถอะ อ่านมาราธอนของจริงมาก ภาคแรกสนุกที่สุด อ่านจนเก็บไปฝันว่าตัวเองไปนั่งคุยกับตัวละครชื่อ แงซาย เราทั้งอ่านเองและฟังเสียงเล่าจากช่องยูทูป : Ruammit Channel ช่องนี้คือดีมากนะ คนเล่าดัดเสียงตัวละครให้ต่างกันจนแยกออกว่าใครพูดกับใคร แล้วยังมีเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงเอฟเฟ็กให้เร้าใจอีกด้วย เหมือนฟังละครวิทยุเลย ส่วนภาคสองอ่านจนจะอ้วก คิ้วขมวดตลอดเวลาได้อารมณ์สุดๆ สุข เศร้า มีน้ำตา หงุดหงิด โมโห ครบรสมากกว่าภาคแรก แต่ก็จบสวย
วันนี้ก็เลยถือโอกาสมา รีวิวและระบายความรู้สึก ให้อ่านกันเพลินๆ สักหน่อย
ไป เริ่มค่ะ><
>>ขอแนะนำตัวละครหลัก แบบคร่าวๆ พอเป็นพิธี<<
-- รพินทร์ ไพรวัลย์ (พระเอก) เขาเป็นพรานป่าผู้ผ่านการศึกษาจากประเทศที่เจริญแล้วมาพอสมควร แต่กลับมายึดอาชีพพรานป่าจับสัตว์ขายซะงั้น เขาเป็นคนตรงๆ มีสัจจะยึดมั่นในคำพูด ถ่อมตัวสุดๆ มักทำให้เห็นมากกว่าพูดเสมอ แต่ก็มีจุดอ่อนที่ทุกคนอาจคาดไม่ถึง
-- คุณหญิงดาริน วราฤทธิ์ (นางเอก) หล่อนเป็นศัลยแพทย์มือเกียรตินิยมและมีความรู้ในทางมานุษยวิทยา เก่ง เฉียบขาด คำพูดกินในลึกซึ้ง แต่ขี้วีน ขี้โมโห เอาแต่ใจตัวเอง หาเรื่องทะเลาะกับพระเอกตลอดเวลา แล้วก็เกือบตายตั้งหลายครั้งถ้าพระเอกมาช่วยไว้ไม่ทัน
-- คุณชายเชษฐา วราฤทธิ์ (พี่ชายคนโตของตระกูล) หัวหน้าของคณะเดินทางผู้มาจ้างพระเอกให้ช่วยนำทางไปตามหาน้องชายที่หายสาปสูญ แกเป็นคนละเอียดรอบคอบมาก ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ สุขุมนุ่มลึก ใจเย็น มีเหตุผล เป็นคนหนึ่งที่พระเอกเคารพรักและเลื่อมใสมากๆ (เราปลื้มแกมากกกก คนนี้คือพี่ชายในฝันเลย)
-- นายทหารไชยยันต์ อนันตรัย เป็นเพื่อนสนิทกับพี่น้องตระกูลวราฤทธิ์ เป็นคนช่างพูดช่างคุย ตลกคะนอง เป็นตัวสร้างสีสันและเสียงหัวเราะให้เกือบตลอด แต่บางทีก็ใจร้อน ขี้โวยวาย สบถด่าไปเรื่อย ไม่ค่อยรอบคอบสักเท่าไหร่
-- แงซาย (พระรอง) เป็นหนุ่มพเนจรผู้มีความเป็นมาลึกลับที่สุดชนิดที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าว่าเป็นชนเผ่าไหน ตอนปรากฏตัวครั้งแรก เราเข้าใจว่าต้องเป็นตัวป่วนตัวร้ายแน่ๆ แต่ก็ไม่ใช่ เป็นคนที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง พูดความจริงเสมอแต่ก็พูดไม่หมด มีฝีมือไม่แพ้พระเอกเลย และในอนาคตเขาจะเป็นทั้งคู่ปรับและผู้ช่วยคนสำคัญของพระเอกชนิดขาดไม่ได้เลยทีเดียว (เขาคือเทพบุตรสุดหล่อของเรา เป็นรักเป็นหลง)
-- เมยานี นักรบสาวผู้มีสิริโฉมงดงามปานนางพญา สวย เก่ง เท่ เฉียบคม ว่องไว ปราดเปรียว เธอจะปรากฏตัวให้เห็นในตอนท้ายๆ ของภาคแรก
-- มาเรีย ฮอฟมัน เป็นคนที่สร้างความปวดกบาลให้พระเอกต้องเหนื่อยใจรองลงมาจากนางเอก แต่นางมีความรู้เกี่ยวกับโบราณศาสตร์ซึ่งช่วยคณะเดินทางได้มากทีเดียว และยังมีฝีมือในการเดินป่าที่เรียกว่าเป็นพรานคนหนึ่งก็ว่าได้
-- พรานลูกน้องของรพินทร์ : บุญคำ จัน เกิด เส่ย คะหยิ่น ส่างปา เหมือนเป็นตัวสร้างสีสันของเรื่องเลยแหละ บางมุกเราอ่านแล้วขำจริงๆ
-- นายชด ประชากร กับ พรานหนานอิน คือบุคคลที่หายเข้าไปในป่าลึกหลงสำรวจ และกำลังถูกติดตามค้นหา
