สร้างประโยคภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องคิดเป็นไทยก่อน
ด้วยเทคนิคง่ายๆ แม้ไม่มีพื้นก็ทำได้
credit : canva.com
“ครูสุขา ทำไมเวลามีคนถาม How are you?
เราจะตอบ I’m fine, thank you อัตโนมัติอ่ะคะ
หนูแทบไม่ต้องคิดเลย แต่พอหนูอยากจะตอบอย่างอื่น
หนูก็คิดไม่ออกค่ะ คือมันนึกได้แต่เป็นภาษาไทยอ่ะค่ะ
พอต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ มันทำไม่ได้อ่ะค่ะ
มันนึกศัทพ์ไม่ออก ใช้คำไหนมั่ง มันเรียงคำยังไง หนูไม่รู้”
ก้อย นักเรียนผู้ใหญ่คนนึงของครูสุ พรั่งพรูคำถามขึ้นมาในคาบแรกที่เจอกัน
ขณะที่กำลังจะเริ่มคลาส conversation
.
ถามมาซะเหมือนอัดอั้นตันใจมานาน
เพราะเปิด zoom ปุ๊บ นักเรียนก้อยก็ใส่ไม่ยั้ง
.
และ จบลงด้วยเพลงซะด้วย “หนูไม่รู้”
“คงเป็นเพราะเราได้ยินประโยคโต้ตอบแบบนี้มานานจนชินนะซิ
.
พอได้ยินคำถามปุ๊บ สมองก็จะวิ่งปรู้ดไปหาประโยคที่คุ้นเคย นำมาใช้โต้ตอบก่อน
.
ซึ่งถ้าเราเพิ่มประโยคที่คุ้นชินแบบนี้ให้เยอะมากพอ
เราก็จะโต้ตอบได้หลากหลาย อัตโนมัติ และ เป็นธรรมชาติมากขึ้นเช่นกัน”
.
ครูสุตอบให้เข้าใจง่ายที่สุด พร้อมให้กำลังใจ
.
“นักเรียนทุกคนรวมทั้งหนูด้วย
สามารถสะสมประโยค และ รูปแบบประโยคต่างๆ
ได้จากการเรียน การฟัง การอ่าน
แต่ข้อสำคัญ คือ ต้องทำบ่อย ๆ ได้ยินบ่อย ๆ อ่านเจอบ่อย ๆ
เพื่อให้ input มากพอ
และ เอาออกมาพูดบ่อย ๆ
เอาออกมาเขียนบ่อย ๆ
เพื่อให้เกิดความคุ้นชิน”
credit : canva.com
“เดี๋ยว ๆ ๆ ค่ะครูสุ” นักเรียนก้อยไม่ปล่อยให้ครูสุพูดจบ
.
“แล้วมันจะบ่อย ๆ ได้ยังไงคะ
ในเมื่อเรายังสร้างประโยคไม่ได้เลย
ไหนจะศัพท์
ไหนจะไม่รู้เรียงคำแบบไหนให้ได้ภาษาไทยแบบที่เราต้องการ”
“นั่นซิคะ” ครูสุได้โอกาสย้อน
.
“ได้ยินหนูพูดถึงการสร้างประโยคโดยคิดเป็นไทยก่อนมา 2 ครั้งแล้วตั้งแต่เปิด zoom มา
.
หนูคิดว่า เราจะสร้างประโยค โดยที่ไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อนได้มั้ยคะ”
.
“ไม่น่าได้นะคะ” นักเรียนก้อยสวน แทบจะไม่รอให้ครูสุพูดจบ
.
“อย่างน้อยเราก็ต้องคิดว่า เราจะพูด หรือ เขียนอะไรอ่ะค่ะ”
credit : canva.com
“งั้นเอางี้
มาดูประโยคนี้กันค่ะ
.
I want to drink water. แล้วครูให้ศัพท์คำว่า milk
หนูได้ประโยคภาษาอังกฤษได้ว่า”
“I want to drink milk”
นักเรียนก้อยมั่นหน้าตอบ โดยลืมไปว่า เธอได้ใช้เวลาคิดเพียงเสี้ยววินาที
"แล้วถ้าครูสุให้ศัพท์คำว่า coke หล่ะ"
“I want to drink coke”
.
"แล้วถ้าครูสุให้ศัพท์คำว่า buy หล่ะ"
“I want to buy coke”
.
"แล้วถ้าครูสุให้ศัพท์คำว่า clothes หล่ะ"
“I want to buy clothes”
.
"แล้วถ้าครูสุให้ศัพท์คำว่า wash หล่ะ"
“ I want to wash clothes.”
"หนูได้ไปแล้ว 6 ประโยค โดยที่หนูไม่ได้ต้องคิดภาษาไทยก่อน
เพราะหนูสร้างประโยค ตาม input ที่ได้มา"
.
.
แล้วเมื่อเราสร้างประโยครูปแบบนี้เป็น
เราก็สร้างประโยคเพิ่มขึ้น
ด้วยการใส่คำศัพท์ที่สามารถแทนค่ากันได้เข้าไป
เราก็จะมีประโยคในหัวมากขึ้น
เมื่อจำเป็นต้องใช้ประโยค
สมองมันจะได้วิ่งไปหาประโยคเหล่านั้นได้ไว
และ เป็นธรรมชาติ พอ ๆ กับ
I’m fine, thank you and you.