-- ผีดิบมันตรัย เป็นตัวโกงตัวร้ายของเรื่องเลย จะปรากฏเมื่อคณะเดินทางหลงเข้าไปในอาณาจักรนิทรานคร อยู่ๆ ก็โผล่มาโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว
>>ภาคแรก มี 6 ตอน ตอนละ 4 เล่ม<<
(ไพรมหากาฬ, ดงมรณะ, จอมผีดิบมันตรัย, อาถรรพณ์นิทรานคร, ป่าโลกล้านปี และแงซายจอมจักรา)
-- ขอบอกก่อนนะสำหรับคนที่ Sensitive ต่อการล่าสัตว์หรือยิงสัตว์มากๆ ขอให้หลีกเลี่ยงนะ (ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยต่อความรู้สึกของคุณเอง) เพราะว่าช่วงเวลาที่ท่านพนมเทียนเขียนนวนิยายเรื่องนี้ ประเทศเรายังไม่มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ใครใคร่จะล่า-ล่า ใครใคร่จะยิง-ยิง ทำได้ตามอำเภอใจ การยิงสัตว์ในภาคนี้ไม่ว่าเพื่อป้องกันตัวหรือเพื่อความบันเทิงนั้นซัดกันจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้นเลยทีเดียว สำหรับเราอ่านครั้งแรกยอมรับว่าสนุกนะ คล้อยตามไปด้วย แต่พออ่านครั้งที่สองก็รู้สึกสงสารนะ เขาอยู่ของเขาเฉยๆ เราก็ยังเข้าไปทำร้ายเขาได้ถึงที่
-- การเดินทางได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อพรานรพินทร์ยอมตกลงรับจ้างเป็นพรานนำทางให้แก่พี่น้องตระกูลวราฤทธิ์ เพื่อออกเดินทางติดตามค้นหาคน 2 คนที่หายสาบสูญเข้าไปในป่าลึกซึ่งชาวบ้านแถบนั้นเรียกกันว่า ป่านรกดำ พวกเขาทราบเพียงว่าเป้าหมายของทั้งคู่คือต้องการมุ่งไปยังดินแดนลึกลับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของพม่าขึ้นไป เพื่อหวังจะไปให้ถึงดินแดนที่มีขุมเพชรของพระอุมาเทวี เขาทั้งคู่จะตายในระหว่างทางหรือยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีใครรู้
-- ทุกคนคงจะทราบดีว่าในป่ามีแต่อันตรายเต็มไปหมด ป่าไม่ค่อยใจดีกับใครนักหรอก คณะเดินทางของพรานรพินทร์ก็เลยพบกับอุปสรรคมากมายที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน (คือพวกเขานอนกันอย่างสงบๆ ได้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง จะต้องมีเหตุร้ายเข้ามาทุกที) เรียกได้ว่า ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคจากสัตว์ป่าดุร้าย กลุ่มคนป่าสุดโหด ภัยป่า ความลี้ลับอาถรรพณ์ของป่าที่สำแดงเดชให้เห็น (บางทีเราเองยังกลัวอะ มันหลอนขนาดนี้เลยหรอ) แต่ในความน่ากลัวเหล่านี้ก็จะมีหลักการใช้ชีวิตในป่าและวิธีป้องกันตัวเองจากสัตว์ป่าเล็กๆน้อยๆ จากพรานรพินทร์แทรกมาเป็นเกร็ดความรู้ให้เสมอๆ โดยเฉพาะการเอาตัวรอดจากการเผชิญหน้ากับงู นอกจากการเอาตัวรอดจากอันตรายแล้วก็ยังมีการถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างด้วย บางทีก็นึกว่าเข้าไปยืนโต้วาทีกันในป่า ยิ่งเป็นเรื่องของวิญญาณและความลี้ลับที่ทุกคนได้เจอกับตัวแล้วก็ยิ่งมีคำถามมากมายถามพรานรพินทร์ คุยกันไม่รู้จักจบจักสิ้น (โดยเฉพาะคุณหญิงดาริน นางจะถามเอาเป็นเอาตายเสมอเมื่อมันมาขัดกับหลักการแพทย์และขัดกับวิทยาศาสตร์ของนาง) แต่พรานรพินทร์คือสติปัญญาเลิศมากนะ ตอบคำถามได้ดีเลยสามารถเอาความลี้ลับกับความคิดแบบวิทยาศาสตร์ (ด้านชีววิทยา) มาเจอกันตรงกลางได้พอดี
-- สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่ในป่า บางที่ก็อ้างอิงมาจากสถานที่จริง บางที่ก็ถูกจินตนาการขึ้นมา เราบอกเลยว่าสวยมาก ยิ่งใหญ่ตระกาลตาที่สุด โดยเฉพาะความชุ่มชื้นของพืชพันธุ์ริมแอ่งน้ำตก ทะเลสาบบนยอดเขา และภาพทิวเขาสลับซับซ้อน มันเป็นภาพที่เราชอบที่สุด เย็นตาเย็นใจจนต้องอ่านซ้ำๆ และเมื่อการเดินทางลึกเข้าไปมากๆ คุณจะพบทั้งความสวยงามและความแห้งแล้งรวมถึงพืชและสัตว์ที่แปลกประหลาดด้วย คุณจะทึ่งในความฉลาดของสัตว์ที่คาดไม่ถึงว่ามันจะทำได้ คุณจะหวาดเสียวและสยองไปกับพืชชนิดแปลกๆ จนต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงยังต้องคารวะยอมชิดซ้ายหลีกทางให้เจ้าพืชชนิดนี้เลย บอกเลยว่าภาคแรกนี่สนุกสุดๆ มันส์มาก ครบทุกอารมณ์ ตื่นเต้นกันตลอดเวลา อ่านจนวางไม่ลงแน่ๆ
>>ภาคสอง มี 6 ตอน ตอนละ 4 เล่ม<<
(จอมพราน, งาดำ, จิตรางคนางค์, นาคเทวี, แต่ปางบรรพ์ และมงกุฎไพร)
-- ภาคนี้รพินทร์ต้องเข้าป่าอีกครั้งด้วยความจำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะมีคณะนายจ้างชุดใหม่มาจ้างวานเขาให้ช่วยนำทางไปทำภารกิจบางอย่าง (เราไม่ขอบอกว่าใคร ทำอะไร) แต่ขอสปอยล์นิดหนึ่งว่าตัวละครจากภาคแรกยังอยู่ครบเกือบทุกคนนะ ประกอบกับช่วงเวลานี้ประเทศเรามีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าแล้ว ดังนั้นการล่าสัตว์เพื่อความสนุกแทบไม่มีเลย มีแต่เหตุให้ต้องป้องกันตัวและหาอาหารเท่านั้น เนื้อเรื่องจึงไปหนักอยู่ที่ฉากอารมณ์ความรู้สึก ความเห็นอกเห็นใจ ความทอดอาลัยต่อชีวิต ความประชดประชัน เรียกได้ต่อปากต่อคำกันจนปวดหัว เหมือนเป็นนวนิยายที่มีความเป็นบทละครปะปนอยู่ด้วย ภาคนี้พระเอกกับนางเอกจะมีความเกี่ยวพันธ์กับอาณาจักรหนึ่งซึ่งเป็นปัญหาที่ไม่สามารถบอกใครได้เลย สำหรับเรา happy กับภาคแรกมากกว่า แต่ภาคสองก็น่าติดตามจนพลาดไม่ได้เลยนะ เพราะมันจะเฉลยบางสิ่งบางอย่างที่ภาคแรกอธิบายไว้ไม่กระจ่างพอ และภาคสองนี่แหละจะเผยธาตุแท้จริงใจของตัวละครทุกตัวออกมาให้เห็น น่าลุ้นมากๆ เลยนะ ต้องอ่าน
-- เราเองชอบแงซายตั้งแต่ภาคแรก ด้วยความกวนteen จนน่าเตะนี่แหละทำให้เราประทับใจ แต่ไม่ชอบคุณหญิงดารินเลย น่าโมโหมาก แต่พออ่านภาคสองเรากลับ รัก คุณหญิงดารินอย่างไม่น่าเชื่อ นางน่าสงสารมาก นางทำให้เราน้ำตาไหลไป 3 ครั้ง
>>เนื่องจากท่านพนมเทียนชื่นชอบอาวุธปืนมากๆ ท่านจะพูดถึงปืนที่ตัวละครใช้ตลอดทั้งเรื่อง สาวกปืนทั้งหลายต้องชอบแน่ๆ
>>สำหรับคนที่มีงบไม่มากพอที่จะซื้อทั้ง 48 เล่มมาอ่าน เราแนะนำให้ยืมจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัย โรงเรียน หรือจากห้องสมุดประชาชนก็ได้นะ (เราเองก็ใช้วิธียืมอ่านเอา)
>>สุดท้ายนี้สำหรับคนที่ไม่เคยอ่าน แต่อยากลองอ่านดู แล้วคุณไม่ชอบเราดีใจด้วยค่ะ แต่ถ้าชอบขึ้นมาล่ะก้อ..เราเสียใจด้วยนะที่คุณจะต้องทรมานกับการอ่านและลุ้นจนตัวเกร็ง คุณจะอ่านจนวางไม่ลงเพราะเดาอะไรล่วงหน้าไม่ได้เลย นึกจะโผล่ก็โผล่มา จนบางทีคนอ่านก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน 555 :)
ขอให้สนุกกับการอ่านและท่องป่าค่ะ // Jookkybell
โฆษณา