นั่นแหละ
credit : canva.com
เริ่มที่ รูปแบบประโยคง่ายๆก่อนค่ะ
1. I want to drink water.
2. I want you to drink water.
3. I want you to drink water in the fridge.
4. I want to drink water in the fridge in the kitchen.
5. I want to drink water in the fridge in the kitchen with you.
แล้วเปลี่ยนคำว่า
I เป็นคำว่า
you, we, they, he, she, it, ชื่อคน, my sister, my brother, my mom, my dad, my friend, a man, a woman, a boy, a girl, the children
.
drink เป็นคำว่า sell, keep, get
.
water เป็นคำว่า coffee, pepsi, orange juice, tea
.
fridge เป็นคำว่า bottle, glass, river, lake,
kitchen เป็นคำว่า bedroom, living room, bathroom, café, house, school, forest
.
you เป็นคำว่า us, them, him, her, ชื่อคน, my sister, my brother, my mom, my dad, my friend, a man, a woman, a boy, a girl
ยังมีอีกค่ะ เราสามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธ และ คำถาม yes-know questions และ wh questions ได้อีกค่ะ เดี๋ยวเรามาเรียนต่อกันคาบถัดไปได้ค่ะ
การบ้านวันนี้
“มีการบ้านด้วยเหรอคะ”
credit : canva.com
นักเรียนก้อยสะดุ้งจากภวังค์
เธอรู้สึกแปลกใจมากที่ที่มีคำมากมายที่เป็นคำที่รู้จัก
แล้วสามารถนำมาแต่งประโยค ทำไมก่อนหน้านี้
เธอไม่รู้สึกว่ามันมีคำมากมายเยอะแยะที่เธอสามารถนำไปใชได้
.
“การบ้านคือสิ่งสำคัญที่สุดก็แทบจะว่าได้
เพราะว่าภาษาไม่ใช่การเรียนเพื่อเอาความรู้ไป
แล้วเอาไปไหนกันคะ เอาไปตั้งแต่อนุบาลยังรู้ไม่พอเหรอคะ
ภาษาเป็นเรื่องการเอาไปฝึก การเอาไปใช้ ค่ะ”
.
ครูสุได้โอกาสเน้นย้ำว่า ความรู้ที่ได้ไป ต้องนำไปใช้เท่านั้น ถึงจะเกิดประโยชน์
“การบ้านค่ะ
.
ไปแต่งประโยคมาค่ะ 50 ประโยคนะคะ
โดยการเปลี่ยนคำทีให้ไปนั่นแหละค่ะ
หรือคิดคำเพิ่มเติมได้ค่ะ
.
เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แล้วลองดูซิค่ะ
ว่าเราแทบจะไม่ได้คิดเป็นภาษาไทยเลย
แค่คิดถึงคำศัพท์บางคำที่เราจะเอามาสร้างประโยคเท่านั้นเอง
ในขณะที่แต่งประโยคได้นั้น ให้จินตนาการภาพไปด้วยนะคะ
ซึ่งคือแทนการแปลนั่นแหละค่ะ เช่น
.
I want you to drink water in the river in the mountain.
ภาพที่เห็นคือเราสั่งให้ชายคนนึงดื่มน้ำที่แม่น้ำบนภูเขา
.
เดี่ยวคาบหน้า ครูสุจะเอารูปมาให้ดู แล้วให้นักเรียนพูดประโยคที่เรียนในวันนี้ออกมา
.
ครูสุแน่ใจว่ามันจะเป็นธรรมชาติมากขึ้น เหมือนตอบ
I’m fine, thank you and you นั่นแหละค่ะ”
.
ค่อย ๆ แต่งไปทีละรูปแบบประโยค จากศัพท์ที่ละคำ ทีละกลุ่ม
เราก็จะค่อยๆสะสมประโยคที่เราใช้บ่อย ๆ ไปได้เอง ซึ่งนั่นคือ input
.
แล้วเราก็ค่อย ๆ แต่งประโยค ตามรูปแบบที่มี ออกมาใช้ด้วยการพูด ด้วยการเขียน ซึ่งนั่นคือ out put.
.
เดี๋ยวเราก็จะมีประโยคที่พูดหรือเขียนตรงใจได้มากที่สุดเองค่ะ
.
นักเรียนก้อย ตื่นจากภวังค์ และ รับปาก “ค่ะ ค่ะ ค่ะ”
credit : canva.com
สำหรับท่านผู้อ่านท่านไหน ต้องการร่วมสนุกไปกับนักเรียนก้อย
.
ก็ลองแต่งประโยคลงในคอมเม้นท์ด้านล่างได้ค่ะ
.
แล้วลองเปลี่ยนคำศัพท์เป็นคำที่เรารู้จักค่ะ
.
เริ่มจากคำที่เรารู้จักก่อนนะคะ แล้วนึกภาพตาม
.
เดี๋ยวคาบหน้า เราจะมาแต่งประโยคตามรูปกันค่ะ
.
Enjoy your homework.
งานสอน
รับงานสอนออนไลน์ภาษาอังกฤษ -> กำลังเปิดรับสมัครคอร์ส ป.6, ม.1, ม.2
.
ติดต่อครูสุ
Facebook fanpage : เรียนภาษาอังกฤษง่ายๆสไตล์ครูสุ
.
Facebook group : English สำหรับนักเรียนประถมปลาย หนังสือ family and friends ป 4, 5, 6 https://www.facebook.com/groups/220181429343323
.
Line id : teachersue
.
Cool English google map
- 13
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
